รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 74 จิตของท่านเซียนล่วงรู้ทุกอย่าง อย่าได้อวดฉลาดต่อหน้าท่านเซียน!

บทที่ 74 จิตของท่านเซียนล่วงรู้ทุกอย่าง อย่าได้อวดฉลาดต่อหน้าท่านเซียน!

บทที่ 74 จิตของท่านเซียนล่วงรู้ทุกอย่าง อย่าได้อวดฉลาดต่อหน้าท่านเซียน!

“หรือว่า…?”

ในใจของราชันวิฬาร์สวรรค์เต็มไปด้วยความตื้นตัน เขาพอเดาออกราง ๆ

“ราชันวิฬาร์จัดการเรื่องราวที่นี่ให้จบก่อนเถิด ประเดี๋ยวเราค่อยคุยกันอย่างละเอียด”

เจ้านิกายรุ่นก่อนเอ่ยยิ้ม ๆ

“ได้!”

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์พยักหน้า หากเป็นตามที่เขาคาดเดา นี่ไม่อาจคุยกันต่อหน้าผู้อื่นจริง ๆ

ผู้ชนะเป็นใหญ่ ผู้แพ้ตกเป็นเบี้ย เจ้านิกายรุ่นก่อนเป็นกำลังหนุนอยู่ที่นี่ ราชันอสรพิษโซ่แดงไม่มีโอกาสและความสามารถจะต้านทานใด ๆ

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ตัดฉับเข้าที่หัวของราชันอสรพิษโซ่แดง ทั้งยังทำลายวิญญาณของราชันอสรพิษโซ่แดงอีกด้วย ทำให้ราชันอสรพิษโซ่แดงต้องจบชีวิตลงอย่างสมบูรณ์!

“ราชันวิฬาร์ให้อภัยข้าด้วยเถิด! ทั้งหมดเป็นเพราะราชันอสรพิษโซ่แดงเป่าหูข้า ราชันวิฬาร์ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้งด้วย!”

ลั่วหนานร้องห่มร้องไห้ขอความเมตตาจากราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์

“กินบนเรือนขี้บนหลังคา ไร้ซึ่งจิตสำนึกใด ๆ เจ้ายังมีหน้าร้องขอความเมตตาจากข้าอีกหรือ”

สีหน้าราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์เย็นชา เขาไม่ให้โอกาสลั่วหนานใด ๆ ทั้งสิ้น และทำการปลิดชีพลั่วหนานทันที

“สหายเก่าแก่ของข้า ขอบคุณความช่วยเหลือที่พวกเจ้ามอบให้ข้าอย่างเต็มที่!”

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ขอบคุณราชันอสูรห้าตนที่เหลือ และแบ่งสรรฐานทัพกับสมบัติของเผ่าอสรพิษโซ่แดงให้ราชันอสูรทั้งห้าตนอย่างเท่าเทียม ส่วนเขาไม่หยิบยกอะไรไปเลยสักนิด

“พวกเจ้าไม่ผิด ผิดที่ข้าเพียงผู้เดียว! พวกเจ้ากลับไปเสีย สร้างบ้านเรือนของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ของเราขึ้นมาใหม่!”

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์มองสมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ที่อยู่ในเผ่าอสรพิษโซ่แดง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความสำนึกเสียใจ

ถึงแม้สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์เหล่านี้จะเข้าพวกกับลั่วหนาน ทว่าเขาไม่โทษสมาชิกเผ่าเหล่านี้เลยสักนิด

เขาเข้าใจดีว่าสมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์เหล่านี้ไม่มีทางเลือก

หากไม่ยอมศิโรราบแด่ลั่วหนาน สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์เหล่านี้ย่อมต้องตายเท่านั้น!

ท้ายที่สุด ก็เป็นตัวเขาเองที่นำภัยมาสู่สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์…

ถ้าครานั้น เขามิได้พาลั่วหนานมาอยู่ในเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ จะเกิดเรื่องเช่นนี้กับเผ่าได้เยี่ยงไร

“ท่านราชัน…!”

สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์น้ำตาคลอเบ้ากันถ้วนหน้า ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ทรยศท่านราชันของพวกเขา ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์กลับไม่เอาความ พวกเขาซึ้งใจเหลือเกิน

“กลับไปเถิด ไปสร้างบ้านเรือนของเราขึ้นมาใหม่ให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะกลับไปสร้างใหม่กับพวกเจ้า”

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ปลอบใจสมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์

จากนั้น สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ก็ไปจากที่นี่ กลับสู่ฐานทัพของเผ่า

“ผู้อาวุโส…”

หลังจากจบเรื่องทุกอย่าง ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์จึงเข้าไปหาเจ้านิกายรุ่นก่อน เจ้านิกายรุ่นก่อนคอยเขาอยู่ที่มุมหนึ่งตลอด

เจ้านิกายรุ่นก่อนพยักหน้า ยกมือเรียกลูกแก้วกลมนวลลูกหนึ่งออกมา สะกดให้ลอยอยู่เหนือหัวพวกเขา

จากนั้น ม่านแสงพลันสาดลงมาจากลูกแก้วกลมนวล ล้อมพวกเขาเอาไว้

“เอาล่ะ ตอนนี้เราสนทนากันได้เต็มที่”

เจ้านิกายรุ่นก่อนหัวเราะเบา ๆ ม่านแสงที่สาดลงจากลูกแก้วขวางกั้นทุกสิ่ง เขาไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขาหรือไม่

“ผู้อาวุโสก็ทราบถึงการมีตัวตนของผู้ทรงพลังด้วยหรือ?”

ราชันวิฬาร์หิะสวรรค์เห็นท่าทางระมัดระวังเช่นนี้ของเจ้านิกายรุ่นก่อน จึงฉุกคิดถึงวาจาที่เจ้านิกายรุ่นก่อนเอ่ยกับเขาเกี่ยวกับลั่วสุ่ย เขาจึงรู้ว่าเจ้านิกายรุ่นก่อนน่าจะทราบการมีอยู่ของผู้ทรงพลังแล้ว

ผู้ทรงพลังท่องโลกในฐานะปุถุชน ย่อมไม่ต้องการมีผู้ใดมารบกวน

เจ้านิกายรุ่นก่อนรอบคอบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากลัวว่าข่าวคราวเกี่ยวกับผู้ทรงพลังจะหลุดรอดออกไป

“อืม”

เจ้านิกายรุ่นก่อนพยักหน้า ก่อนจะมองราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ด้วยความชื่นชม “เจ้าทำได้ไม่เลว ต่อให้เผชิญกับความตาย ก็มิได้กล่าวถึงผู้ทรงพลัง…”

ขั้นพลังของเขาสูงส่ง แม้นตัวยังไม่ถึง กระนั้นประสาทสัมผัสทางญาณถึงก่อนแล้ว เขารู้ว่าราชันวิฬาร์สวรรค์มิได้เปิดเผยข่าวคราวของผู้ทรงพลังขณะเผชิญกับความตาย

“ผู้ทรงพลังมีบุญคุณใหญ่หลวงกับข้า ซ้ำยังยอมให้ลูกสาวข้าติดตามข้างกาย ข้าไฉนเลยจะทำให้ผู้ทรงพลังระคายใจ ปล่อยให้ผู้อื่นเข้าไปรบกวนผู้ทรงพลัง!”

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์กล่าว

เขามีขอบเขตอยู่ในใจ ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่ขอล้ำเส้นขอบเขตนั้น

บุญคุณของผู้ทรงพลังใหญ่หลวงดุจภูผา หากเขาเปิดเผยข้อมูลของผู้ทรงพลังเพื่อผลประโยชน์ของตน เขาก็สารเลวเกินไปแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรจากคนเนรคุณ ไม่มีจิตสำนึกอย่างลั่วหนาน

“เจ้ามีจิตสำนึกได้เช่นนี้ ไม่เสียแรงที่ผู้ทรงพลังทุ่มเทช่วยเจ้า…”

เจ้านิกายรุ่นก่อนเอ่ยยิ้ม ๆ

ผู้เฒ่าเมิ่งจีบันทึกทุกอย่างไว้ในยันต์ส่งเสียง ซึ่งเป็นยันต์ติดต่อกับเจ้านิกายโดยตรง

หลังจากเจ้านิกายรับรู้ทุกอย่างผ่านยันต์นั้นแล้ว ก็แจ้งมาที่เขาทันที

ภาคกลางห่างไกลจากแดนบูรพาทิศมาก ต่อให้สื่อสารกันด้วยยันต์ติดต่อก็ล่วงเลยไปแล้วหลายวัน เจ้านิกายกลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี จึงแจ้งเขาในทันทีที่ทราบเรื่อง

ทุกคนทราบกันดีว่านิกายลับสวรรค์มีสัมพันธ์ไมตรีอันดีงามกับผู้อื่น ล้วนแล้วแต่ยำเกรงต่อนิกายลับสวรรค์

ทว่าเจ้านิกายยังห่วงว่าพวกราชันอสรพิษโซ่แดงจะยอมเสี่ยง กลัวว่าเขาไม่สามารถหยุดพวกราชันอสรพิษโซ่แดงได้ทัน จนเกิดเรื่องกับราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์

ติดต่อยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจอื่นก็ต้องใช้เวลา

เจ้านิกายหมดทางเลือก จำต้องแจ้งเขา ให้เขาเดินทางมาด้วยตัวเอง

นี่เป็นการฝากฝังจากท่านเซียนเชียวนะ เขาเข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ดี หากทำได้ดี เขาอาจได้รับประโยชน์นานัปการ จนอยู่รอดเกินอายุขัย หากทำได้ไม่ดี…ทั้งนิกายลับสวรรค์อาจต้องถึงคราวอวสาน!

เขาไม่กล้าชะล่าใจ จึงเร่งมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุด

ยังดีที่เขามาทันเวลา มิได้เกิดอันตรายใด ๆ กับราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์

ส่วนสำคัญคือเจ้านิกายทำได้ดีมาก ไม่คิดติดต่อยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจอื่น แต่แจ้งเขาในทันที หากมิใช่เช่นนั้น พวกเขาคงกระทำความผิดใหญ่หลวง!

“ผู้ทรงพลัง…”

ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ตื้นตันใจ เขาทำให้ผู้ทรงพลังต้องผิดหวัง แต่ผู้ทรงพลังยังส่งคนมาช่วยเขา เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเอ่ยคำใด กระแสอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของหัวใจ

“เอาล่ะ เรื่องนี้จบลง ข้าก็ควรต้องไปแล้ว หลังจากนี้เจ้าอย่าได้ผลีผลามเช่นนี้อีก คิดให้มากแล้วค่อยลงมือ…”

เจ้านิกายรุ่นก่อนบอกลาราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ แล้วจึงกลับไปที่นิกายลับสวรรค์

ร่างของเขาโอนเอน ลมปราณอ่อนแรงขั้นสุด คนทั้งคนเหมือนคนชราใกล้ถึงคราวเต็มที หมดสิ้นท่าทางผู้แข็งแกร่ง…

ครั้งนี้เขาผลาญพลังไปมากจริง ๆ เดิมอายุขัยที่เหลืออยู่ของเขาก็ไม่มากแล้ว บัดนี้ยิ่งเหลืออยู่ไม่กี่วัน…

“อาจารย์ ท่านไปหาท่านเซียนที่แดนบูรพาทิศเถิด!”

เจ้านิกายลับสวรรค์ปัจจุบันเอ่ยกับเจ้านิกายรุ่นก่อนอย่างนึกปวดใจ

เจ้านิกายรุ่นก่อนเป็นอาจารย์ของเขา

“ไม่ได้!”

เจ้านิกายรุ่นก่อนส่ายหัวอย่างยากลำบาก “ข้าไปหาท่านเซียนทั้งอย่างนี้ อย่างกับเสนอหน้าขอความดีความชอบ…จิตของท่านเซียนล่วงรู้ทุกอย่าง มีสิ่งใดที่ท่านไม่ทราบบ้าง อย่าได้อวดฉลาดต่อหน้าท่านเซียนเชียว!”

“แต่อาจารย์ผลาญพลังไปมหาศาลเพราะการนี้ เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้วนะ!”

เจ้านิกายปวดใจยิ่งขึ้น

“หากท่านเซียนต้องการให้รางวัล พวกเราไม่ไป ท่านเซียนก็ให้รางวัลอยู่ดี…หากท่านเซียนไม่ต้องการให้รางวัลเรา ข้าไปก็เปล่าประโยชน์ มิหนำซ้ำยังจะเป็นการทำให้ท่านเซียนไม่พอใจ จนนำภัยสู่ตัว…”

เจ้านิกายรุ่นก่อนกล่าว “ข้าตายหรือไม่นั้นไม่สำคัญ อนาคตของนิกายลับสวรรค์ต่างหากที่สำคัญ เมิ่งจีอุตส่าห์ได้รับความชื่นชมจากท่านเซียน พวกเราจะทำลายสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เด็ดขาด…”

เขาเอ่ยต่อ “เจ้าบอกเมิ่งจีผ่านยันต์ติดต่อ ภารกิจนี้ลุล่วงแล้ว ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ปลอดภัย แต่จำเอาไว้ ห้ามพูดมากและห้ามขอความดีความชอบต่อหน้าท่านเซียนเด็ดขาด!”

“ศิษย์…เข้าใจแล้ว!”

เจ้านิกายตอบทั้งน้ำตา บันทึกทุกอย่างลงยันต์ติดต่อ แล้วแจ้งไปที่เมิ่งจี

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท