รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 77 ท่านเซียนชี้แนะวาดภาพ

บทที่ 77 ท่านเซียนชี้แนะวาดภาพ

บทที่ 77 ท่านเซียนชี้แนะวาดภาพ

‘ผู้เฒ่าโชคดีเกินไปแล้ว’

หลิงอินกล่าวในใจ

ขอบเขตของผู้อาวุโสนั้นสูงมาก การได้เรียนรู้วิชาวาดภาพจากผู้อาวุโสย่อมมีประโยชน์เป็นแน่!

นางอยากจะบอกกับผู้อาวุโสว่า ตนก็ต้องการเรียนวาดภาพด้วยเช่นกัน

ทว่านางเพียงครุ่นคิดเท่านั้น แต่ไม่ได้พูดออกไป

โลภมากก็หาใช่เรื่องดี ชั่วชีวิตนี้นางฝึกเล่นกู่ฉินให้ดีก็เพียงพอแล้ว

“แค่ชอบก็พอแล้ว เช่นนั้น ท่านผู้เฒ่ามาเรียนวาดภาพกับข้าแล้วกัน”

หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม

เขาคาดไม่ผิด ชายชราชอบวาดภาพมาก

หลายวันที่ผ่านมา หลี่จิ่วเต้าเริ่มสอนชายชราวาดภาพ

แล้วเขาก็ให้ชายชราร่างภาพ เพื่อดูพื้นฐานของอีกฝ่าย

พื้นฐานของชายชรายังดีอยู่ ทักษะการวาดภาพของเขามีแค่บางจุดเท่านั้นที่ยังขาดอยู่บ้าง

ภาพวาดที่ชายชราวาดออกมา มองแล้วคล้ายกันมาก แต่กลับไม่สามารถดึงเอาอารมณ์ศิลป์จากภาพวาดออกมาได้

“ท่านต้องเรียนเรื่องจับจุดสำคัญ…”

หลี่จิ่วเต้าหยิบพู่กันขึ้นมา เพิ่มสองจุดบนใบภาพวาดที่ชายชราเพิ่งวาดไป

ภาพวาดของชายชราคือแมวน้อยสีขาว ลักษณะภาพวาดคือเหมือนกันทุกประการ แต่จุดสำคัญที่ขาดหายไปคือ ‘จิตวิญญาณ’

จิตวิญญาณมาจากดวงตา หลี่จิ่วเต้าเพิ่มจุดสองจุดบนดวงตาของภาพวาดลูกแมวตัวน้อยสีขาว

หลังจากมองอีกครั้ง ภาพวาดลูกแมวตัวน้อยคล้ายจะดูมีชีวิตชีวาขึ้น แตกต่างจากแมวสีขาวน้อยที่ชายชราวาดไว้อย่างสิ้นเชิง!

แมวน้อยสีขาวที่ชายชราวาด กลายมาเป็นแมวน้อยสีขาวมีชีวิตชีวา

“ท่านช่างสุดยอดยิ่งนัก”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีอดเอ่ยมิได้

หลังท่านเซียนเพิ่มจุดตรงดวงตาเล็กน้อย เขาพลันรับได้รู้ถึงพลังของพยัคฆ์ก็มิปาน แล้วจิตวิญญาณของเจ้าแมวตัวน้อยลั่วสุ่ยก็ปรากฏ!

เดิมทีเขารักการวาดภาพอยู่แล้ว เวลาไม่ได้ทำสิ่งใดก็มักจะวาดภาพเสมอ ทว่าเมื่อเทียบกับท่านเซียนแล้ว หาได้แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่…

ภาพวาดเลียนแบบของเขาสมบูรณ์ เมื่อท่านเซียนแต่งเติมลงไป!

“สิ่งสำคัญที่สุดของการวาดภาพคือ ต้องเข้าใจในสิ่งที่ตนเองอยากวาด!”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยพลางชี้แนะให้ชายชราสังเกตเห็นมากขึ้น โดยเฉพาะจุดสำคัญอย่าง ‘จิตวิญญาณ’ ก่อนลงปลายพู่กัน

“เข้าใจแล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีพยักหน้ารัว ๆ เขาเข้าใจในสิ่งท่านเซียนกล่าวเตือน และตั้งใจฝึกฝนวาดภาพต่อไป

หลังจากผ่านไปหลายวัน หูช่วงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและผู้อาวุโสหลายคน ก็เร่งรีบไปทางบูรพาทิศ

“ช่างเรื่องซากโบราณก่อน พวกเจ้าไปตรวจสอบบริเวณแถวนี้เสียหน่อย”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสั่งผู้อาวุโสหลายคน

หูช่วงพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมายังสถานที่เขาเคยเจอท่านเซียน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงเต๋าสูงสุดที่ยังหลงเหลืออยู่ที่นี่!

ในยามนี้ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่สงสัยอีกต่อไป!

ท่านเซียนผู้นั้นน่าจะยังจากไปไม่ไกลมากนัก

เดิมทีเขาคิดให้ผู้อาวุโสบางคนไปยังซากปรักหักพังโบราณก่อน แต่หลังจากสัมผัสได้ถึงเต๋าที่หลงเหลืออยู่ เขาก็เปลี่ยนใจให้ผู้อาวุโสสองสามคน สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ก่อน

เรื่องนี้สำคัญที่สุด!

“น้อมรับคำสั่ง!”

ผู้อาวุโสหลายคนจากไป และสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ตามคำกำชับของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

หลังจากการฝึกฝนมาหลายวัน ผนวกกับได้รับคำชี้แนะจากหลี่จิ่วเต้าอย่างอดทน ทักษะวาดภาพของผู้เฒ่าเมิ่งจีก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เขาค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ‘จิตวิญญาณ’ สิ่งที่เขาวาด!

“ก่อนหน้าข้าไม่เข้าใจท่านเซียนกำลังบอกอะไร…ทว่าตอนนี้ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ท่านเซียนกำลังสอนวิธีไล่ตามความลับสวรรค์!’

ผู้เฒ่าเมิ่งรู้สึกสะท้านใจยิ่งนัก เมื่อทักษะการวาดภาพของเขาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาก็ค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่เส้นทางเต๋า และเข้าใจความตั้งใจของท่านเซียนแล้ว!

แม้จะบอกว่าเขาเรียนวิชาวาดภาพ แต่อันที่จริงแล้วเขาล้วนไม่เข้าใจสิ่งใดเลย และเพราะเหตุใดท่านเซียนถึงต้องสอนเขาวาดภาพวิธีปุถุชน

แต่ต่อมาหลังจากเข้าสู่เส้นทางเต๋าแล้ว เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้!

ท่านเซียนกำลังฝึกให้เขาเรียนรู้ที่จะสังเกต มองหาความลับของสวรรค์และใช้มันเพื่ออนุมาน ด้วยเหตุนี้ ท่านเซียนจึงสอนให้เขาวาดภาพ!

ตอนนี้เขาไม่ต้องขยับตัวเพื่อไล่ตามความลับสวรรค์อีกต่อไป เพียงคลี่ม้วนกระดาษ หยิบพู่กันขึ้นมาแต่งเติมสีสัน แล้วความลับของสวรรค์ก็จะปรากฏเอง!

นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย มันช่วยให้เขาปรับปรุงวิธีการฝึกฝนโดยไม่รู้แล้วว่าทะลวงขั้นไปกี่ระดับ!

ขวับ!

ยามนี้เอง ปรากฏแสงสาดส่องตรงมาจากท้องนภาและเข้าสู่ห้วงจิตใจของเขา

“ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว”

ยันต์ติดต่อเปล่งแสงสว่าง แล้วสุรเสียงของเจ้านิกายนิกายลับสวรรค์ก็ดังออกมา

“เจ้านิกายรุ่นก่อนบอกว่าข้าไม่อาจขอความดีความชอบจากท่านเซียนได้ หากท่านเซียนต้องการตกรางวัลให้ ก็ย่อมตอบแทนให้เองโดยธรรมชาติ… มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านเซียนถึงสอนข้าวาดภาพและชี้แนะปัญหาให้ เพราะนี่คือการตกรางวัลให้อย่างไรเล่า อีกทั้งท่านเซียนยังทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วด้วย!”

เมิ่งจีอดไม่ได้ที่จะพึมพำอีกครั้ง “ท่านเซียนจักใจดีเกินไปแล้ว มิหนำซ้ำท่านยังช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอด้วย ข้ามิอาจทำให้ความตั้งใจของท่านเซียนเสียเปล่าแล้ว!”

ท่านเซียนพาเขากลับบ้าน เล่าประสบการณ์ฝึกฝนมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อเขาใหญ่หลวง ทั้งยังช่วยเรื่องต่าง ๆ อีกนานัปการ

หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จและช่วยราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ได้ ท่านเซียนยังตกรางวัลให้เขาอีกด้วย โดยสอนเขาลงพู่กันและชี้แนะวิธีฝึกฝน

ท่านเซียนจักใส่ใจเกินไปแล้ว!

“ประเดี๋ยวก่อน หากท่านเซียนต้องการตอบแทน ท่านก็มีของมากมายที่สามารถให้ได้มิใช่หรือ แล้วเหตุใดท่านเซียนจึงเต็มใจชี้แนะข้า? ท่านเซียนมีความคิดเหนือสามัญ ย่อมทราบว่าเจ้านิกายรุ่นก่อนต้องลงมือช่วยราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ แต่เพราะเหตุนี้มันจึงผลาญพลังและทำให้อายุขัยของเจ้านิกายรุ่นก่อนยิ่งลดน้อยลง ดังนั้นท่านเซียนจึงเข้ามาชี้นำวิถีการฝึกตนของข้า!”

เขาคิดอีกครั้ง พลันรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง

นี่หมายความว่า ท่านเซียนต้องการให้เขาชี้แนะเจ้านิกายรุ่นก่อน!

นี่เพราะวิถีการฝึกตนของเขาเหมือนกับเจ้านิกายรุ่นก่อนมิใช่หรือ?

ท่านเซียนจึงมุ่งเน้นที่จะชี้แนะวิธีฝึกฝนของเขา ทำให้เขาสามารถปรับปรุงวิถีฝึกตนได้หลากหลายรูปแบบ หากส่งต่อคำสอนแก่เจ้านิกายรุ่นก่อน เจ้านิกายรุ่นก่อนย่อมได้รับประโยชน์มากมายแน่นอน อาจถึงขั้นทะลวงคอขวดและเพิ่มอายุขัยของเขาก็เป็นได้!

“ขอบคุณท่านเซียน”

เขาขอบคุณท่านเซียนไม่รู้จบ และใช้ยันต์ติดต่อบันทึกทุกอย่างลงไปในนั้น รวมถึงวิธีฝึกฝนเขาปรับปรุงขึ้นมาด้วย!

หลังจากนั้นชายชราก็ฉีกยันต์ติดต่อ ลำแสงทะยานขึ้นสู่ท้องนภา แล้วจึงลับหายสายตาไป

“กลับไปบอกข่าวดีให้ลั่วสุ่ยรู้ดีกว่า!”

เขาคลี่ยิ้มและเก็บข้าวของกลับเมืองชิงซาน

ยามนี้เมิ่งจีไม่ได้อยู่ในเมืองชิงซาน แต่ออกมาวาดภาพนอกเมืองชิงซาน

“ไม่มีข่าวเกี่ยวกับท่านเซียน แต่มีเรื่องแปลก ๆ อยู่อย่างขอรับ บรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้ากับบรรพชนสำนักไท่หัว…ไม่รู้เพราเหตุใด จู่ ๆ ก็สามารถทะลวงข้ามขอบเขตได้อย่างรวดเร็วขอรับ”

ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนำข่าวกลับมา

พวกเขาไม่รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับท่านเซียน แต่กลับได้ข่าวฝึกปรือพลังของบรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้า และบรรพชนสำนักไท่หัวแทน

หลังจากบรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้ากับบรรพชนสำนักไท่หัวบรรลุขอบเขตได้แล้ว พวกเขาก็มายังซากปรักหักพังโบราณเพื่อลองทำลายม่านพลังดู ข่าวพวกนี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด

“บรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้า…บรรพชนสำนักไท่หัว”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนขมวดคิ้วถามว่า “ทั้งสองสำนักนี้อยู่ที่ไหน“

“สำนักเมฆาลับฟ้าอยู่ค่อนข้างไกล ส่วนสำนักไท่หัวอยู่ใกล้ ๆ กันนี้ขอรับ! อีกทั้งความสัมพันธ์ของบรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้า และบรรพชนสำนักไท่หัวถือว่าดีมากขอรับ”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบกลับ

ประมุขแดนศักดิสิทธิ์เหิงเทียนไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก แต่เริ่มครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง

“ไฉนจู่ ๆ พวกเขาถึงได้บรรลุขอบเขตกันเร็วนัก? นี่เพราะพวกเขาติดต่อกับท่านเซียนเป็นแน่!”

แล้วดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมา

หากบอกว่าอยากเลื่อนขั้นขอบเขตผู้ฝึกตนก็เลื่อนขั้นได้หรือ?

หากเป็นเช่นนั้นจริง โลกนี้คงไม่มีผู้อ่อนแอ แต่จะมีแค่ผู้แข็งแกร่งอยู่ทุกที่!

เมื่อหวนนึกว่าท่านเซียนปรากฏกายอยู่บริเวณนี้ เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้ทันทีว่า บรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้ากับบรรพชนสำนักไท่หัวอาจติดต่อกับท่านเซียน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท