รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 85 หัวใจเบิกบาน ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยังไม่ลืมข้า

บทที่ 85 หัวใจเบิกบาน ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยังไม่ลืมข้า

บทที่ 85 หัวใจเบิกบาน ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยังไม่ลืมข้า

“ยังไม่กลับจากอาณาจักรเซี่ยหรือ…”

หลี่จิ่วเต้านึกถึงครั้งสุดท้ายที่เซี่ยเหยียนมาหาเขา ตอนที่นางเดินทางมาพร้อมกับจักรพรรดิเซี่ย

“ยังไม่ได้กลับมาก็ช่างเถิด”

หลี่จิ่วเต้ายิ้ม บอกลาเวิงอู๋โยว โจวตง และหลี่เหลียง

หลังมาถึงสำนักไท่หัว เขารู้ดีว่าตำแหน่งของเวิงอู๋โยวในสำนักไท่หัวนั้นสูงส่งเพียงใด

เซี่ยเหยียนไม่เท่าไหร่ เพราะอยู่กับเขามานานแล้ว แต่เวิงอู๋โยวมิได้เป็นเช่นนั้น พวกเขาเคยพบกันเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น…

มิหนำซ้ำตำแหน่งของเวิงอู๋โยวยังสูงส่งขนาดนี้

เขารู้สึกเขินอาย จึงไม่กล้าขอให้เวิงอู๋โยวพาเดินชมสำนักไท่หัว สุดท้ายแล้วผู้ฝึกตนกับปุถุชนอย่างเขาก็มีความแตกต่าง

‘ไม่เป็นไร รอเซี่ยเหยียนกลับมาแล้วข้าค่อยเข้ามาเดินชมให้ทั่ว’

หลี่จิ่วเต้าไม่รู้สึกเสียดาย บอกกับตัวเองในใจ

ถึงอย่างไรเขาก็ว่างไม่มีอะไรทำ ถือเสียว่ามาเดินเล่น…

“ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่หมายความว่าอย่างไร”

ณ สำนักไท่หัว หลังพวกเวิงอู๋โยวส่งผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จากไปแล้ว เวิงอู๋โยวพลันเอ่ยขึ้นด้วยคิ้วขมวดมุ่น

ขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่สูงส่งปานใด หยั่งรู้ได้ทุกสิ่งในโลกหล้า ไยจึงมาเสียเที่ยวเช่นนี้

หรือก่อนผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มาที่นี่จะไม่รู้จริง ๆ ว่าเซี่ยเหยียนไม่อยู่ที่สำนักไท่หัว

ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลยนะ…

“นี่ ตาแก่ เจ้าอุตส่าห์ฉลาดมาทั้งชีวิต กลับโง่เขลาในเวลาอย่างนี้หรือ! มีหรือที่ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จะไม่รู้ ที่ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ทำเช่นนี้เพราะคิดถึงเซี่ยเหยียนอย่างไรเล่า!”

โจวตงอิจฉาตาร้อนยิ่ง “ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่สูงส่งเพียงใด? ทว่าต่อให้คิดถึงเซี่ยเหยียนขนาดไหน เขาก็ไม่อาจไปหานางที่อาณาจักรเซี่ยด้วยตัวเองได้ ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จึงต้องการฝากบอกผ่านเจ้า ให้เจ้าไปบอกเซี่ยเหยียนว่ากลับมาได้แล้ว!”

จริงด้วย!

เวิงอู๋โยวตาเป็นประกาย

“ข้าจะส่งคนไปแจ้งให้เซี่ยเหยียนกลับมาเดี๋ยวนี้! ไม่สิ ข้าเดินทางไปด้วยตัวเองแล้วกัน เซี่ยเหยียนหนอเซี่ยเหยียน เหตุใดถึงไม่รู้ประสาเพียงนี้ จากไปนานอย่างนี้ไม่รู้จักบอกกล่าวผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่บ้าง…”

เซี่ยเหยียนเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสถึงเพียงนี้ นับเป็นเรื่องใหญ่โตลำดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เขาคิดว่าส่งคนไปคงชักช้าจะไม่ทันใจ เลยตัดสินใจเดินทางไปด้วยตัวเอง ขอให้เซี่ยเหยียนรีบกลับมาโดยไว

เพราะมียอดฝีมือมากมายมาเยือนแดนบูรพาทิศ เขาเลยไม่กล้าใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย

ทว่าสำนักไท่หัวมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ส่งตัวไปถึงอาณาจักรเซี่ยได้

ซึ่งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ว่า คือเส้นทางมิติที่สร้างขึ้น ช่วยให้ไปถึงจุดมุ่งหมายผ่านทางมิติ

ทว่าบัดนี้ มียอดฝีมืออยู่ในแดนบูรพาทิศมากมาย ซ้ำร้ายพลังแต่ละคนน่าสะพรึงกันทั้งสิ้น ล้วนมีสิทธิ์สร้างความปั่นป่วนให้ห้วงมิติได้

เวลานี้แดนบูรพาทิศกำลังวุ่นวาย ไม่แน่อาจมียอดฝีมือบาดหมางจนเปิดศึก

เขาจึงไม่กล้าใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย เพื่อเดินทางผ่านมิติ

และต่อให้เขาร้อนใจจนอยากให้เซี่ยเหยียนรีบกลับมา ก็ยังมิกล้า

เพราะทำเช่นนั้นอันตรายเกินไป ไม่แน่เขาอาจต้องเผชิญกับการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ จนมิติที่ใช้เดินทางพังทลาย และตัวเขาต้องถูกพลังมิติที่ถล่มลงมาสังหาร…

เขาเลยเดินทางออกจากสำนักไท่หัวทันที ไม่แม้แต่จะบอกลาโจวตงและหลี่เหลียงด้วยซ้ำ

“น่าอิจฉาจริง ๆ…หากสำนักไท่หัวมีเซี่ยเหยียนอยู่ การจะรุ่งเรืองต่อไปอีกหมื่นปีย่อมไม่เป็นปัญหา…”

โจวตงพูดอย่างอดไม่ได้ แท้จริงแล้วทั้งอิจฉาทั้งริษยา

ณ ซากโบราณ

“ท่านประมุข เวิงอู๋โยวเดินทางออกจากสำนักไท่หัวแล้ว”

ใครบางคนรายงานประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ตอนที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเดินทางออกจากสำนักไท่หัว กลับไปรวมตัวกับผู้อาวุโสอย่างพวกหูช่วงที่ซากโบราณ พวกเขาก็ได้ส่งคนไปจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของสำนักไท่หัวทันที

ไม่ว่าอย่างไร สำนักไท่หัวก็เกี่ยวข้องกับท่านเซียนท่านนั้น เขาแค่จับตาดูสำนักไท่หัวอย่างใกล้ชิดก็พอ

และทันทีที่คนของเขาไปถึงสำนักไท่หัว ก็เห็นเวิงอู๋โยวเหินทะยานออกจากสำนักไท่หัว

“ได้ตามไปหรือไม่” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถาม

“มีคนติดตามไป ข้ากลับมารายงานสถานการณ์ให้ท่านประมุขทราบโดยเฉพาะ”

คนผู้นั้นตอบ

“ด้านสำนักไท่หัวมีผู้ใดเฝ้าอยู่หรือไม่” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถามอีก

“มี!”

“เยี่ยม”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า “ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างลับ ๆ จำไว้ว่าห้ามเปิดเผยตัวตนเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจ!”

“ดี เจ้าออกไปได้แล้ว หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกลับมารายงานข้าทันที”

“รับทราบขอรับ!”

คนผู้นั้นขานรับ แล้วร่างก็หายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

“หากได้มีปฏิสัมพันธ์กับท่านเซียนท่านนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเราย่อมกลับมาเฟื่องฟูรุ่งโรจน์ได้ดังเดิม และกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงเป็นแน่!”

แดนศักดิ์สิทธิ์ในยุคนี้ หาได้สมดั่งชื่อของมันไม่

ต้องทราบว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์ยุคโบราณกาล ถึงกับมีตัวตนระดับวิญญาณนักบุญดำรงอยู่!

แต่ยามนี้…พวกเขาเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ในนามเท่านั้น อย่าว่าแต่วิญญาณนักบุญเลย พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งว่าที่นักบุญ หรือกึ่งนักบุญ!

ยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าปีศาจจำกัดพื้นที่เสร็จสิ้น จนสถานที่แห่งนี้ปราศจากผู้อ่อนแอ ผู้ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นยอดฝีมือพลังแกร่งกล้า

ทว่าปฏิบัติการบุกซากโบราณยังไม่เริ่มขึ้น

มียอดฝีมือไม่น้อยที่ยังมาไม่ถึง และพวกเขาก็กำลังรอการมาถึงของยอดฝีมือเหล่านี้

เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ พริบตาเดียวผ่านไปแล้วหลายวัน

“เฮ้อ ยังไม่จบอีกหรือ…”

เซี่ยเหยียนขมวดคิ้วเรียว ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ผ่านไปแล้วอีกหลายวัน ประกายแสงดุจเสาค้ำฟ้ายังไม่สลาย ร่างของผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจเกลื่อนกลาดไปทั่ว

นางอยากกลับไปเหลือเกิน กลัวว่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จะลืมนางจริง ๆ ทว่านางทำไม่ได้…

อาณาจักรเซี่ยที่ไม่มีนางคอยพิทักษ์ ย่อมไร้ซึ่งความปลอดภัย

“เซี่ยเหยียน ไปกับข้า!”

ช่วงเวลานั้นเอง ร่าง ๆ หนึ่งก็เหินเข้ามาจากขอบฟ้า พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเซี่ยเหยียนในพริบตา

“ผู้อาวุโส!”

ตาของเซี่ยเหยียนเบิกกว้าง ผู้อาวุโสเวิงอู๋โยวมาได้อย่างไร?

“ท่านมาได้อย่างไร…”

เซี่ยเหยียนถาม

“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก ไปนานขนาดนี้ไม่รู้จักบอกกล่าวผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก่อน ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ไปหาเจ้าที่สำนักไท่หัว!”

“หา? ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ไปหาข้าที่สำนักไท่หัวเลยหรือ”

เซี่ยเหยียนผงะ ทว่าหลังจากนั้นหัวใจเบิกบานขึ้นมา “ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยังไม่ลืมข้า!”

“ไปกันเถิด ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่คิดถึงเจ้ามาก”

“ได้”

เซี่ยเหยียนหมุนตัวจะไปกับเวิงอู๋โยวทันที

แต่เมื่อนางเห็นประกายแสงที่ทะยานฟ้า ก็หยุดฝีเท้าอีกครั้ง

“เรื่องตรงนั้นยังไม่จบ ข้ากลัวว่าถ้าข้าไปแล้วจะเกิดเรื่องกับอาณาจักรเซี่ย…”

นางคิดถึงผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน และอยากตามเวิงอู๋โยวกลับไปเดี๋ยวนี้

แต่ถ้านางไปแล้ว อาณาจักรเซี่ยจะทำอย่างไร?

นางไม่ได้บอกกล่าวผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ไว้ก่อนก็เพราะเหตุนี้

เดิมนางคิดว่าสามารถกลับไปได้โดยไว หารู้ไม่ว่าซากโบราณจะปรากฏ แดนบูรพาทิศกำลังโกลาหล นางกังวลว่าจะเกิดเรื่องกับอาณาจักรเซี่ย จึงย้อนกลับมายังอาณาจักรเซี่ยทั้งที่เดินทางกลับไปได้ครึ่งทาง และอยู่มาจนถึงบัดนี้

“เจ้าไม่เชื่อใจผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่หรือ ในเมื่อผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ประสงค์ให้เจ้ากลับ นั่นหมายความว่าอาณาจักรเซี่ยจะไม่เกิดเหตุเป็นไปแน่”

เวิงอู๋โยวกล่าว

ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่หยั่งรู้ทุกสิ่งในโลกหล้า ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่รู้!

ความกังวลของเซี่ยเหยียนนั้นไร้ความจำเป็น

ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่โปรดปรานเซี่ยเหยียนถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะปล่อยให้เกิดเรื่องกับอาณาจักรเซี่ย?

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…

“เข้าใจแล้ว”

เซี่ยเหยียนยิ้ม “ข้าขอไปทูลลาเสด็จพ่อก่อน แล้วเรากลับกันเลย!”

“ได้”

เวิงอู๋โยวพยักหน้า

เซี่ยเหยียนเข้าเฝ้าจักรพรรดิเซี่ย อธิบายต้นสายปลายเหตุ แล้วทูลลาจักรพรรดิเซี่ย

“เจ้าเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ นับเป็นเกียรติสูงสุดของเจ้า แต่ทว่าเจ้าต้องจดจำเอาไว้อย่าง ว่าห้ามละเมิดเส้นแบ่งขั้นเพราะเหตุนี้เด็ดขาด!”

จักรพรรดิเซี่ยกำชับ

“หม่อมฉันทราบเพคะ เสด็จพ่อ”

เซี่ยเหยียนพยักหน้า แยกกับจักรพรรดิเซี่ยและเดินทางออกจากอาณาจักรเซี่ยพร้อมกับเวิงอู๋โยว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท