บทที่ 106 ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน (ปลาย)
ทำนองกู่ฉินบรรเลงดุดันประดุจเสียงกลองศึกที่ปลุกระดมจิตวิญญาณทหารในสนามรบ!
ขบวนทัพเซียนส่องสว่างเจิดจ้า ยืนอยู่บนยอดเมฆากดดันเขาไม้ผล!
ผู้มีร่างกายสูงใหญ่มหึมาของแม่ทัพเซียนถือขวานซวนฮวา*[1] ลงมาจากผืนนภา นำทัพโจมตีเขาไม้ผล
แข็งแกร่งเทียมฟ้า พละกำลังไร้ที่สิ้นสุด แล้วขวานซวนฮวาก็ฟาดฟันไปทั่วท้องนภา!
ทว่าวานรหินกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า เมื่อกระบองทองสารพัดนึกปะทะเข้ากับขวานซวนฮวา ขวานพลันหักออกเป็นสองท่อนทันที ด้วยเหตุนี้แม่ทัพเซียนจึงรีบร่นถอยกลับไปยังค่ายเซียน
‘ต่อสู้ได้ดี!’
ลั่วสุ่ยตะโกนในใจอย่างตื่นเต้น
ภาพเบื้องหน้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เด็กคนหนึ่งออกมาจากค่ายเซียน*[2] ขาเหยียบกงล้อวายุเพลิง สวมชุดผ้าแพรป่วนฟ้า มือถือทวนอัคคี ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ทั่วฟ้าดิน แล้วเซียนเด็กก็เข้าต่อกรกับวานรหิน!
เขามีพละพลังไม่สามัญ กำเนิดออกมามีสามเศียรแขนหกข้างมือถือสมบัติวิเศษ แข็งแกร่งกว่าแม่ทัพคนก่อนมากนัก!
วานรหินประฝีมือกับอีกฝ่ายไม่รู้จบ
ถึงกระนั้นวานรหินยังคงแข็งแกร่งกว่า เซียนเด็กถูกโจมตีจนล่าถอยและต้องหนีกลับค่ายเซียน
‘ช่างร้ายกาจยิ่งนัก! นี่คือพลังของเซียนอย่างนั้นหรือ?’
หลิงอินเห็นแล้วก็รู้สึกตกใจกลัว
ไม่ว่าจะเป็นวานรหินหรือแม่ทัพเซียนเด็ก ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด ความสามารถของนาง แม้กระทั่งยามเป็นจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาลก็ยังไม่มีค่าพอให้กล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย!
ภาพตรงหน้าในตอนนี้
คือวานรหินที่ยืนอยู่บนยอดเขา โดยชี้กระบองทองสารพัดนึกไปยังท้องนภาอย่างสง่างามและน่าเกรงขาม
เหล่าเซียนไม่กล้าสู้อีก เร่งนำทัพกลับวังสวรรค์และรอคำสั่งต่อไป
วังสวรรค์ยอมประนีประนอม และวานรหินก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘ฉีเทียนต้าเซิ่ง’ กลับเข้าวังสวรรค์อีกครั้ง!
‘ต่อไปก็ไม่มีผู้ใดกล้าปรามาสฉีเทียนต้าเซิ่งอีกแล้ว!’
ลั่วสุ่ยครุ่นคิดอย่างชอบใจ
เหล่าเซียนยกทัพกันมาทั้งวังสวรรค์แต่มิอาจต่อกรกับฉีเทียนต้าเซิ่งได้ มิหนำซ้ำยังโดนโจมตีจนต้องล่าถอย พลังแข็งแกร่งเทียมฟ้าปานนั้น แล้วเหล่าเซียนในวังสวรรค์จักกล้าปรามาสฉีเทียนต้าเซิ่งอีกต่อไปได้อย่างไร?
แต่เห็นได้ชัดว่านางคิดมากเกินไป
แล้วเสียงของกู่ฉินก็ค่อย ๆ ดังขึ้นอีกครา!
เมื่อวานรหินเข้าไปในวังสวรรค์ เหล่าเซียนต่างพากันแสดงความเคารพ ‘ฉีเทียนต้าเซิ่ง’ ทว่าในใจของเหล่าเซียนนั้นกลับไม่ได้ยอมรับวานรหินแต่อย่างใด ที่แสดงออกมานั้นย่อมยกยอแต่โดยผิวเผิน!
มารดาแห่งวังสวรรค์จัดงานเลี้ยงและเชิญเซียนทั้งหมด ทว่าวานรหินกลับมิได้รับเชิญ!
วานรหินบันดาลโทสะ ก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยง กินลูกท้อเซียน ดื่มสุราเซียน เคี้ยวยาอายุวัฒนะ จากนั้นก็มิได้กลับวังสวรรค์แต่ไปยังเขาไม้ผลแทน
‘สมน้ำหน้า! ฝีมือท่านพญาวานรร้ายกาจเพียงใด พวกเจ้ายังจักกล้ามาดูหมิ่นท่านพญาวานรอีก ไม่เกรงกลัวกันสักนิดเลยหรือ!’
ลั่วสุ่ยเอ่ยในใจอย่างโกรธแค้น
วังสวรรค์ปกครองเมืองเซียน เซียนแต่ละตนล้วนแต่ทะนงตัวเกินไป แม้พญาวานรจะแสดงฝีมือเหนือชั้นออกมาแล้ว แต่เซียนพวกนี้ยังเหิมเกริมกล้าดูหมิ่นดูแคลนพญาวานรในใจอยู่ดี
‘ขอลูกท้อให้ข้าสักลูกสิ!’
เซี่ยเหยียนมองภาพพลางกลืนน้ำลาย
เห็นพญาวานรกินลูกท้อเซียนเข้าไปก่อนจะโยนทิ้ง ร่ำสุราเซียนเพียงสองอึก ซ้ำแล้วยาอายุวัฒนะเม็ดเดียวก็ละลายในปากไม่หมด เสียหายไปมิรู้เท่าใด แต่…
‘ร้ายกาจยิ่งนัก!’
หลิงอินตกตะลึง
ลูกท้อเซียน สุราเซียน โดยเฉพาะยาอายุวัฒนะ พญาวานรกินเข้าไปทั้งหมดแต่กลับไม่เป็นอันใดเลย นี่ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ภาพตรงหน้ายังคงดำเนินต่อไป
วังสวรรค์รู้ว่าพญาวานรก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงก็โกรธเป็นอย่างยิ่ง นำทหารสวรรค์นับแสนบุกมายังเขาไม้ผล!
ความสามารถของพญาวานรไร้คู่ต่อสู้ทัดเทียม กระบองทองสารพัดนึกกวาดกองทัพทหารนับพัน ขนวานรเส้นเดียวแปลงเป็นสรรพสิ่งนับพันปะทะเข้ากับทหารสวรรค์นับแสน!
ทหารกับแม่ทัพแห่งสวรรค์พ่ายแพ้ ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้อีก!
วังสวรรค์เชิญคนมา ครานี้แม่ทัพสวรรค์สามตาเป็นผู้นำออกรบ ถึงจะเปลี่ยนแม่ทัพแต่ก็หาใช่คู่ต่อสู้ของฉีเทียนต้าเซิ่งไม่!
หลังจากนั้นวังสวรรค์ก็ส่งคนไปลอบโจมตี ในที่สุดพญาวานรก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกจับกลับวังสวรรค์!
‘ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก! เป็นถึงวังสวรรค์แต่กลับกล้าใช้วิธีลอบโจมตี!’
ลั่วสุ่ยโกรธมาก
นำทหารสวรรค์นับแสนมาบุกโจมตีแต่ทำอันใดมิได้เลยใช้วิธีลอบโจมตี วังสวรรค์มิได้เก่งกาจเลยจริง ๆ!
‘พญาวานรจะมิเป็นอันใด!’
หลิงอินกับคนอื่นต่างเป็นกังวลยิ่ง
แล้วทำนองกู่ฉินก็บรรเลงมาถึงเหตุการณ์สำคัญ!
พญาวานรถูกนำตัวไปบั่นศีรษะที่แท่นเซียน ทว่าดาบกลับมิอาจทำอันตรายได้ ไฟและสายฟ้าล้วนใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน เขาถูกผนึกไว้ในเตาหลอม วันเวลาผ่านไป 49 วัน พญาวานรไม่เพียงรอดชีวิต แต่ยังพัฒนาสายตาให้เฉียบคมขึ้นอีกด้วย
หลังหนีออกมาจากเตาหลอมได้ พญาวานรฉวยโอกาสโจมตีวังสวรรค์ และไม่มีเซียนใดสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก ประมุขวังสวรรค์ถูกปลดออกจากบัลลังก์ กลายเป็นพญาวานรขึ้นมานั่งบัลลังก์แทน!
เมื่อถึงตรงนี้ ลำนำบรรเลงก็จบลง
‘สมกับเป็นพญาวานร!’
หลิงอินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้ยิ่งใหญ่จักแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ถูกบั่นศีรษะบนแท่นเซียนก็ยังมิเป็นอันใด ได้รับการขัดเกลาเป็นเวลา 49 วัน แยกแยะข้อเท็จจริงได้ ประมุขวังสวรรค์สมควรถูกปลดออกจากบัลลังก์ พญาวานรนับว่าทรงพลังโดยแท้จริง!
‘กวาดล้างแดนเซียน!’
เซี่ยเหยียน ผู้เฒ่าเมิ่งจี และลั่วสุ่ยยังคงอยู่ในอารมณ์ฮึกเหิม ลำนำบรรเลงจบไปแล้ว ทว่าอารมณ์กลับไม่จบลงไปด้วย นี่เพราะพวกเขายังติดอยู่ในภาพของทำนองกู่ฉินอยู่!
นับเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป!
ไม่นานนักพวกเขาก็ค่อย ๆ ดึงสติกลับมา
“เหตุใดหัวใจเต๋าถึงสูงขึ้น!?”
เซี่ยเหยียน ผู้เฒ่าเมิ่งจี และลั่วสุ่ยต่างพากันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าตัว
ปรากฏว่าขอบเขตหัวใจเต๋าของพวกบังเกิดการยกระดับขั้นครั้งใหญ่!
“ขอบเขตหัวใจเต๋าของมหาจักรพรรดิคือการ ‘กลับคืนสู่พื้นฐานและความเป็นจริง!’”
หลิงอินไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากฟังทำนองกู่ฉิน หัวใจเต๋าของนางก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิ!
หากจะทะลวงขอบเขตมหาจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งจะนับเป็นสิ่งใดไปได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือขอบเขตหัวใจเต๋าต่างหาก!
โดยเฉพาะเมื่อขอบเขตหัวใจเต๋ามาถึง ‘กลับคืนสู่พื้นฐานและความเป็นจริง’ เท่านั้น จึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิได้!
นางคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ!
จักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่บางคนยังไม่เคยไปถึงขอบเขตหัวใจเต๋าเลยในตลอดทั้งชีวิต ทว่านางที่เพียงนั่งฟังทำนองกู่ฉินนั้นกลับ…
เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมากจนไม่อยากจะเชื่อ!
‘ฮ่า ๆ เมื่อมีหัวใจเต๋าแล้ว ข้าจักต้องสามารถก้าวสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน!’
หลิงอินรู้สึกตื่นเต้นมาก หลังจากปัญหาขอบเขตหัวใจเต๋าได้รับการแก้ไขแล้ว อันที่จริง นางไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองจะทะลวงขอบเขตมหาจักรพรรดิได้อย่างแน่นอนหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในตอนนี้นางได้ขจัดอุปสรรค์ชิ้นใหญ่ออกไปแล้ว
‘เอกภาพแห่งสวรรค์และโลก!’
เซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยต่างกำลังตื่นตระหนกตกใจ หัวใจเต๋าของนางมาถึงขอบเขต ‘เอกภาพแห่งสวรรค์และโลก’ แล้ว แค่นี้ก็เพียงพอให้นางยืนอยู่ในระดับต้น ๆ ของเหยียนโจวแล้ว!
‘ไร้มารปีศาจกล้ำกราย!’
ผู้เฒ่าเมิ่งจีรู้สึกตกใจจนพูดอันใดไม่ออก ขอบเขตหัวใจเต๋าของเขามาถึงขอบเขตของ ‘ไร้มารปีศาจกล้ำกราย’ แล้ว!
ไร้มารปีศาจกล้ำกราย ไม่มีมารปีศาจตนใดสามารถคุกคามหัวใจเต๋าของเขาได้ นี่เป็นขอบเขตหัวใจเต๋าขั้นสูงของเหยียนโจว ไม่รู้ว่านานเท่าใดแล้วกว่าจะมีผู้ฝึกตนขอบเขตหัวใจเต๋าระดับนี้ปรากฏ…
‘ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก!’
พวกเขาทั้งหมดมองหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาตกตะลึง
ท่านเซียนไม่แสดงฝีมือ แต่เมื่อได้แสดงฝีมือกลับเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง ชวนให้ผู้คนใจสั่นสะท้านยิ่งนัก!
…
“นี่มัน…”
ไม่ไกลจากร้านของหลี่จิ่วเต้า ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงมีสีหน้าเต็มไปด้วยตวามตกตะลึง พวกเขาเองก็เห็นภาพผ่านเสียงบรรเลงกู่ฉินด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พญาวานรสร้างความวุ่นวายในวังสวรรค์ หรือต่อสู้กับเหล่าเซียน ล้วนแล้วแต่ถูกทำนองกู่ฉินบรรยายออกมา!
“แท้จริงแล้ว ท่านผู้นั้นเป็นตัวตนใดกันแน่!?”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้สึกมึนงงยิ่ง
ใช้ทำนองกู่ฉินอันเลิศล้ำของท่านเซียนมาอนุมาน ‘ฉีเทียนต้าเซิ่ง’ ราวกับพวกเขาได้อยู่ในเหตุการณ์จริง นี่จำต้องมีพลังมากเท่าใด จึงสามารถบรรเลงกู่ฉินออกมาเป็นเรื่องราวเช่นนี้ได้!
เรียกท่านผู้นี้ว่าท่านเซียนยังน้อยไปด้วยซ้ำ!
หากไม่มีพลังวิเศษถึงเพียงนั้น แล้วจะทำทั้งหมดนี้ออกมาได้อย่างไร?
ท่านผู้นี้จะต้องเป็นบูรพาเซียนเป็นแน่!
“ถือเป็นเกียรติของพวกเราแล้วที่ได้รับใช้ท่านเซียน!”
หูช่วงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้
ก่อนหน้าเขายังกังวลใจ แต่ตอนนี้หลังจากได้เห็นฝีมือของท่านเซียน ข้างในก็เต็มไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจยิ่ง!
นี่นับเป็นเกียรติยศสูงสุดของพวกเขา!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงไม่ได้อยู่ในลานบ้าน แม้ว่าพวกเขาจะเห็นภาพและได้ยินเสียงกู่ฉิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับประโยชน์ไปด้วย
มีเพียงคนในลานบ้านเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์…
[1] ขวานซวนฮวา (宣花板斧) คือ อาวุธเซียนในตำนานของประเทศจีน
[2] เด็กคนหนึ่งออกมาจากค่ายเซียน ในที่นี้คือ นาจา