รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 58 แดนศักดิ์สิทธิ์มาถึง

บทที่ 58 แดนศักดิ์สิทธิ์มาถึง

บทที่ 58 แดนศักดิ์สิทธิ์มาถึง

โจวตงกำลังโมโห ยามเอ่ยวาจานี้ออกมาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

หนึ่งประโยค ‘ใช้สมองเสียบ้าง’ และโจวตงก็กลายเป็นเป้าโดนติฉินนินทาทันที

ไม่เพียงแต่บรรพชนสำนักหยวนอีเท่านั้นที่จ้องมองโจวตง แต่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนอื่น ๆ เช่นเดียวกับปีศาจแห่งเผ่าปีศาจเองก็จ้องโจวตงเขม็งเช่นกัน

“เอาล่ะ ๆ แค่ซื่อตรงกับข้า อย่าทำผิดพลาดมากมายนักเลย!”

โจวตงพูดอย่างอดรนทนไม่ได้ “ข้าค้นพบสถานที่นี้เป็นครั้งแรกกับตาเฒ่าเวิง!”

เดิมทีเขาก็อารมณ์นิ่งไม่อยู่แล้ว ยิ่งเห็นผู้ฝึกตนด้วยกันทะเลาะกับปีศาจตัวใหญ่ของเผ่าปีศาจ มันคงเป็นเรื่องแปลกที่เขาจะทำหน้าดีอกดีใจได้

“โจวตง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ถ้าพูดไม่เป็นก็อย่าพูด!”

บรรพชนสำนักหยวนอีมีสีหน้าไม่ดี

“เจ้ามีสิทธิอะไรมาพูดเช่นนั้น!”

ปีศาจตัวใหญ่จ้องโจวตงเขม็ง และปราณชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาก็หนักหน่วงขึ้น

“ข้ามีสิทธิอะไรน่ะหรือ? ดูเสียให้เต็มตาว่าข้ามีสิทธิอะไร!”

โจวตงยื่นมือออกไป มันใหญ่ขึ้นทันที และคว้าจับปีศาจตัวใหญ่ไว้ในมือโดยตรง

“เจ้านกมีเกล็ดสี่ปีก ซื่อตรงกับข้าซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะเด็ดปีกทั้งสี่ของเจ้าทิ้ง!”

เขายกมือขึ้นและโยนปีศาจตัวใหญ่ออกไป

ในระหว่างที่ทำเช่นนี้ ปีศาจตัวใหญ่ไม่มีพลังจะต่อสู้กลับได้เลย!

“ขอบเขตลิขิตชะตา!”

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

เสียงอุทานยังคงดังขึ้น และไม่มีผู้ใดคิดว่าโจวตงมาถึงขอบเขตลิขิตชะตาแล้ว!

ขอบเขตลิขิตชะตา…ขอบเขตนี้สูงส่งเกินไปจริง ๆ และที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขามีเพียงขอบเขตนิพพานเท่านั้น!

“เหตุใดเจ้าถึงได้…!”

บรรพชนสำนักหยวนอีมองไปที่โจวตงอย่างไม่เชื่อสายตา

เขาไปหาโจวตงเมื่อไม่นานมานี้ ในเวลานั้น โจวตงยังอยู่ในขอบเขตนิพพานเท่านั้น อีกฝ่ายไม่สามารถก้าวข้ามได้และกำลังเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา

มาตอนนี้…โจวตงก้าวเข้าสู่ขอบเขตลิขิตชะตาได้เร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

เขาจำได้ชัดเจนว่าอย่างช้าที่สุดก็เพียงหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้เท่านั้น!

ในเวลาหนึ่งเดือน โจวตงกลับสามารถทะลวงผ่านสี่ขอบเขตได้แล้ว นี่เขาไปกินโอสถวิเศษวิโสที่ใดมา

“อภินิหาร เข้าใจหรือไม่”

โจวตงไม่อธิบายมากเกินไปและเอ่ยว่า “อย่าเสียเวลา มหาอำนาจทั้งสี่อยู่ที่นี่แล้ว!”

เขาและเวิงอู๋โยวรู้ว่าพลังป้องกันของสมบัตินั้นทรงพลังเพียงใด แม้ว่ามนุษย์และปีศาจจะเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก็ยากที่จะทำลายพลังป้องกันของสมบัตินั้น

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังอยากลองทำดู

ท้ายที่สุด หลังจากที่มหาอำนาจทั้งสี่มาถึง พวกเขาจะทำได้เพียงติดตามมหาอำนาจทั้งสี่เพื่อดื่มน้ำแกงที่เหลือเท่านั้น

หลังจากที่เขาแสดงความแข็งแกร่งแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก เผ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งและปีศาจที่แข็งแกร่งก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ล้วนไร้ประโยชน์ มันไร้ประโยชน์ที่พวกเขามารวมตัวกัน และพวกเขาไม่สามารถสั่นคลอนพลังป้องกันของซากหักปรักพังได้เลย

“ตอนนี้สำนักเมฆาลับฟ้าแข็งแกร่งมากแล้วหรือไร ลวี่เหลียงก้าวเข้าสู่ขอบเขตเบิกวิถีแล้ว!”

“เวิงอู๋โยวก็อยู่ในขอบเขตเบิกวิถีเช่นกัน!”

หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของเวิงอู๋โยวและลวี่เหลียง พวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เวิงอู๋โยวและลวี่เหลียงนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก

“ไม่มีความเห็น!”

โจวตงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ช่องว่างของพลังนั้นใหญ่เกินไป และพวกเขาไม่มีทางทะลวงผ่านพลังป้องกันของซากหักปรักพังได้

กลิ่นอายของซากหักปรักพังยังคงแผ่กระจายออกไป และแสงที่ลุกโชนนั้นก็ไม่เคยดับลง มหาอำนาจทั้งสี่ทางทิศตะวันตก ใต้ เหนือและกลางย่อมสัมผัสได้แน่นอน และผู้แข็งแกร่งจำนวนมากก็พุ่งมายังทางบูรพาทิศ

โฮก!

เสียงราชสีห์คำรามเขย่าขุนเขาสะเทือนแม่น้ำ ก่อนที่สิงโตยักษ์ขนสีทองจะปรากฏตัวขึ้น มันกระโดดและกระโจนไปมาท่ามกลางหมู่เมฆ

บนหลังของมันมีชายวัยกลางคนที่สง่างามผู้หนึ่งยืนอยู่

“กลับมีซากโบราณสถานอยู่ทางตะวันออก และลมปราณก็ขจรขจายไปทั่วทั้งเหยียนโจว…”

ชายวัยกลางคนพึมพำ “วันคืนปีผันผ่าน ภูเขาแม่น้ำย่อมเปลี่ยนแปรไป มิแน่ว่าบูรพาทิศในสมัยโบราณอาจเป็นสถานที่พิเศษ…”

เขาเพิ่มความเร็ว กระตุ้นสิงโตยักษ์ให้พุ่งไปยังซากโบราณสถานโดยไว

ตู้ม!

เหนือท้องนภา ปรากฏนาวาเทวะลำใหญ่ยักษ์ มันผลุบโผล่เป็นครั้งคราว และระยะทางการปรากฏแต่ละครั้งนั้นหลายพันลี้ ซึ่งน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือนาวาลำนี้สามารถเดินทางผ่านอากาศได้จริง ๆ!

“ซากโบราณสถานเช่นนี้ ข้าจะต้องชนะแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้จงได้!”

บนนาวาเทวะ ชายชราผมขาวเผยประกายอันตกใจออกมาจากดวงตา เสียงของเขาเป็นดั่งฟ้าร้อง และปราณของเขาก็น่ากลัวยิ่งนัก

ครืน ครืน ครืน!

ผืนพสุธาสั่นสะเทือนและตัวของมันตนนี้ก็เทียบได้กับภูเขา ทุกครั้งที่ขาของมันย่ำลงไปจะปรากฏหุบเหวลึกขนาดใหญ่ มันเดินทางเร็วมากเพื่อมุ่งมายังแดนตะวันออก

นี่คือราชาคชสารหยกขาว หนึ่งในขุมพลังระดับแนวหน้าของภาคกลางที่มาที่นี่ด้วยตนเอง!

แดนตะวันออกตกอยู่ในความโกลาหลทันที เพราะอีกสี่มหาอำนาจก็แห่กันมาที่บูรพาทิศ ซึ่งแต่ละแห่งล้วนทรงพลังและยิ่งใหญ่มาก

ประการที่สอง ยังมีผู้ฝึกตนที่อ่อนแอกว่าอีกหลายคนที่รีบเร่งไปทางทิศตะวันออก

แม้พวกเขาจะรู้ว่าไม่สามารถแข่งกับขุมพลังชั้นนำเหล่านั้นได้ แต่พวกเขาก็อยากมาที่นี่เพื่อดูว่าพอจะมีโอกาสได้รับสิ่งใดบ้างหรือไม่

“อะไรกันนั่น!”

โจวตงเอ่ยเสียงลั่น ใบหน้าย่ำแย่เกินกว่าจะย่ำแย่ได้

แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในภาคกลางอยู่ที่นี่ และขุมพลังแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก ตอนนี้เขายังดูไม่เพียงพอ เพราะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขามากเกินไป!

เวิงอู๋โยวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าของเขาอัปลักษณ์ยิ่งเช่นกัน

ภาคกลางไม่ได้มาแค่แดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังมีเผ่าพันธุ์อสูรที่ทรงพลังมากมาย พวกเขาไม่มีโอกาสจริง ๆ สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์กับเผ่าพันธุ์อสูรที่ทรงพลังเหล่านั้น

“แน่นอน! นี่คือซากโบราณสถาน!”

ชายวัยกลางคนซึ่งขี่สิงโตยักษ์หรี่ตาลง

เขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเหยียนในภาคกลาง และความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ หลังจากมาถึงที่นี่ เขาแน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้คือซากโบราณสถาน

ในส่วนลึกของซากหักปรักพัง มีเศษรูปปั้นพังอยู่บนพื้นพร้อมอักขระโบราณที่สลักไว้

เขาแข็งแกร่ง ไม่เหมือนผู้ฝึกตนคนอื่นที่สามารถมองเห็นได้เฉพาะขอบซากหักปรักพังเท่านั้น ตัวเขาสามารถมองเห็นได้ไกลกว่ามาก

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เขามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในสุด มันเต็มไปด้วยพลังที่น่าหวาดหวั่นและน่าสะพรึงอย่างมาก

“มารวมพลังกัน มิฉะนั้นเราจะไม่มีโอกาส!”

บนนาวาเทวะ ชายชราผมขาวกล่าว

“ได้!”

ชายวัยกลางคนที่แข็งแกร่งพยักหน้า ตกลงที่จะร่วมมือ

ขุมพลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย อีกทั้งขุมพลังปีศาจจากภาคกลางก็ไม่คัดค้านและตกลงที่จะร่วมมือเช่นกัน

พวกเขามีพลังและสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังของม่านซากหักปรักพังนั้นน่ากลัวและผิดปกติเพียงใด แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังกัน ก็ไม่แน่ว่าจะทำลายมันลงได้

ในภาคกลาง เผ่ามนุษย์กับปีศาจยังต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องเพื่อแย่งชิงดินแดน และยังมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งระหว่างกัน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เหมือนเผ่ามนุษย์และปีศาจของภาคตะวันออกที่ทำตามประสงค์ของพวกเขา

ขอบเขตของพวกเขานั้นสูงมาก และรู้ว่าสมบัติโบราณนี้น่าทึ่งเพียงใด นี่ไม่ใช่เวลาที่จะลงมือด้วยความโกรธ

อย่างน้อยที่สุด ก่อนจะทำลายพลังป้องกันของซากหักปรักพัง พวกเขาไม่อาจเอาอารมณ์มาตัดสินได้

ภาคกลางอยู่เหนือสี่ฝ่ายจริง ๆ และขุมพลังของสี่ฝ่ายไม่มีสิทธิพูด จำต้องฟังการเรียกร้องของมหาอำนาจจากภาคกลาง ด้วเยพราะความแข็งแกร่งนั้นอยู่ห่างชั้นกันเกินไป

“เช่นนั้นมาเริ่มกันเลย!”

พวกเขาโจมตี และขุมพลังทั้งหมดก็เคลื่อนไหวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เผยวิธีการและความแข็งแกร่งทั้งหมด!

ชั่วพริบตา สถานที่แห่งนั้นก็ปกคลุมไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง และอากาศโดยรอบก็บิดเบี้ยววิปริต!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท