บทที่ 63 โอ้อวดตัวเองต่อหน้าเซียน ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริง ๆ!
เจ้าก้อนหินนี่อุ่นในฤดูหนาวเย็นในฤดูร้อน นุ่มและนั่งสบายมากเช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าจะไม่ชอบมันได้อย่างไร
ทว่าชอบก็ส่วนชอบ
ทุกคนต่างบริสุทธิ์ แต่เขามีความผิดอยู่
ตนเป็นเพียงมนุษย์จะไปสู้กับผู้ฝึกตนได้อย่างไร
เจ้าก้อนหินนี่ไม่ใช่หินธรรมดา มันต้องเป็นหินจิตวิญญาณแน่ ๆ หากเขาต้องการเอากลับไปจริง ปัญหาของเขาจะมีมากกว่าผลดี
ชายหนุ่มเคยได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนมีสัมผัสวิญญาณบางอย่าง และสามารถสัมผัสถึงสิ่งของมีจิตวิญญาณได้ในความคิดเดียว
ถ้าหากเจอผู้ฝึกตนอารมณ์ร้ายเข้าละก็…
มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทันได้เอ่ยคำใด!
ในสายตาของผู้ฝึกตน ชีวิตของมนุษย์นั้นไร้ค่า และเขาก็มีโอกาสจบสิ้นได้เพราะเรื่องนี้
เขา หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ห่วงแหนชีวิตของตนเองยิ่งนักและจะไม่ล้อเล่นกับชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน มิฉะนั้น เขาคงไม่เลือกตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองชิงซาน
เมืองชิงซานอยู่ใกล้กับสำนักไท่หัว สำนักไท่หัวเป็นสำนักที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบูรพาทิศ และสามารถรับประกันความปลอดภัยของเขาได้ไม่มากก็น้อย
‘การได้เอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่เป็นเรื่องดี เมืองชิงซานไม่มีอุบัติเหตุมาหลายปีแล้ว’
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ
เขาคำนวณทุกอย่างและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในชีวิต ส่วนที่เหลือนั้นเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเอาภายหลัง
‘พาเซี่ยเหยียนมาดูหินก้อนนี้ดีกว่า เซี่ยเหยียนเป็นผู้ฝึกตน ไม่แน่ว่าเจ้าหินก้อนนี้อาจจะมีประโยชน์กับเซี่ยเหยียนก็เป็นได้’
หลี่จิ่วเต้านึกถึงเซี่ยเหยียนขึ้นมา แต่แล้วเขาก็หยุดตนเองไว้
‘ลืมมันไปเถอะ ถ้าไม่เจ้าก้อนหินนี้ แล้วข้าจะตกปลา วาดภาพ เล่นกู่ฉินได้อย่างไรกัน…เซี่ยเหยียนเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักไท่หัว จะต้องมีสมบัติอยู่ในมือนางมากมายแน่นอน’
หลี่จิ่วเต้ายังคงลังเลเล็กน้อยที่จะยอมแพ้เจ้าก้อนหินนี่ อย่างไรเสีย เจ้าก้อนหินก็นั่งสบายจริง ๆ เมื่อคิดถึงว่าเซี่ยเหยียนคงไม่ขาดของเช่นนี้ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะมอบมันให้เซี่ยเหยียนทันที
“คันเบ็ดพฤกษาสวรรค์…สายตกปลาเส้นเอ็นมังกร…ตะขอทองคำอนันตวิถี!”
หลิงอินตกตะลึงจนมิรู้จะพูดอันใดออกมา ทั้งคันเบ็ดหรือไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นของในตำนานที่ท้าทายฟ้าดิน ซ้ำยังยิ่งใหญ่มากเสียจนทำให้ผู้คนตกใจตายได้!
พฤกษาสวรรค์…ลือกันว่ามันเป็นสะพานเชื่อมแดนเซียน
จู๋หลง…บรรพบุรุษของมังกร ดุร้ายและไร้เทียมทาน กระทั่งเซียนก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของมัน
ตะขอทองคำอมตะวิถี…ว่ากันว่ามันเป็นสิ่งที่หายากที่สุดในโลก และได้ชื่อว่าเป็นทองคำก้อนแรกของโลก มีอีกชื่อเรียกคือ ทองคำเซียน!
นางเป็นผู้ทรงอำนาจในสมัยโบราณ แต่ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อน อันที่จริงแล้ว นางเคยเห็นบันทึกของสิ่งเหล่านี้ผ่านคัมภีร์โบราณเท่านั้น
ครั้งหนึ่งนางเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องแต่งขึ้น ไม่มีอยู่จริงและถูกผู้อื่นปั้นแต่งขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ช่างท้าทายสวรรค์เกินกว่าจะจินตนาการได้จริง ๆ!
และที่ไม่คาดคิดคือ สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง!
วัสดุของคันเบ็ดทั้งหมดนั้นเหมือนกับบันทึกของสิ่งเหล่านี้ทุกประการ!
‘เฮ้อ ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่าขอบเขตของเหล่าจักรพรรดินั้นทรงพลังและน่าทึ่งมากแล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันไร้ค่ายิ่งนักเมื่อเทียบกับพวกของสิ่งนี้!’
หลิงอินอารมณ์แปรปรวนยิ่ง นางรู้สึกไร้ความหมายอย่างมากต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ต่อหน้าเขา นางไม่ใช่แม้แต่ฝุ่นธุลี…
ผิวแม่น้ำนั้นสงบหาได้ไหลเชี่ยว
ทว่าด้านล่างของแม่น้ำนั้นไม่สงบอย่างยิ่ง ความว่างเปล่าบิดเบี้ยว ปรากฏโลกด้านหนึ่ง โดยที่ด้านนั้นมีเหล่ามัจฉาซึ่งเป็นตัวตนทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนกระโดดพยายามกินเหยื่อ!
‘คันเบ็ดเดียวสามารถตกมัจฉาได้ทุกโลก ประหนึ่งนั่งตกปลาจากสรวงสวรรค์!’
เพราะมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งทำให้นางสามารถสัมผัสได้ถึงภาพปลาแย่งชิงเหยื่อในก้นแม่น้ำ
นางมิรู้จะพูดอันใดจริง ๆ วิธีการของผู้อาวุโสช่างน่าทึ่งเหลือเกิน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
“นี่…นี่มัน…นี่มัน!”
ดวงตาของชายชราเมิ่งจีแทบจะถลนออกนอกเบ้า และเขาก็หวาดกลัวจนสติแทบกระเจิง!
พลังทั้งหมดของเขาถูกผนึกไว้ แต่สัมผัสจิตวิญญาณยังคงอยู่ และมันไม่เคยถูกผนึก
ก่อนหน้านี้ เขาหวาดกลัวต่อความน่าพรั่นพรึงของต้นหลิวใหญ่ คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้ต้นไม้ลงมือ ขั้นแรกมันป้องกันไม่ให้พลังของเขาไหลลงสู่แม่น้ำ แล้วจึงตามด้วยปิดผนึกพลังในร่างกายของเขา
ก่อนที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีจะคิดออก สัมผัสทางวิญญาณของเขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่ผิดปกติอย่างมากที่ก้นแม่น้ำ
เมื่อสติกลับคืนมาและลองตรวจสอบก้นแม่น้ำ เขาก็กลัวเกือบตาย!
สวรรค์และโลกปรากฏขึ้น ปรากฏมัจฉาจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีสายเลือดน่าสะพรึงกลัว ต่างแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงเหยื่อ เขาไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต!
มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ผู้ใดจะสามารถกระทำการน่ากลัวถึงเพียงนี้ได้ ตกปลาจากทุกอาณาจักรด้วยเบ็ดคันเดียว และรวมถึงอาณาจักรเก้าตอนบนด้วย!?
‘เกรงว่าแม้แต่ขอบเขตจักรพรรดิก็ทำได้แค่คิด…’
ชายชรากลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่ง หัวใจแทบจะหลุดออกจากร่าง
แม้ว่าพวกเขาจะไร้เทียมทานในโลกนี้ แต่ขอบเขตมหาจักรพรรดิที่มีพลังไร้ขอบเขตก็ยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงทุกโลกด้วยคันเบ็ดอันเดียว!
เขามองหลี่จิ่วเต้าอย่างระมัดระวัง ยามนี้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ!
มนุษย์ตรงหน้านี้แท้จริงแล้ว…คือตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ที่ยากจะจินตนาการได้!
“มีเพียงเซียนเท่านั้นที่สามารถทำได้!”
นอกจากเซียน เขาก็นึกไม่ออกแล้วว่ายังมีผู้ใดสามารถทำเช่นนี้ได้อีก!
“ข้า ข้า ข้า…”
ใบหน้าของชายชราแดงก่ำยิ่ง นึกถึงสิ่งที่ตนเอ่ยกล่าวกับหลี่จิ่วเต้าก่อนหน้านี้ แล้วอยากจะเอาหัวโขกต้นไม้จริง ๆ!
เอาแต่ใจเกินไป เพิกเฉยเกินไป!
แท้จริงแล้ว เขาต้องการจะเอาเซียนมาเป็นลูกศิษย์ หน้าด้านต่อหน้าเซียน และยังต้องการแสดงพลังต่อหน้าเซียนอีก!
ที่สำคัญ…เขายังไม่ชอบ ‘เซียน’ อยู่ในใจ และรู้สึกว่า ‘เซียน’ ดูไม่ประสบความสำเร็จอันใดเลย!
‘หมาตาต่ำที่ว่าคือข้าเอง!’
เขาอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ไฉนตนจึงกล้าออกกลอุบายต่อหน้าเซียน!
ยามนี้ชายชราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าต้นไม้จึงห้ามไม่ให้พลังเขาเข้าไปในแม่น้ำ และเหตุใดจึงผนึกพลังของเขาไว้
เห็นได้ชัดว่าต้นไม้มันทนเห็นเขาอวดเบ่งต่อหน้าเซียนไม่ได้!
เจ้าต้นไม้นี้รู้ตัวตนของเซียนอย่างแน่นอน!
‘กล้าอวดเบ่งต่อหน้าเซียน เกรงว่านี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!’
เขาตื่นตระหนกและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านเซียนผู้นี้จะจัดการกับเขาอย่างไร
หลี่จิ่วเต้าจับตะกร้าที่เต็มไปด้วยปลาอย่างรวดเร็ว
หลิงอินมองดูพวกมันและเห็นว่าพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบน สายเลือดของมัจฉาแต่ละตัวน่ากลัวยิ่งกว่าสายเลือดของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เสียอีก!
ชายชราเมิ่งจีสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขากำลังรอให้เซียนจัดการกับเขา
แต่ท่านเซียนยังคงสงบนิ่ง
เขาเองก็หวาดกลัวเกินกว่าจะมองท่านเซียนด้วยซ้ำ…
เมื่อตะกร้าปลาเต็ม หลี่จิ่วเต้าก็เก็บเบ็ดตกปลา
ชายหนุ่มมองไปที่ชายชราเมิ่งจี และถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
สภาพของชายชราน่าสมเพชยิ่งนัก ร่างกายของเขาสั่นเทา เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงได้
จะว่าไปชายชราก็หาใช่คนเลว เขาแค่ต้องการฝึกฝนจนเป็นบ้าเท่านั้น…
‘ช่วยรักษาคงน่าจะดี’
หลี่จิ่วเต้าเป็นผู้มีจิตใจที่ดีงาม และเขาไม่สามารถทนเห็นภาพน่าสมเพชเช่นนี้ได้ จึงตัดสินใจว่าจะช่วยชายชรารักษาอาการบ้าของเขา
อาการบ้านั้นเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง เขาย่อมต้องช่วยให้ชายชรารับรู้ความจริง หลังจากนั้นอาการนี้ก็จะหายไปเอง
อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ไม่สามารถเร่งรีบได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป
‘มาดูกันหน่อยซิว่าชายชราบ้าแค่ไหน’
หลี่จิ่วเต้าคิดกับตัวเองและตัดสินใจว่าจะลองคุยกับชายชราก่อน เพื่อดูว่าอาการของชายชราหนักแค่ไหน
“ท่านผู้เฒ่า บ้านท่านอยู่ไหน”
เขาถามชายชรา
“กระไรนะ?”
ชายชราเมิ่งจีตกตะลึง เขากำลังรอให้ท่านเซียนจัดการกับเขา แล้วเหตุใดท่านเซียนจึงถามว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหนกันเล่า?