บทที่ 98 นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน โดนไล่ฆ่าเพราะการตายของปุถุชนหรือ?
ผู้อาวุโสและยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนลงมือได้รวดเร็วว่องไว ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงเขตที่พวกเขารับผิดชอบ และหากลุ่มอำนาจในแดนบูรพาทิศในเขตนั้นเจอทันที
แดนศักดิ์สิทธิ์จากภาคกลาง กิตติศัพท์เกรียงไกร กลุ่มอำนาจแดนบูรพาทิศย่อมไม่กล้าไม่ทำตาม พวกเขาต่างแยกย้ายกันไปปลิดชีพเหล่าผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในเมืองปุถุชน ตามคำสั่งของผู้อาวุโสและยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
กล่าวตามตรง พวกเขาขัดหูขัดตาพวกผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจที่เข่นฆ่ามนุษย์ไม่เลือกหน้าในเมืองปุถุชนมานานแล้ว
แม้พวกเขาจะไม่สนว่าปุถุชนเหล่านี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นถิ่นของพวกเขา ผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจจำพวกนั้นอาละวาดก่อเหตุในเมืองปุถุชนซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกเขาเช่นนี้ พวกเขาเองก็โกรธเหมือนกัน ในใจบันดาลโทสะอย่างมาก
ทว่าพวกเขาไหนเลยจะกล้าผลีผลามลงมือ
ไม่ว่าภูมิภาคทิศไหนก็ล้วนแข็งแกร่งกว่าแดนบูรพาทิศ พวกเขากลัวว่าไฟจะลามมาถึงตัว แล้วเป็นตนเองที่ถูกล้างบางแทน
…
ณ เมืองเจียง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินทอดน่องไปตามถนนในเมือง
เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกไม่ธรรมดา ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใสอ่อนโยนประดับ
ทว่าเด็กหนุ่มไม่ธรรมดาผู้นี้ กลับเป็นเพชฌฆาตเลือดเย็นโดยแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งสังหารปุถุชนไปเกือบแสนคน
ที่นี่มีศพกองพะเนินอยู่ทุกหนแห่งเช่นเดียวกัน โลหิตไหลนองไปทั่วทั้งเมือง ทว่าตัวเขากลับไม่เปื้อนเลือดแม้แต่หยดเดียว
ยามเขาก้าวเท้าลงบนอิฐหินเขียว โลหิตพลันถอยร่นลงไปตามอัตโนมัติ ตัวเขาเปี่ยมด้วยพลังญาณเหนือมนุษย์ ดูไม่ออกสักนิดว่าเพิ่งฆ่าปุถุชนไปนับแสน…
“ข้าขอร้อง! หากท่านจะฆ่าให้ฆ่าแค่ข้า แต่ได้โปรดปล่อยเสี่ยวเสี่ยวของข้าไปเถิด!”
สตรีวัยกลางคนนางหนึ่งอุ้มเด็กอายุราว ๆ หกเจ็ดปี ร้องไห้ขอความเมตตาจากเด็กหนุ่ม และโขกศีรษะคำนับเด็กหนุ่มไม่หยุด จนหน้าผากเป็นแผลถลอกปอกเปิก
“มีชีวิตต่อไปมันสนุกนักหรือ? อีกหลายสิบปีหลังจากนี้ พวกเจ้าก็ต้องตาย ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นี้ จะมีชีวิตอยู่หรือไม่มี มันแตกต่างกันอย่างไร”
เด็กหนุ่มมีสีหน้าราบเรียบยิ่ง เขายื่นนิ้วออกไป แล้วแสงลำหนึ่งก็ทะลุหน้าผากสตรีวัยกลางคน นางตายคาที่ ศพล้มตึงลงไปอย่างนั้น
“ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป ท่านตื่นสิ! เสี่ยวเสี่ยวไม่ให้ท่านแม่นอนนะ! ท่านพ่อนอนแล้วไม่เคยลุกขึ้นมาอีกเลย ท่านแม่รีบลุกขึ้นมาเร็ว!”
เด็กคนนั้นกอดร่างแม่ของนางร้องไห้ตะโกน
“หนวกหู…”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย โบกมือไปมา พลังสายหนึ่งพลันจู่โจมเข้าหาเด็กคนนั้นทันที
ฟึ่บ!
ทว่าในตอนนั้นเอง บังเกิดลำแสงเจิดจ้าลำหนึ่งจุติลงจากฟ้า ขวางกั้นพลังของเด็กหนุ่มเอาไว้
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองไปทางหนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาพลางเอ่ยว่า “สหายหูช่วงมาที่นี่ได้อย่างไร”
เด็กหนุ่มท่าทางอายุราว ๆ ยี่สิบปีกลับเรียกหูช่วงว่าสหายอย่างนั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดา บางทีเขาอาจมีพลังแกร่งกล้า!
ถึงอย่างไรสหายก็มิใช่สรรพนามที่ใช้เรียกผู้ใดก็ได้…
เด็กหนุ่มมองออกไปอีกด้านหนึ่ง ตรงจุดนั้นมิติโดยรอบบิดเบี้ยว มีแสงเจิดจรัสเปล่งออกมา แล้วร่าง ๆ หนึ่งก็เดินออกมากลางอากาศ เขาผู้นั้นคือหูช่วง!
“หมิงเยวีย เจ้าสนุกนักหรือ สังหารหมู่เมืองปุถุชนเช่นนี้ เจ้าทำลงไปได้อย่างไร!”
เสียงของหูช่วงเย็นเยียบ ภายในใจโกรธเกรี้ยวเหลือแสน
ศพเกลื่อนเมืองไปหมด หมิงเยวียทำเกินไปแล้ว เขาไร้ซึ่งมนุษยธรรมสิ้นดี!
“แล้วไม่สนุกตรงไหน?”
หมิงเยวียหัวเราะเบา ๆ “ข้าว่าน่าสนุกดีออก ได้เห็นปุถุชนเหล่านี้ร้องขอความเมตตา ท่าทางน่าสงสาร วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน น่าสนุกจะตายไป…”
“ตาเฒ่าเกเร อายุอานามปาไปเท่าไหร่แล้ว ยังปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มอยู่อีก!” หูช่วงแค่นเสียงเย็น
เขารู้จักคนผู้นี้ ชายตรงหน้าหาใช่เด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบปี แต่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้ซึ่งมีชื่อเสียงทัดเทียมเขา เป็นหนึ่งในยอดฝีมือชื่อดังจากภาคกลางและเป็นผู้ฝึกตนไร้สำนัก
คนผู้นี้ไม่ได้ถูกขับไล่ แต่อยู่ที่ซากโบราณจนถึงท้ายที่สุด มิหนำซ้ำยังได้เข้าไปในซากโบราณด้วย
ซากโบราณมีผู้อื่นตัดหน้าชิงเข้าไปก่อน ยอดฝีมือที่ได้เข้าไปล้วนโมโหโทโส คิดแล้วหมิงเยวียก็คงเป็นเช่นนี้ เก็บกดความฉุนเฉียวในใจ แล้วมาระบายอารมณ์ในเมืองปุถุชน
“จิตใจข้ายังเยาว์วัยนัก ต่อให้ล่วงเลยไปอีกหลายร้อยปี ข้าก็ยังเป็นเช่นเดิม…”
หมิงเยวียกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของหูช่วงเลยแม้แต่น้อย
“หน้าไม่อาย!”
หูช่วงเอ่ยเสียงเย็นชา
“หืม ไม่ใช่กระมัง สหายหูช่วงคงไม่เป็นปฏิปักษ์กับข้าเพียงเพราะข้าสังหารปุถุชนไปนิดหน่อย ใช่หรือไม่?”
หมิงเยวียหันมองหูช่วง เอ่ยอย่างนึกขำ
ปุถุชนจะไปมีค่าใด…
ในสายตาผู้ฝึกตนอย่างพวกเขา ปุถุชนไม่มีค่าอันใดและไม่ต่างจากมดปลวกเลย
เหยียบมดจำนวนหนึ่งตายนับเป็นเรื่องใหญ่ด้วยหรือ?
“เพียงสังหารปุถุชนไปนิดหน่อยอย่างนั้นหรือ”
หูช่วงหัวเราะเย็นเยียบ “หมิงเยวีย เจ้าคิดผิดแล้ว เจ้าต้องตายเพราะปุถุชนเหล่านี้! วันนี้ผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
“เจ้าพูดบ้าอะไร”
หมิงเยวียเกือบหลุดขำออกมา
แค่ฆ่าปุถุชนจะนำภัยร้ายมาสู่ตัวได้อย่างไร
อย่าว่าแต่ฆ่าปุถุชนเลย ด้วยพลังของเขา ตราบใดที่ไม่ไปสังหารบรรดาลูกศิษย์กลุ่มอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถฆ่าผู้ฝึกตนคนไหนก็ได้ที่เขาต้องการ!
ทว่าในไม่ช้าเขาก็หัวเราะไม่ออก
เพราะหูช่วงบุกเข้ามาหาเขาทันที พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นทะยานขึ้นสู่นภา ปรี่เข้ามาถึงก็ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์สุดแกร่งกล้า ช่างน่าหวาดหวั่นยิ่ง!
“เจ้าเอาจริงหรือ!?”
สีหน้าหมิงเยวียเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าหูช่วงจะลงไม้ลงมือกับเขา!
มาถึงก็ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ นี่หูช่วงตั้งใจจะเอาชีวิตเขาจริง ๆ หรือ!
เขามิกล้าชะล่าใจ รีบรีดเร้นพลังในกาย ใช้วิชาป้องกันการโจมตีของหูช่วงทันที
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง และร่างของหมิงเยวียก็ถอยหลังไปหลายสิบก้าว เลือดลมในกายพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง จนกระอักเลือดคำโตออกมาอย่างอดไม่ได้
“เห็นข้าเป็นคนยอมให้รังแกง่าย ๆ หรือไร!?”
หมิงเยวียบันดาลโทสะ ลงมือเต็มกำลัง เขาฟาดฝ่ามือออกไป ฉับพลันนั้นพลังมหาศาลดุจท้องทะเลก็ปะทุออกมา น่ากลัวอย่างถึงที่สุด!
เขามีชื่อเสียงทัดเทียมหูช่วง หูช่วงคิดฆ่าเขามิได้ง่ายเช่นนั้น!
“ข้าบอกแล้ว เจ้าจะต้องตายเพราะเจ้าฆ่าปุถุชน ผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
หูช่วงหน้าตาเย็นชา ปล่อยท่าพิฆาตออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย
ท่านเซียนกำชับไว้ ผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจใดที่ปลิดชีพปุถุชน ให้ฆ่าทิ้งทั้งสิ้น ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!
อย่าว่าแต่หมิงเยวียเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ยอมรามือ ขอทำตามคำสั่งของท่านเซียนเท่านั้น!
“เจ้าจิตใจดีปานนี้ตั้งแต่เมื่อใด ไฉนจึงเป็นห่วงเป็นใยปุถุชนถึงเพียงนี้!”
สีหน้าหมิงเยวียซีดเผือด รับรู้ได้ว่าหูช่วงมิได้ล้อเล่น อีกฝ่ายตั้งใจเอาชีวิตเขาจริง ๆ!
แค่ปุถุชนจำนวนหนึ่ง หูช่วงต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ?
เขา…คิดไม่ตก!
“ฆ่า!”
หูช่วงไม่คิดอธิบาย เขายกมือเรียกศาสตราประจำกายออกมา แล้วปล่อยพลังในกายเต็มพิกัด ก่อนจะซัดหมิงเยวียสุดกำลัง
“บ้าไปแล้ว! ข้าขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้วนะ!”
ร่างของหมิงเยวียวูบไหว รีบไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว นี่เพราะไม่ต้องการสู้พัวพันกับหูช่วงอีกต่อไป
เขาสัมผัสได้ถึงความตั้งใจเด็ดเดี่ยวของหูช่วง หูช่วงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะฆ่าเขาให้จงได้!
เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ไหว หูช่วงมิได้อ่อนแอไปกว่าเขา ต่อให้หูช่วงฆ่าเขาไม่ได้ เขาก็ต้องบาดเจ็บหนักอยู่ดี!
แต่เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น….
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใด สุดท้ายเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!”
หูช่วงไล่ตามมาติด ๆ ตามฆ่าหมิงเยวียอยู่ด้านหลัง
“บัดซบ นี่มันเรื่องอันใดกัน!”
หมิงเยวียสบถ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะโดนไล่ฆ่าเพราะสังหารปุถุชนไปจำนวนหนึ่ง!
ทว่าเขาไม่กล้าหยุดแม้แต่น้อย ห้อตะบึงไปตลอดทาง หากหยุดย่อมเป็นศึกตัดสินชะตา เขาไม่อยากปะทะกับหูช่วงโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันแบบงง ๆ อยู่ที่นี่!