บทที่ 69 เรื่องต้นหนานมู่เก่าแก่ถือว่าข้าตาไม่ดี…ใยไหมสวรรค์ก็ด้วยหรือ?
ต้นที่หลี่จิ่วเต้าตัดเป็นต้นหนานมู่เก่าแก่ เขาเลือกท่อนที่ดีที่สุดไปทำเป็นกู่ฉิน กระนั้นส่วนอื่นก็มิได้ปล่อยให้เสียเปล่า
ในชิงซานแห่งนี้มีคนตัดไม้คนอื่นอยู่ เขาบอกตำแหน่งของต้นหนานมู่เก่าแก่ให้คนเหล่านั้นทราบ แล้วปล่อยให้คนตัดไม้เก็บกวาดต้นหนานมู่เก่าแก่ไปให้หมด จากนั้นเขาจึงไปจากชิงซานพร้อมกับหลิงอิน
“นี่คือกู่ฉินของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้จักกู่ฉินเล่มนี้มากขึ้น ด้วยการประจักษ์ขั้นตอนการสร้างของมันตั้งแต่ต้นจนจบ…”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะน้อย ๆ นี่คือเหตุผลที่เขาชวนหลิงอินมาตัดไม้ที่เนินเขาเขียวด้วยกัน
สำหรับนักเล่นกู่ฉิน กู่ฉินคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เขารับปากว่าจะช่วยหลิงอินประกอบกู่ฉิน ย่อมไม่ลวงหลอก หลี่จิ่วเต้าผู้นี้จักช่วยประกอบกู่ฉินที่ดีที่สุดให้หลิงอินเอง
เขาหวังว่ากู่ฉินหลังนี้จะสามารถอยู่เคียงคู่หลิงอินไปอีกนานแสนนาน เขาอยากให้หลิงอินรู้จักกู่ฉินเล่มนี้อย่างดีตั้งแต่แรก
หากมิเป็นเช่นนั้น…
เขาคงไม่พาหลิงอินมาตัดไม้ที่เนินเขาเขียว
หลิงอินเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง ไฉนเลยจะรู้เรื่องตัดไม้
มิหนำซ้ำเด็กสาวเฉกเช่นหลิงอิน ปกติแล้วเกรงว่ามิเคยมาเหยียบเนินเขาเขียวด้วยซ้ำ
ตอนที่ทักษะการยิงธนูกับทักษะการโค่นของเขายังฝึกไม่ถึงระดับสูงสุด เขาแทบจะขลุกอยู่ในเนินเขาเขียวทุกวี่วันเพื่อฝึกฝนฝีมือยิงธนูและการโค่น
กล่าวอย่างไม่เกินจริง ไม่มีผู้ใดรู้จักเนินเขาเขียวไปมากกว่าเขาแล้ว
เขารู้ตำแหน่งของต้นไม้ใบหญ้า สรรพสัตว์ในชิงซานรวมถึงประวัติความเป็นมาเป็นอย่างดี
หลี่จิ่วเต้าพาหลิงอินมาที่เนินเขาเขียว มิใช่เพื่อหวังให้หลิงอินช่วยตามหาไม้ที่เหมาะสมหรือช่วยตัดไม้ เขาเพียงต้องการให้หลิงอินได้เรียนรู้กระบวนการประกอบกู่ฉิน เพื่อเพิ่มความผูกพันที่มีต่อกู่ฉินหลังนี้
“ขอบคุณท่านมาก!”
หลิงอินพยักหน้า ความซาบซึ้งเอ่อล้นในใจ
นางช่างมีบุญวาสนาปานใด ถึงได้มีผู้ทรงพลังเช่นนี้ยอมเหนื่อยกายเหนื่อยใจเพื่อนาง!
…
“ท่านเซียน…ไปแล้ว!”
หูช่วงยันตัวขึ้นจากพื้นทั้งที่ยังหวาดหวั่นจากตอนที่ท่านเซียนตัดไม้ จิตใจของเขาทุกข์ทนยิ่งนัก ทุกครั้งที่ขวานเบิกสวรรค์จามลงไปให้ความรู้สึกเหมือนจามเข้ากลางใจเขา จนเขาสั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ ใกล้เสียสติเต็มที!
นี่มันเหนื่อยยิ่งกว่าศึกต่อสู้อันดุเดือดเสียอีก ยังดีที่เขาบำเพ็ญตนมาหลายปี มิใช่คนธรรมดาถึงต้านไว้ได้
หากเป็นผู้ฝึกตนอื่น ๆ มาอยู่ในสถานการณ์ทุกข์ทรมานเช่นนี้ คงทนไม่ไหวและเสียสติไปนานแล้ว
“แดนบูรพาทิศมีท่านเซียนปรากฏหรือนี่! เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่าซากโบราณเสียอีก!”
เขามีสีหน้าขึงขัง นำโอสถออกมาหนึ่งเม็ด รักษาบาดแผลคร่าว ๆ แล้วลุกขึ้นทันที ก่อนจะเร่งเดินทางกลับภาคกลาง
เขาต้องรีบกลับไปบอกเรื่องท่านเซียนผู้นี้ให้แก่ปรมาจารย์สวรรค์ นี่คือเรื่องใหญ่อันดับหนึ่ง!
ณ เมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าและหลิงอินมายังร้านใยไหมแห่งหนึ่ง
หลิงอินไม่ค่อยเข้าใจความคิดความอ่านของผู้อาวุโสนัก…
อาจเพราะตัวนางด้อยประสบการณ์ จึงดูไม่ออกว่าต้นหนานมู่เก่าแก่ในชิงซานต้นนั้นน่าทึ่งตรงไหน
ทว่าร้านใยไหมธรรมดาเช่นนี้มีใยไหมวิเศษจริงหรือ?
‘หรือนี่คือร้านที่ผู้อาวุโสฝึกตนเป็นผู้เปิดเหมือนกัน’
นางคิดในใจอย่างอดไม่ได้
“คุณชายหลี่มาแล้วหรือ!”
เมื่อเถ้าแก่ร้านเห็นหลี่จิ่วเต้า ก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“สวัสดี เถ้าแก่เจี่ย”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม “ข้ามาซื้อใยไหม ใช้ทำสายพิณของกู่ฉิน”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา!”
เถ้าแก่เจี่ยกล่าว “คุณชายหลี่โปรดรอที่นี่สักประเดี๋ยว ข้าจะไปหยิบใยไหมชั้นสูงมาให้”
เขาสั่งให้เสี่ยวเอ้อที่ร้านยกชามาให้คุณชายหลี่และหลิงอิน ส่วนตัวเขาเองเดินไปยังโกดังหลังร้าน เพื่อนำใยไหมชั้นสูงมาให้คุณชายหลี่
ผ่านไปไม่นาน เขากลับมาพร้อมใยไหมชั้นสูง
“นี่คือใยไหมสวรรค์ ล้ำค่ายิ่ง ข้าเสาะหามาหลายปียังไม่เจอ ใยไหมสวรรค์เหล่านี้ล้วนเป็นของสะสมมาตั้งแต่บรรพชน”
เถ้าแก่เจี่ยกล่าว
หลี่จิ่วเต้าปรายตามอง ในไหมสีขาวผ่องแวววาว ความหนาของเส้นไหมเท่ากันเป๊ะ นับเป็นใยไหมสวรรค์ชั้นสูงได้อย่างแท้จริง
ไหมสวรรค์หายาก เป็นธรรมดาที่ใยไหมสวรรค์มีน้อย ครั้งเขาตัดสินใจมาที่นี่ มิเคยคิดว่าจะได้เห็นใยไหมสวรรค์
ทว่ามีใยไหมสวรรค์ด้วยยิ่งดี เช่นนี้สายพิณกู่ฉินที่ประกอบออกมาก็จะดีขึ้นด้วย
นับเป็นเรื่องน่ายินดีเหนือความคาดหมาย
“ขอบคุณเถ้าแก่เจี่ยมาก! ทั้งหมดนี้เท่าไหร่”
หลี่จิ่วเต้าถามยิ้ม ๆ
“ไม่คิดเงิน! เมื่อครั้งคุณชายหลี่ช่วยชีวิตข้าก็หาได้คิดเงินข้าสักแดงไม่!”
เถ้าแก่เจี่ยยืนกรานไม่ขอรับเงินของหลี่จิ่วเต้า
ครานั้นเขาป่วยด้วยโรคประหลาด หาหมอมากมายแต่ก็รักษาไม่หาย สุดท้ายได้หลี่จิ่วเต้ารักษาเขาจนหายดี
หลี่จิ่วเต้าไม่คิดเงินเขาสักแดง
แล้วบัดนี้จะให้เขารับเงินของหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร
เขาไม่มีทางรับไว้แน่นอน
ตอนที่ไปหยิบใยไหมสวรรค์ เขาได้ตั้งใจแล้วว่าจะยกใยไหมสวรรค์จำนวนนี้ให้หลี่จิ่วเต้า
“ไม่รับเงินได้อย่างไร เจ้าทำมาหากินด้วยการค้าขายของพวกนี้ ข้าไม่เหมือนกัน ข้าหาได้ดำรงชีวิตด้วยการรักษาไม่”
หลี่จิ่วเต้ายืนกรานหนักแน่นกว่าเถ้าแก่เจี่ย สุดท้ายเขาทิ้งเงินไว้ แล้วลากหลิงอินออกจากร้านใยไหม
“คุณชายหลี่ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!”
เถ้าแก่เจี่ยเอ่ยจากใจจริง
ขั้นตอนการประกอบกู่ฉินยุ่งยากและซับซ้อน หลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินกลับมาที่ลานบ้านเล็ก ๆ ของเขา
‘เรื่องต้นหนานมู่เก่าแก่ถือว่าข้าตาไม่ดี…แต่ใยไหมสวรรค์ก็ด้วยหรือ?’
หลิงอินบ่นในใจ
นางดูไม่ออกจริง ๆ ว่าใยไหมสวรรค์วิเศษวิโสตรงไหน ไม่มีพลังปราณแม้แต่น้อย เป็นใยไหมธรรมดาอย่างสิ้นเชิงนี่นา…
“นายท่านกลับมาแล้ว!”
ในลานเล็ก ๆ นั่น ผู้เฒ่าเมิ่งจีเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เมี้ยว!”
ลั่วสุ่ยร้องเสียงยินดี กระโดดโลดเต้นเข้าไปอยู่ตรงหน้าหลี่จิ่วเต้า
หลี่จิ่วเต้ายิ้มออกมา มองแมวน้อยตัวขาวแล้วหันไปมองผู้เฒ่า “พวกท่านสานสัมพันธ์ที่บ้านได้ดีเยี่ยมเชียว”
แมวน้อยตัวขาวอารมณ์เบิกบานขนาดนี้ คิดแล้วคงอยู่กับผู้เฒ่าที่บ้านอย่างมีความสุขแน่นอน
“ดีเยี่ยม” ผู้เฒ่าเมิ่งจีตอบ
อย่างที่คิด…
ผู้ทรงพลังตั้งใจทิ้งลั่วสุ่ยไว้ที่บ้าน แล้วให้เขาช่วยแก้ปัญหาเรื่องพ่อของลั่วสุ่ย
‘ท่านเซียนสูงส่งปานนี้ ไฉนเลยจะอยากออกโรงเอง ดีที่ข้าฉลาด ตระหนักถึงเจตนาที่แท้จริงของเขาได้ทันท่วงที!’
เขากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
“เมี้ยว~”
ลั่วสุ่ยร้อง สองตาเปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง
นางเป็นเพียงแมวขาวตัวน้อย ๆ ได้ผู้ทรงพลังป้อนอาหารด้วยเผ่ามัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนไม่พอ ผู้อาวุโสยังให้ความช่วยเหลือเสด็จพ่อของนางอยู่หลายครั้งหลายคราว!
เหมือนมีโชคหล่นทับ นางถึงได้พานพบผู้ทรงพลังที่ดีต่อนางเช่นนี้!
หลี่จิ่วเต้าวางท่อนไม้หนานหมู่เก่าแก่และใยไหมลง ก่อนจะไปหยิบเครื่องมือแกะสลักชุดหนึ่งออกจากห้องเคียง
เขาจะเริ่มแกะสลักท่อนไม้ แล้วทำให้มันกลายเป็นเครื่องดนตรีกู่ฉิน
เครื่องมือแกะสลักชุดนี้เป็นรางวัลจากระบบให้เขาเช่นกัน สลักได้ทั้งไม้ หยก หิน และอื่น ๆ อีกมาก ใช้ได้คล่องมือยิ่ง
‘ถ้าเป็นระบบฝึกตนจะดีขนาดไหนนะ ของรางวัลมิล้วนเป็นสมบัติวิเศษชั้นยอดเลยหรือ!’
หลี่จิ่วเต้าพูดในใจ
ถึงแม้ของลับฝีมือต่าง ๆ ที่ระบบมอบรางวัลให้ใช้ดีนักหนา ทว่าเป็นเพียงของธรรมดาทั้งนั้น…
เขาหวังให้ระบบลับฝีมือนี้เป็นระบบฝึกตนมากกว่า
หากเป็นเช่นนี้ เขาคงได้เดินกร่างไปทั่วโลกแห่งการฝึกตน เป็นที่เกรงกลัวไปทั่วหล้าแน่!