รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 65 ข้าช่างฉลาดนัก ผู้อาวุโสอ้างว่าตนคือมนุษย์

บทที่ 65 ข้าช่างฉลาดนัก ผู้อาวุโสอ้างว่าตนคือมนุษย์

บทที่ 65 ข้าช่างฉลาดนัก ผู้อาวุโสอ้างว่าตนคือมนุษย์

“ท่านผู้เฒ่า เจ้าพักผ่อนที่บ้านข้าก่อน แล้วค่อยจัดเรียงความคิดเสียใหม่”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับชายชราด้วยรอยยิ้ม

“อื้ม”

ชายชราเมิ่งจีพยักหน้าถี่ยิบ เขาจะทำตามที่ท่านเซียนพูดทุกอย่าง

หลี่จิ่วเต้าพาชายชราเมิ่งจีไปที่ลานบ้าน ก่อนจะเริ่มจัดห้องให้

ครั้งที่แล้วที่เขาช่วยลวี่เหลียง นี่ก็คือห้องพักเดียวกัน

ยามนี้ ชายหนุ่มเอากระชอนช้อนปลาลงไปไว้ในตู้

“เจ้าปลาพวกนี้อึดเสียจริง”

หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ

ตะกร้าปลานี้ไม่มีน้ำสักหยดเดียว แต่พวกมันกลับไม่โรยราไร้เรี่ยวแรง ซ้ำยังมีชีวิตอยู่ปกติด้วย

หากเอาปลาธรรมดาอย่างอื่นมาแทน ระหว่างทางคงจะขาดน้ำตายไปนานแล้ว

‘ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ดูข้าสิ ๆ!’

ในตู้ปลา มัจฉาสัตมายากระโดดโลดเต้นร้องตะโกนเพื่อพยายามดึงดูดความสนใจของหลี่จิ่วเต้า แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้เลย

หลี่จิ่วเต้าเห็นมัจฉาสัตมายาขยับไปมา กระนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ครู่เดียวเขาก็กลับหลังหันจากไป

“เฮ้อ เขาน่าสงสารไม่น้อย แถมสติสตังก็ไม่ค่อยดี…ข้าอดช่วยไว้ไม่ได้น่ะ”

ชายหนุ่มเดินมากล่าวอธิบายกับหลิงอินว่าเหตุใดถึงพาชายชรากลับมาด้วย

แต่เขาไม่ได้กล่าวลงรายละเอียด และไม่ได้เอ่ยว่าชายชราเป็นคนบ้า เขาเพียงต้องการช่วยชายชรารักษาอาการบ้าก็เท่านั้น

หากพูดว่าเป็นคนบ้า… คงรู้สึกกระดากปากและคิดว่าตนมารยาทไม่ดีเอาเสียเลย อีกทั้งมันจะแย่ยิ่งกว่าเดิมหากชายชรามาได้ยินเข้า

ดังนั้นเขาจำต้องมีวาทศิลป์!

ทว่ามีหรือที่หลิงอินจะไม่เห็นอาการบ้าของชายชรา ต่อให้ไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดก็น่าจะเข้าใจในคำกล่าวเมื่อครู่

ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น

“ท่านช่างใจดีเหลือเกิน!”

หลิงอินไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางแค่รู้สึกว่าชายชราเมิ่งจีโชคดียิ่ง ส่วนผู้อาวุโสคงต้องการชี้นำแสงสว่างให้ก็เท่านั้น

เด็กสาวเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด และรู้ว่าเขาจะช่วยชายชรารักษาอาการบ้า

“ฮ่าฮ่า”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ เขาไม่ใช่ผู้วิเศษวิโสอะไร แค่ยามนี้ได้พบเจอคนตกทุกข์ได้ยาก หากช่วยได้ เขาก็จะช่วย!

วันเวลาผ่านไปหลายวัน

แสงสว่างเจิดจ้ายังคงส่องแสงรำไรราวกับเสาที่เชื่อมท้องฟ้าและโลก ทำให้มองเห็นแดนบูรพาทิศทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

“นี่คือเซียนบนโลกมนุษย์!”

ชายชราเมิ่งจีอารมณ์ดีมาก หลังจากพบเจอไปไม่กี่วัน เขาก็มีความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับท่านเซียนผู้นี้

ท่านเซียนเดินท่องโลกหล้าในฐานะมนุษย์ เขาอ้างว่าเป็นมนุษย์ทุกหนแห่งราวกับว่ากำลังขัดเกลาจิตใจในโลกมนุษย์นี้

“โชคดีที่ข้าหัวไว!”

ชายชรามีความสุขจนแทบล้นออกมาจากอก

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่จิ่วเต้ามักจะคุยกับเขาเกี่ยวกับการแสวงหาโชคชะตาและไม่มีสิ่งใดบังคับฝืนใจกันได้ ปุถุชนไม่จำเป็นต้องแย่กว่าผู้ฝึกตน หรือแม้แต่ปุถุชนก็ยังมีความสุขสบายและพอใจในตนเองมากกว่าเซียน

เขาเข้าใจว่าเซียนกำลังสอนประสบการณ์ต่าง ๆ นานาให้เขา!

“ท่านเซียนกำลังขัดเกลาหัวใจในโลกมนุษย์นี้ แสดงให้เห็นว่าโลกมนุษย์มีความสำคัญเพียงใดในการขัดเกลาจิตใจ!”

หลังจากที่เข้าใจ เมิ่งจีก็ไม่เคยพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับการฝึกฝนเลย เช่นเดียวกับท่านเซียน เขาเรียกตัวเองว่ามนุษย์ ทำความเข้าใจโลกมนุษย์ยิ่งขึ้นและทำให้จิตใจสงบลง

“ข้าฉลาดนัก!”

เขาหัวเราะกับตัวเอง

หลังจากที่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการฝึกฝนและเรียกตัวเองว่ามนุษย์ ชายชราก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความพึงพอใจในสายตาของท่านเซียนที่มองมา

เขาเข้าใจความหมายของสิ่งที่ท่านเซียนเอ่ยกับเขาแล้ว!

“ผู้เฒ่าเมิ่งจี เจ้าโชคดียิ่งนัก…”

ลั่วสุ่ยเดินมาข้าง ๆ ชายชราและเริ่มพูดคุย

ชายชราเมิ่งจีรู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินแมวขาวตัวน้อยพูด!

‘แมวที่เลี้ยงโดยท่านเซียนจะเป็นแมวธรรมดาได้อย่างไร ต่อให้เป็นแมวธรรมดา มันก็กินมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบนไปแล้ว ปัดโธ่ แน่นอนว่ามันกลายเป็นแมวพิเศษไปแล้ว…!’

เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วและคิดไปเองว่า…นี่ข้าตื่นตระหนกเกินจริงไปหรือเปล่า?

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาค่อย ๆ จำปลาที่ท่านเซียนจับขึ้นมาได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นมัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน!

เขาเห็นกับตาตัวเองว่า ท่านเซียนตุ๋นมัจฉาทรงพลังเหล่านี้ให้แมวขาวตัวน้อยกิน

มันจะพูดได้ก็ไม่แปลก…

“ข้าไม่ดีเท่าเจ้าหรอกที่ได้กินมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบนทุกวัน!”

ชายชราเมิ่งจีมองแมวขาวตัวน้อยด้วยความชื่นชมระคนอิจฉา

กินมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบนทุกวัน… ขนาดจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่ทำเช่นนี้เลย

จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้ไร้ค่านักต่อหน้ามัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน นับประสาอะไรกับการกิน แค่ป้องกันตัวยังทำได้ยากเลย

“ฮ่า ๆ ท่านไม่รู้จักข้าหรือไร ข้าเคยไปเยี่ยมเยียนท่านกับท่านพ่อมาก่อน”

ลั่วสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางสังเกตว่าชายชราเมิ่งจีจำนางไม่ได้

“เยี่ยมเยียนข้า?”

ผู้ฟังชะงักงันไป เหตุใดถึงจำไม่ได้กัน

แม้ว่าลั่วสุ่ยจะดูเหมือนแมวขาวตัวน้อย ๆ แต่เขาสัมผัสได้ถึงพลังของพยัคฆ์อันแข็งแกร่งจากลั่วสุ่ย ร่างกายของลั่วสุ่ยเป็นพยัคฆ์ขาว!

เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คิดไม่ออกว่าเคยมีพยัคฆ์ขาวมาหา…

“พ่อของข้าคือราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์”

ลั่วสุ่ยหัวเราะเบา ๆ สายเลือดของนางดีขึ้นและกลายเป็นพยัคฆ์ขาวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง มันเป็นเรื่องปกติที่ชายชราเมิ่งจีจะจำไม่ได้

“เป็นเจ้านี่เอง!”

แล้วชายชราเมิ่งจีก็จำได้ในที่สุด

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ ผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของภาคกลาง ย่อมเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกประทับใจในตัวอีกฝ่าย

เวลานั้น ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์พาบุตรสาวมาเยี่ยมเยือน โดยบอกว่าบุตรสาวคนนี้จะปกครองเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ในอนาคต และในอนาคตจะมีประโยชน์กับเขาอย่างแน่นอนจึงพามาที่นี่เพื่อให้รู้จักกันก่อน

ลั่วสุ่ยตรงหน้าคือแมวขาวตัวน้อยในตอนนั้น…

“ร่ำลือกันว่าเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์มีสายเลือดของพยัคฆ์ขาว หนึ่งในอสูรร้ายบรรพกาลทั้งสิบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นจะเป็นจริงสินะ เจ้าวิวัฒนาการเป็นพยัคฆ์ขาวแล้ว!”

เขายิ่งอิจฉาเจ้าเด็กคนนี้มากกว่าเดิม

อสูรร้ายบรรพกาลทั้งสิบนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ลั่วสุ่ยได้พัฒนาเป็นพยัคฆ์ขาวแล้ว หากไม่มีอุบัติเหตุในอนาคต ลั่วสุ่ยจะกลายเป็นอสูรร้ายในโลกนี้อย่างแน่นอน นางสามารถกระทั่งกวาดล้างสวรรค์ทั้งเก้าหรือสิบแห่งได้ แล้วยังสามารถกลายเป็นตัวตนไร้เทียมทานในโลกหล้าด้วย!

“เป็นความโชคดีบนความโชคร้าย!”

ลั่วสุ่ยกล่าวด้วยอารมณ์

หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ นางคงไม่ได้หนีมายังแดนบูรพาทิศพร้อมกับบิดา และได้พบกับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่ เฮ้อ~ ไม่อยากจะคิดว่าจะพัฒนาเป็นพยัคฆ์ขาวได้อย่างไร

มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย!

“ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้อันลุกโชน นี่เป็นสถานการณ์เป็นตายไม่ผิดแน่ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าพ่อของเจ้าซึ่งเป็นราชันจะลุกขึ้นมาในสถานการณ์โหดร้ายนั้นได้อย่างไร และกลับไปยังภาคกลางเพื่อแก้แค้นเผ่าอสรพิษโซ่แดงอย่างไร ทว่า…ตอนนี้ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว”

ชายชราเมิ่งจียิ้มและคิดอะไรบางอย่างออก

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อกลับไปภาคกลาง?”

ลั่วสุ่ยหน้าเปลี่ยนสี

พ่อของนางยังไม่เปิดเผยเรื่องนี้เลย แล้วชายชราเมิ่งจีรู้ได้อย่างไร…

“ไม่ใช่แค่ข้าที่รู้ แต่เผ่าอสรพิษโซ่แดงก็รู้ และกำลังรอให้พ่อของเจ้าปรากฏตัวอยู่”

สิ่งที่ชายชราเมิ่งจีเอ่ยทำให้สีหน้าของลั่วสุ่ยเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“ว่ากระไรนะ!”

ลั่วสุ่ยไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้!

นางนึกว่าเผ่าอสรพิษโซ่แดงไม่รู้ พ่อของนางและเหล่าสหายจะทำลายเผ่าอสรพิษโซ่แดง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเผ่าอสรพิษโซ่แดงรู้เรื่องนี้แล้ว และกำลังวางแผนรับมืออยู่!

หากเป็นเช่นนี้… พ่อของนางคงเรียกว่าโชคร้ายแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท