รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 100 บุตรธิดาแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เว้น ฆ่าให้หมด!

บทที่ 100 บุตรธิดาแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เว้น ฆ่าให้หมด!

บทที่ 100 บุตรธิดาแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เว้น ฆ่าให้หมด!

“หือ?”

กู้เฟยกับถังอีอีหันมองหน้ากัน ไม่คาดคิดว่าผู้มาเยือนจะมาสั่งสอนพวกเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

อันใดกันนี่?

ด้วยฐานะของพวกเขาการฆ่าปุถุชนจะไปนับอะไรได้? ต่อให้พวกเขาทำลายกองกำลังผู้ฝึกตนของแดนบูรพาทิศทั้งหมดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย…

“ท่านอาเฮ่อ ท่านเป็นอันใดไป?”

ถังอีอีถาม

“อย่ามาเรียกข้าว่าอา!”

สีหน้าผู้มาเยือนเย็นชายิ่งนัก เขากล่าวต่อ “ปุถุชนเป็นรากฐาน เผ่ามนุษย์ก็เป็นรากฐานเช่นเดียวกัน ใครเล่าเกิดมาแล้วไม่ใช่มนุษย์? พวกเจ้าโชคดีสามารถเข้าสู่เส้นแห่งการฝึกตนได้ แต่ย่อมต้องเห็นคุณค่าที่มันให้มาด้วย นั่นคือการตั้งใจฝึกตนหาใช่เอาพลังฝึกตนมาก่อกรรมทำชั่วตามอำเภอใจ สังหารคนบริสุทธิ์เช่นนี้!”

“เพียงแค่สังหารคนไม่กี่คนเอง เกี่ยวอะไรกับท่านอาเฮ่อด้วย?”

กู้เฟยขมวดคิ้วไม่พอใจ รู้สึกว่าผู้มาเยือนผู้นี้กำลังพร่ำสอนได้น่ารำคาญยิ่งนัก

“แค่สังหารคนไม่กี่คน?”

ผู้มาเยือนโมโหยิ่งกว่าเดิมกล่าวว่า “ก้มลงมองใต้เท้าของพวกเจ้าเสียให้เต็มตา นี่เรียกว่าคนไม่กี่คน? นับดูแล้วมีปุถุชนหลายแสนคน พวกเจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ? อยากสังหารก็สังหารหรือไร?”

“ปุถุชนมีมากมาย แค่นี้จะนับเป็นอันใดได้…อีกอย่างปุถุชนเพิ่มจำนวนขึ้นรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็ออกลูกออกหลานเยอะแยะแล้ว”

กู้เฟยยังคงไม่ยอมรับ

“ท่านอาเฮ่อ กู้เฟยกล่าวถูกต้อง ปุถุชนเปรียบกับผู้ฝึกตนเช่นเราไม่ได้ ตายแล้วก็คือตาย”

ถังอีอีไม่คิดว่าพวกเขาทำอะไรผิด ยิ่งไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผู้มาเยือนแม้แต่น้อย

สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ปุถุชนจะมาเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร?

เผ่ามนุษย์เป็นรากฐาน…

ท่านอาเฮ่อพูดอะไรช่างน่าขันนัก หากเผ่ามนุษย์ต้องพึ่งพาปุถุชนเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าเผ่ามนุษย์สมควรถูกกำจัดไปนานแล้วหรอกหรือ?

เผ่ามนุษย์ต้องพึ่งพาผู้ฝึกตนสิถึงจะถูก!

จะว่าไป…พวกปุถุชนเหล่านั้นถูกพวกเขาสังหาร ย่อมถือได้ว่าเป็นเกียรติของปุถุชนเหล่านั้นแล้ว

หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีใจนึกอยากเที่ยวเล่น สำหรับปุถุชน ตลอดชีวิตไหนเลยจะมีโอกาสได้เห็นผู้ฝึกตนเฉกเช่นพวกเขา…

“บิดามารดาเจ้ายังไม่กล้ากระทำตัวเช่นนี้เลย!”

ผู้มาเยือนตะโกน “แล้วพวกเจ้ากล้าดีอย่างไร!”

เขาไม่ได้ข่มขวัญกู้เฟยกับถังอีอี แต่พูดความจริง

ใช้เหตุใช้ผลมาคิดไตร่ตรอง

ยิ่งขอบเขตฝึกตนสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งแจ่มแจ้งขึ้นเท่านั้น

สังหารปุถุชนมากมาย ไม่รู้ก่อกรรมทำชั่วไปเท่าไหร่ ผลกรรมเหล่านี้ไม่หายไป สุดท้ายในอนาคตต้องมาชดใช้ผลกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

มียอดฝีมือพละกำลังสูงส่งที่ระมัดระวังฝีมือยิ่งขึ้น ไม่กล้าออกฝีมือมั่วซั่ว เพราะเกรงว่าจะก่อกรรมเพิ่มด้วยซ้ำ!

ไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่น ยกตัวตัวอย่างตอนนี้

กู้เฟยกับถังอีอีคิดว่าการสังหารปุถุชนเพียงไม่กี่คนนั้นไม่เป็นไร แต่แท้จริงแล้วพวกเขาก่อกรรมอันใหญ่หลวง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขามาที่นี่!

ไม่เลว…

เขาหาใช่ใครอื่น แต่เป็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

ทุกสิ่งในโลกล้วนมีเหตุและผล ปุถุชนก็ไม่เว้น พวกเขามีเหตุและผล ทว่าเป็นเพราะปุถุชนไร้อำนาจ ผลกรรมจึงเกิดน้อย ปกติแล้วย่อมคุกคามผู้ฝึกตนไม่ได้

ถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรแน่นอน

ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้

ผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจเข่นฆ่ามนุษย์ปุถุชนอย่างไร้ความปรานี ทำให้ท่านเซียนพิโรธยิ่งนัก!

นี่ถือเป็นผลกรรมอย่างหนึ่ง!

และกรรมของผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจเหล่านี้คือ… ความตาย!

ท่านเซียนได้มอบหมายให้สังหาร ผู้ใดก็ช่วยผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจเหล่านี้ไม่ได้!

“ท่านอาเฮ่อเป็นอันใดไป?”

กู้เฟยขมวดคิ้ว เขาย่อมไม่คิดว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะมาหาพวกเขา เพียงเพราะเรื่องปุถุชนเหล่านี้

แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านมากเกินไปแล้ว!

“พวกเจ้าก่อกรรมทำเข็ญมากมายลงไป สร้างบาปสูงเทียมฟ้า ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อเอาชีวิตพวกเจ้าเท่านั้น”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวอย่างเย็นชา

ถึงแม้กู้เฟยกับถังอีอีจะเรียกเขาว่าท่านอา แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับ ‘อา’ ผู้นี้มากนัก ที่เรียกเพียงเพราะเขาเป็นรุ่นเดียวกันกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเท่านั้น

ถึงกระนั้นแม้กู้เฟยกับถังอีอีจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขา เป็นหลานชายกับหลานสาวของเขา เขาก็ปล่อยไปไม่ได้!

ท่านเซียนสั่งลงมา เขาจะไม่เชื่อฟังได้อย่างไร?

ไม่ว่าใครก็ตามที่รบกวนปุถุชนในแดนบูรพาทิศจะต้องถูกสังหาร!

“ท่านอาเฮ่อ ท่านพูดว่าอันใดนะ?”

สีหน้าหน้าของถังอีอีเปลี่ยนไปทันที นางคาดไม่ถึงว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา

“ท่านอาเฮ่อ ท่านกำลังข่มขู่ให้พวกเรากลัวหรือ?”

การแสดงออกของกู้เฟยก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

“ข้าไม่ได้ว่างถึงเพียงนั้น”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สังหารคนจำนวนมาก การตายเช่นนี้ถือว่าเหมาะสมกับคนเช่นพวกเจ้าแล้ว!”

จากนั้นเขาก็ลงมือ สังหารกู้เฟยกับถังอีอีด้วยฝ่ามือเดียว!

พลังปราณดุจคลื่นสมุทรเคลื่อนไหวทันที ด้วยขอบเขตการฝึกตนสูงกว่ากู้เฟยกับถังอีอีมาก เด็กสองคนนี้จึงไม่มีอาจโต้ตอบกลับได้ทัน เคลื่อนไหวสักนิดก็ยังทำไม่ได้!

ไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนไหว แม้แต่ส่งเสียงออกมากู้เฟยกับถังอีอียังไม่อาจกระทำได้!

ตู้ม!

ในตอนนั้นเอง ร่างของกู้เฟยกับถังอีอีพลันบังเกิดแสงเจิดจ้าออกมา ขณะเดียวกันก็ปรากฏภาพมายาลอยออกมาจากร่างของกู้เฟยกับถังอีอี

“ผู้ใดช่างกล้านัก!”

“บ้าไปแล้วหรือ!? กล้าลงมือกับบุตรของข้าได้อย่างไร!?”

ภาพมายาของทั้งสองฝ่ายตะโกนเสียงดังลั่น ซ้ำยังมาพร้อมกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้!

“เป็นเจ้า!”

“เฮ่ออู๋! เจ้าคิดทำอันใด!?”

เมื่อภาพมายาทั้งสองเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็กล่าวถามเสียงเคร่งขรึมทันที

“ท่านพ่อช่วยพวกเราด้วย เขาจะฆ่าพวกเรา!”

เมื่อเห็นภาพมายาทั้งสองปรากฏขึ้น ขัดขวางการโจมตีของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไว้ กู้เฟยกับถังอีอีก็ร้องไห้พลางตะโกนออกมาทันที

ภาพมายาทั้งสองไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผา

กู้เฟยกับถังอีอีเป็นบุตรและธิดาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผา ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผารักใคร่พวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้กับพวกเขา โดยให้ร่างอวตารคอยปกป้องคุ้มครองพวกเขาไว้

“เฮ่ออู๋! เจ้าอยากก่อสงครามแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไร!?”

“ข้าจักกล่าวและเจ้าจงฟังให้ดี เฮ่ออู๋! หากเจ้ากล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมลูกสาวของข้า แดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผากับแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเจ้า ไม่ตายไม่เลิกรา!”

ร่างอวตารของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาตะโกนเสียงดัง โดยไม่เกรงกลัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเลยแม้แต่น้อย

ในฐานะประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะเกรงกลัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้อย่างไร?

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังดึงดูดหายนะครั้งใหญ่เข้ามา?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “อย่าห้ามข้าจะดีกว่า เรื่องล้างแค้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผากับแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดคงถูกฝังอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว!”

“นี่เจ้ากำลังขู่พวกข้าหรือ!?”

“เฮ่ออู๋ เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร!?”

ร่างอวตารของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผา ไม่คิดสนใจวาจาของเขาแม้แต่น้อย

คิดข่มขู่แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของพวกเขา?

ช่างน่าขันนัก!

แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือชั้น มิหนำซ้ำ ฝีมือยิ่งไม่ต่างกับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองแห่งของพวกเขา เหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงกล้ามาข่มขู่พวกเขาด้วย!?

ช่างน่าขัน…น่าขันจริง ๆ!

“เรื่องที่จำเป็นต้องบอก ข้าก็บอกไปแล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะฟังหรือไม่ อย่างไรวันนี้กู้เฟยกับถังอีอีก็ต้องตาย ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยปากกล่าวต่อ “หากเจ้าไม่ฟังคำเตือนของข้า คิดอยากจะล้างแค้น แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของพวกเจ้าจักต้องถูกทำลายเป็นแน่!”

แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ใช้พลังเผยกระบวนท่าสังหารก่อนหน้านี้อีกครั้ง!

ร่างประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาขัดขวางสุดชีวิต แต่พวกเขาทั้งสองเป็นเพียงร่างอวตาร อีกทั้งพละกำลังยังแตกต่างจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาก พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย สุดท้ายแล้วร่างอวตารก็ถูกกำจัดไป

จากนั้นโลหิตพลันสาดกระเซ็น เช่นเดียวกับร่างของกู้เฟยและถังอีอีที่ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ ตายตกในที่สุด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท