รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 119 ไม่สิ มีเบาะแสแล้ว!

บทที่ 119 ไม่สิ มีเบาะแสแล้ว!

บทที่ 119 ไม่สิ มีเบาะแสแล้ว!

ภาคกลาง ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ชายวัยกลางคนมาถึงประตูเขาแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ชายวัยกลางผู้นั้นมีพลังน่าเกรงขามทั่วร่างโอบรอบด้วยรัศมีเจิดจ้า มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนสามัญ ซ้ำยังมีพลังแข็งแกร่งชวนให้ผู้คนตกใจยิ่ง

“ขอถามท่านมาด้วยเรื่องอันใดหรือ?”

เหล่าศิษย์พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่กล้าประมาท และเอ่ยถามชายวัยกลางคนอย่างสุภาพ

ในฐานะศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมพอรู้ความอยู่บ้าง

โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กับเหล่ายอดฝีมือมาก่อน ทำให้สามารถบอกได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ทว่าต้องเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่งอย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าฝีมือของเขาอาจไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์

“ข้ามาพบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า… ”

ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้น

แม้ว่าเขาจะมีท่าทีน่าเกรงขาม แต่กลับไม่มีเจตนากดขี่ผู้อื่นแม้แต่น้อย ซ้ำยังตอบกลับด้วยคำพูดสุภาพ

“ท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบไปรายงานให้ขอรับ!”

ศิษย์พิทักษ์ประตูไม่กล้ารอช้า และรีบไปรายงานในแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที

ไม่นานนัก ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ออกมา

เขามองชายวัยกลางคนแล้วภายในใจก็รู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย นี่เพราะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งจากชายวัยกลางคน ยอดฝีมือผู้นี้เปรียบกับผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย!

ยอดฝีมือผู้นี้มาจากที่แห่งหนใดกัน?

เขารู้สึกสงสัยในตัวของอีกฝ่าย ยอดฝีมือชายวัยกลางคนผู้นี้กลับไม่มีอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อย!

พละกำลังแข็งแกร่งทัดเทียมได้กับผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาจะไม่มีความทรงจำได้อย่างไรกัน?

ถึงกระนั้นคิดแล้วคิดอีกก็ยังคงไม่มีในความทรงจำสักกระผีกเดียว เป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่เคยเห็นยอดฝีมือผู้นี้มาก่อน

“ท่านประมุข”

ยอดฝีมือชายวัยกลางคนผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อยให้กับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

“ยินดีต้อนรับสหายเต๋าเป็นเกียรติกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของข้าแล้ว สหายเต๋าโปรดเข้ามาก่อน พวกเรามาคุยกันข้างในเถิด”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวพลางยิ้มต้อนรับ

ยอดฝีมือผู้หนึ่งมาหาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขาเช่นนี้ จะยืนคุยกับยอดฝีมือหน้าประตูมันก็กระไรอยู่

อันที่จริง ยังนับว่าไร้มารยาทเสียด้วยซ้ำ

อีกอย่างเขาอยากหยั่งเชิงยอดฝีมือวัยกลางคนผู้นี้ ดูว่ายอดฝีมือผู้นี้มาด้วยเจตนาดีหรือร้าย

หากมาด้วยเจตนาร้าย เขาย่อมไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน

เพราะสุดท้ายแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอาณาเขตของเขา…

“ดี”

ใบหน้ายอดของฝีมือผู้นี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เขาตามประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์

‘ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาด้วยเจตนาร้าย’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคิดในใจ รู้สึกวางใจลงบางส่วน

จู่ ๆ กลับมียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงแม้ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก เพราะมีร่างวัชระ ซ้ำยังเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายแล้วด้วย ทว่าเขาก็ไม่กล้าประมาทอยู่ดี

สุดท้าย อีกฝ่ายอาจเป็นภัยคุกคามที่ไม่รู้จักก็เป็นได้…

ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงห้องรับรองของแดนศักดิ์สิทธิ์

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสั่งคนไปชงชามาให้แขก

“ไม่เป็นต้องยุ่งยาก ข้าไม่ได้จะอยู่ที่นี่นานนัก” ยอดฝีมือกล่าว

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋ามาหาด้วยเรื่องใดหรือ?” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยถามเข้าประเด็น

ยอดฝีมือมองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามขึ้น “สะดวกคุยที่นี่หรือไม่?”

“ที่นี่ไม่สะดวกตรงไหนหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกสับสนยิ่ง

“ข้ากลัวจะถูกแอบฟังจนทำให้เรื่องยุ่งยาก…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว

“สหายเต๋าไม่ต้องกังวล ไม่มีผู้ใดแอบฟังแน่”

“เช่นนั้นก็ดี”

ยอดฝีมือชายวัยกลางพยักหน้ากล่าว “ขออภัยประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากถูกผู้อื่นแอบฟังมันย่อมกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมาอย่างแน่นอน”

“สหายเต๋าบอกเถิด”

“ข้ามาจากลัทธิไท่เสวียน”

“ว่ากระไรนะ!?”

รูม่านตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหดลงทันควัน แล้วเขาก็ฉุกคิดขึ้นมา

ลัทธิไท่เสวียน…มิใช่ว่าพินาศไปนานแล้วตั้งแต่โบราณกาลแล้วหรอกหรือ? เหตุใดถึงยังมีคนเหลือรอดอยู่!

ลัทธิโบราณนี้ถือได้ว่าเป็นลัทธิที่แข็งแกร่งมากในสมัยโบราณ ย้อนกลับไปในยุคสมัยโบราณ ความแข็งแกร่งพวกเขาเทียบได้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นจากบันทึกที่ถ่ายทอดมาในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ลัทธิไท่เสวียนถูกทำลายล้างไปนานแล้วนับตั้งแต่โบราณกาล ไม่เหมือนกับแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาที่ถูกสืบทอดมารุ่นต่อรุ่น…

“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่าได้หวาดระแวงเกินไป”

ยอดฝีมือหยิบป้ายคำสั่งทองคำนิลออกมา บนป้ายนั้นมีตัวอักษรสามตัวคือคำว่า ‘ลัทธิไท่เสวียน’ สลักไว้

“ป้ายคำสั่งสามารถพิสูจน์ฐานะของข้าได้” เขากล่าว

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจ้องป้ายคำสั่งทองคำนิลไม่วางตา เขาสัมผัสได้ถึงวิถีไท่เสวียนจากป้ายคำสั่งทองคำนิลนี้ นี่ย่อมเป็นป้ายคำสั่งของลัทธิไท่เสวียนอย่างแน่นอน

แต่ละสำนักฝึกตนมีวิถีแตกต่างกัน และไม่สามารถหลอกตากันได้

ลัทธิไท่เสวียนครั้งหนึ่งเคยถูกจัดเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ในโบราณกาล และวิถีไท่เสวียนเองก็เป็นที่กล่าวขานเลื่องชื่อ ในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขาก็มีบันทึกวิถีไท่เสวียนไว้อยู่

“ลัทธิไท่เสวียนยังคงดำรงอยู่ในใต้หล้านี้…!”

เขาพึมพำกับตัวเองราวกับไม่อยากจะเชื่อ

ก่อนเจอยอดฝีมือผู้นี้ เขาไม่รู้เลยว่าลัทธิไท่เสวียนจะยังคงดำรงอยู่ในใต้หล้านี้ นี่เพราะไม่เคยได้รับข่าวคราวใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลัทธิไท่เสวียนมาก่อนเลย

“ไม่อาจเชื่อได้เลยว่ามันจะกลายมาเป็นเช่นนี้ไปได้”

ยอดฝีมือแย้มยิ้มบาง ๆ “อันที่จริงไม่ใช่แค่ลัทธิไท่เสวียนของพวกเราเท่านั้น แต่ยังมีสำนักใหญ่และวงศ์ตระกูลใหญ่มากมายที่ยังสืบรุ่นต่อรุ่นอยู่ เพียงแต่พวกเราอาศัยอยู่อย่างสันโดษไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกเท่านั้น”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตกตะลึงอึ้งค้างไป ปรากฏว่า…ยังมีสำนักยิ่งใหญ่อีกมากมายที่ยังสืบรุ่นต่อรุ่นอยู่?

ประโยคนี้ทำให้ในใจของเขาราวกับบังเกิดคลื่นนับพันถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ต้องสงสัย

ต้องทราบว่า เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักใหญ่หรือวงศ์ตระกูลใหญ่ในโบราณกาลเหล่านี้จะยังคงดำรงอยู่!

สำนักใหญ่เหล่านี้กับวงศ์ตระกูลใหญ่ ๆ นับว่าเร้นกายได้อย่างลึกลับยิ่ง!

“เพราะเหตุใดหรือ?”

เขาถามอย่างสงสัย

ในเมื่อสืบทอดต่อกันมา แล้วไฉนจึงต้องอยู่อย่างสันโดษและเร้นกายอย่างลึกลับขนาดนั้น?

แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลเช่นกัน แต่พวกเขาก็มิได้ทำเช่นนั้น !

“ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง…”

ยอดฝีมือชายวัยกลางกล่าวเช่นนั้น “หลังจากผ่านอะไรมามากมาย พวกเราแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุข และไม่อยากเข้าไปพัวพันให้วุ่นวาย”

เพียงแค่นั้น… จริง ๆ หรือ?

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสงสัยมากยิ่งขึ้น เขาไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของยอดฝีมือผู้นี้สักเท่าไหร่

แต่เขาก็ดูออกว่า ยอดฝีมือไม่อยากบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดให้เขารู้

“เช่นนั้น จุดประสงค์ที่สหายเต๋ามาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าคือสิ่งใดกัน?” เขาถาม

“เจ้าลัทธิอยากพบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน… ”

ยอดฝีมือชายวัยกลางคนเอ่ยตามตรง

พบเขา?

เพื่ออะไร?

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนขมวดคิ้ว ในใจของเขายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัยมากขึ้น

มิใช่บอกเองหรือว่าไม่อยากพัวพันกับทางโลกมากเกินไป?

เช่นนั้นจะมาตามหาเขาเพื่อสิ่งใด?

“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มิจำเป็นต้องคิดให้มากความ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี”

ยอดฝีมือชายวัยกลางกล่าวพลางแย้มยิ้ม

“เรื่องที่ดีเช่นนั้นหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวถาม “บอกข้าได้หรือไม่ว่า เหตุใดเจ้าลัทธิของเจ้าถึงได้ต้องการพบข้า?”

ผู้ใดจะไปรู้ว่าลัทธิไท่เสวียนต้องการทำอะไร หากไม่บอกเหตุผลมา เขาย่อมไม่ไปกับยอดฝีมือผู้นี้เป็นแน่

สุดท้ายหากไปทั้งเช่นนี้ สวรรค์ย่อมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น!

“เกี่ยวกับเรื่องเสี่ยงโชค”

ยอดฝีมือชายวัยกลางกล่าวตามตรง “พวกเราอยากจะขอให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนช่วยออกฝีมือแย่งชิงโชค”

เขาไม่ได้ปิดบังอะไร

นี่เพราะรู้ดีว่า หากเขาไม่ให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้บางอย่าง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนย่อมไม่ไปกับเขาโดยง่ายอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องบังคับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั้น…

เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน

บังคับพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไป มีแต่จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย ลัทธิไท่เสวียนของพวกเขาเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอึกทึกครึกโครมเช่นนั้น

“เสี่ยงโชคอันใดหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวถามอีกครั้ง

“พวกเราพบเขตแดนลึกลับ และภายในนั้นก็มีกฎแห่งกาลเวลามากมายไหลเวียนอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีสมบัติประเภทกาลเวลาอยู่…”

ยอดฝีมือชายวัยกลางคนกล่าว

ว่ากระไรนะ!?

สมบัติแห่งกาลเวลา!

เมื่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้ยิน ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายขึ้นมาทันใด

ฮ่า ๆ! สิ่งที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีบอกกล่าวนับว่าถูกต้องยิ่งนัก คำพูดของท่านเซียนล้วนแล้วแต่มีความนัยทั้งสิ้น!

ไม่สิ…ต้องบอกว่าเบาะแสตู้เย็นโผล่มาแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท