บทที่ 81 แบไต๋เถิด ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์!
“นับเป็นเกียรติสูงสุดของสำนักไท่หัว!”
เวิงอู๋โยวไม่อยากเชื่อเท่าใด ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่งต้องการเดินทางไปยังสำนักไท่หัวของพวกเขา นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสำนักไท่หัว!
ประมุขแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ สถานะสูงส่งปานใด สำนักไท่หัวช่างกระจ้อยร่อยเมื่ออยู่เบื้องหน้าของเขา เรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน…!
“พูดเกินไปแล้ว”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยิ้มถ่อมตน เรียกหูช่วงเข้ามา “เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ การบุกเริ่มขึ้นเมื่อใด เจ้ามาเรียนข้าที่สำนักไท่หัว”
“ขอรับท่านประมุข!” หูช่วงตอบนอบน้อม
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า ก่อนจะหันมองเวิงอู๋โยว “สหายเชิญนำทางข้างหน้าเถิด ประเดี๋ยวการบุกเริ่มแล้ว พวกเราค่อยเดินทางมาที่นี่ด้วยกัน”
“หา?”
เวิงอู๋โยวไม่ค่อยจะทำใจเชื่อได้ลง นี่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะพาพวกเขาเข้าไปในซากโบราณด้วยหรือ?
บนโลกนี้มีคนดีเช่นนี้จริง ๆ หรือ?
เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กระนั้นก็ไม่กล้าเสียมารยาทต่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน จึงนำทางอยู่ข้างหน้า พาเขากลับไปที่สำนักไท่หัว
เวลาผ่านไปพักหนึ่ง พวกเขาก็กลับมาถึงสำนักไท่หัว
เมืองชิงซานอยู่ทางทิศตะวันออกของสำนักไท่หัว ส่วนซากโบราณอยู่ทางทิศตะวันตกของสำนักไท่หัว ตอนที่พวกเขากลับมา จึงมิได้ผ่านเมืองชิงซาน
ตลอดทั้งทางพวกเขาเหินอากาศมา
หากผ่านเมืองชิงซาน เวิงอู๋โยว โจวตง และลวี่เหลียงไม่กล้าเหินเหนือท้องฟ้าเมืองชิงซาน นั่นถือเป็นการลบหลู่ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้พวกเขาใจกล้ากว่านี้อีกร้อยเท่าก็ไม่กล้า
…
ซากโบราณ
“พวกเจ้าไปสืบข้อมูลของสามคนนั้นที ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล…”
ไป๋หยูขมวดคิ้ว ท่าทีที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีต่อทั้งสามคนนั้นน่าประหลาดมาก จนเป็นที่สงสัยชองเขา
ภาคกลางห่างจากแดนบูรพาทิศไกลโข และในบรรดาเวิงอู๋โยวสามคน ผู้ที่ระดับขั้นสูงสุดก็อยู่เพียงขอบเขตลิขิตชะตาเท่านั้น ผู้ฝึกตนระดับต่ำต้อยเพียงนี้ เหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงมีท่าทีเกรงใจและดีกับพวกเขาอย่างเอาจริงเอาจังด้วย
เคยรู้จักกันหรือ?
เขาได้จับตาดูแล้ว พวกเวิงอู๋โยวสามคนไม่เหมือนรู้จักกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาก่อน
“บางทีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอาจต้องการบางอย่างจากสามคนนี้!”
เขาครุ่นคิดพึมพำเสียงเบา “สามคนนี้มีสิ่งใดควรค่าให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยากได้กัน”
…
ณ สำนักไท่หัว
เมื่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคมาเยือน ทั้งสำนักไท่หัวก็คึกคักขึ้นมา ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ทั้งหมดพากันออกมาต้อนรับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง
“ตาแก่นี่ได้เปรียบเห็น ๆ เหตุใดสำนักเมฆาลับฟ้าของเราต้องตั้งอยู่ไกลขนาดนั้นด้วยนะ”
โจวตงหงุดหงิดใจยิ่ง เขาก็อยากให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปเยือนสำนักเมฆาลับฟ้าของพวกเขาเหมือนกัน
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคไปเยือนทั้งที นับเป็นเกียรติยศสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของภาคกลางอันกว้างใหญ่เริ่มขึ้น ยังไม่มีสำนักฝึกตนใดได้รับเกียรติขนาดที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคไปเยือน!
น่าเสียดาย หากวัดระยะจากซากโบราณ สำนักไท่หัวใกล้กว่าสำนักเมฆาลับฟ้าของพวกเขามากจริ งๆ
สำนักไท่หัวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของซากโบราณ ส่วนสำนักเมฆาลับฟ้าของพวกเขาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของสำนักไท่หัว…
“ทุกท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ มีหน้าที่ใดจงไปปฏิบัติเถิด”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวยิ้ม ๆ กับบรรดาผู้อาวุโสและลูกศิษย์ของสำนักไท่หัว ไม่วางมาดแม้แต่น้อย
“พื้นที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา มีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งบางอย่างไหลเวียนอยู่!”
ฉากหน้าเขาไม่แสดงท่าทีใด ทว่าภายในใจนั้นหาได้สงบไม่
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในสำนักไท่หัว เขาก็รู้สึกถึงจังหวะแห่งเต๋าแสนวิเศษ จังหวะแห่งเต๋านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าจังหวะแห่งเต๋าในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เขาพกมาเสียอีก!
สำนักฝึกตนเล็ก ๆ ในบูรพาทิศ ไยถึงมีจังหวะแห่งเต๋าแสนวิเศษเช่นนี้ดำรงอยู่?
ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นไปอีก หากไม่มีอะไรผิดพลาด เวิงอู๋โยวคงเคยมีปฏิสัมพันธ์กับท่านเซียนผู้นั้น
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคเข้ากับคนง่ายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เหล่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์ของสำนักไท่หัวคิดไม่ถึง แต่ละคนตื่นเต้นเต็มตื้นกันยกใหญ่ ส่งเสียงยินดีปรีดากันเกรียวกราว!
เวิงอู๋โยวเห็นท่าทางตื่นเต้นเต็มตื้นของบรรดาผู้อาวุโสและลูกศิษย์สำนักไท่หัวแล้ว พลันนึกอยู่ในใจ แค่นี้ใช่เรื่องใหญ่ที่ไหน เจ้าพวกหลังเขาไม่เคยเปิดหูเปิดตา ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เก่งกาจกว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้กี่เท่า ซ้ำยังเข้ากับคนได้ง่ายยิ่งกว่านี้ ไม่วางมาดแม้แต่น้อยเชียวล่ะ!
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ เชิญ!”
เวิงอู๋โยวต้อนรับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในห้องโถงใหญ่อย่างนอบน้อม และสั่งให้ยกน้ำชาเข้ามา
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั่งลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เริ่มคุยสัพเพเหระกับเวิงอู๋โยว “บูรพาจารย์ของสำนักเจ้าตาแหลมยิ่ง เลือกสถานที่ตั้งที่มีพลังปราณเต็มเปี่ยม”
“ที่ไหนกันเล่า ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ล้อพวกเราเล่นแล้ว ที่นี่แค่ดีกว่าที่อื่นนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น หาได้ยอดเยี่ยมอย่างที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ว่าไม่”
เวิงอู๋โยวกล่าว
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้น “ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มีจุดประสงค์ใดกันแน่”
เขามิใช่คนโง่…
ท่านนี้เป็นถึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุค พวกเขามีดีอะไรที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคต้องยื่นมือช่วยเหลือ แล้วมีดีอะไรที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคต้องมีท่าทีเกรงใจพวกเขาถึงเพียงนี้
หรือเพราะประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มีจิตเมตตาชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทนไม่ได้ที่ไป๋หยูทำตัวอันธพาล? ที่ทำดีกับพวกเขาก็เพราะประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นคนเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายอยู่แล้ว ไม่ชอบวางมาด?
มิหนำซ้ำ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ยังจะพาพวกเขาเข้าไปในซากโบราณอีกด้วย…
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกนี้มีคนดีเช่นนี้จริง ๆ ทว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตรงหน้ามิใช่คนดีเช่นนี้แน่นอน!
ถ้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคดีขนาดนี้จริง ๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคงล่มสลายเพราะถูกทำลายไปนานแล้ว!
ยอมบาดหมางกับไป๋หยูแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินเพื่อพวกเขา…สิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนการกระทำของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เลย
เขารู้สึกว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการบางอย่างจากพวกเขาแน่นอน!
“ถ้าข้าบอกว่าไม่มี สหายเชื่อหรือไม่”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย
“ไม่เชื่อ”
เวิงอู๋โยวส่ายหัว “ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการสิ่งใดกันแน่ โปรดบอกมาตามตรงด้วย!”
เมื่อเผชิญกับระดับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่มีความสามารถพอจะโต้ตอบ
ไม่ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ปรารถนาสิ่งใด เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ถามให้รู้กันไปเลยดีกว่า ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่ต้องถึงขั้นตายไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เอาเถิด ถ้าอย่างนั้นข้าขอพูดตามตรงแล้วกัน”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้ตัวว่าหลอกเวิงอู๋โยวไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา หูช่วง บังเอิญพบท่านเซียนท่านหนึ่งในพื้นที่แห่งนี้…”
เขาไม่ปิดบังสิ่งใด อธิบายอย่างละเอียด รวมถึงเหตุผลที่เขาเข้ามาหาพวกเวิงอู๋โยว
“อย่างที่คิด…”
ที่จริงเวิงอู๋โยวพอเดาได้ในใจแล้ว
คนระดับพวกเขา ไฉนเลยจะอยู่ในสายตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุค น่ากลัวว่าเป็นเพราะผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาถึงเป็นที่สนใจของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์…
“พวกเราประมาทเกินไป…”
เขาเหลือบมองโจวตง ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางกล่าว
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอธิบายเหตุผลที่มาหาพวกเขา ล้วนเป็นเพราะพวกเขาบรรลุขอบเขตไวเกินไป
“ตอนนั้นข้าแค่อยากเปิดซากโบราณให้ออกโดยไวนี่นา!”
โจวตงเอ่ยอย่างจนใจ
ครานั้น ลมปราณภายในซากโบราณรั่วไหลออกมา เรียกเอาผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจเข้ามามากมาย
ผู้ฝึกตนมีเรื่องกับเผ่าปีศาจ เขาถึงออกโรงปราบปรามผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจ แล้วร่วมมือกับผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจเหล่านี้ พร้อมทั้งเวิงอู๋โยวและโจวตงลงมือเต็มกำลัง หมายจะเปิดซากโบราณให้ออกก่อนมีผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจเข้ามามากกว่านี้
ครานั้นเขาและเวิงอู๋โยวไม่ได้คิดลึกถึงขั้นนี้…
หากไม่ใช่เพราะการนี้ พวกเขาไม่มีทางเปิดเผยพลังที่แท้จริงโดยง่าย แต่จะเลือกซ่อนพลังที่แท้จริงของพวกเขา
พวกเขาอายุมากแล้ว ผ่านเรื่องราวมามากมาย รู้แก่ใจดีว่าการที่พวกเขาบรรลุทีเดียวหลายขอบเขตในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ จะเป็นที่สงสัยและเพ่งเล็งของผู้อื่น!