บทที่ 117 แดนบูรพาทิศในยุคโบราณอาจไม่ธรรมดา
“อันใดนะ! ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสำเร็จขอบเขตร่างวัชระอย่างนั้นหรือ!”
“กลุ่มอำนาจที่เข้าล้อมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถูกสยบทั้งหมด กลับมากันด้วยใบหน้าหม่นหมอง ซ้ำยังได้ข่าวว่าต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอีกจำนวนมากด้วย!”
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาตายแล้ว…!”
เรื่องราวของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งภาคกลางราวกับเจอพายุโหมกระหน่ำ สรรพชีวิตตื่นตระหนกและตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด
แต่ละข่าวล้วนน่าตื่นตกใจยิ่ง ข้อมูลที่ได้รับใหญ่หลวงจนพวกเข้ามิกล้าเชื่อ
ร่างวัชระ ขอบเขตกายาในตำนาน กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อาจทำอันตรายได้
ขอบเขตกายานี้แทบจะมีเพียงในตำนาน และยากจะสำเร็จได้ในความเป็นจริง นี่ก็ผ่านไปเกือบพันปีแล้วที่เคยมียอดฝีมือฝึกตนจนได้ครอบครองร่างวัชระ…
“แต่เดิมมีแต่คนบอกว่ากายเนื้อมนุษย์ไฉนเลยจะแกร่งกล้าถึงปานนั้น บัดนี้ไม่ต้องแคลงใจอีกต่อไป ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่า กายเนื้อมนุษย์แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนั้นจริง ๆ แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจสร้างรอยขีดข่วนให้แก่ร่างวัชระได้!”
ใครบางคนพูดด้วยความสะท้อนใจ
การฝึกฝนกายเนื้อเป็นสิ่งที่ลำบากยากเข็ญ ผู้ที่สำเร็จขอบเขตกายามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย จนเป็นผลให้ผู้คนเกิดความสงสัยต่อระดับความแข็งแกร่งของขอบเขตกายา และไม่เชื่อว่ากายเนื้อมนุษย์จะสามารถฝึกฝนจนแข็งแกร่งในระดับขั้นที่น่ากลัวปานนั้น!
ทว่าบัดนี้ ความแคลงใจนี้ต้องหมดสิ้นไปโดยปริยาย กายเนื้อมนุษย์สามารถฝึกฝนจนอยู่ในระดับขั้นที่น่ากลัวขนาดนั้นได้จริง ๆ เพียงแต่ยากเย็นเป็นพิเศษเท่านั้น และใช่ว่าผู้ใดก็ฝึกได้…
“ร่างวัชระนี่สุดยอดจริง ๆ! ถึงขั้นกำราบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาได้! ซ้ำยังสยบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสิบหกแห่ง เก้าราชันอสูรยังต้องยอมโอนอ่อนตาม…”
นับแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเข้าไปด้วย รวมแล้วมีแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงสิบแปดแห่งที่ตั้งทัพบุกแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
ซ้ำยังมีเผ่าปีศาจชั้นสูงทั้งเก้า
รวมถึงกลุ่มอำนาจชั้นนำอย่างนิกายเจ็ดดารา
กลุ่มอำนาจชั้นกลางและชั้นล่างอีกนับไม่ถ้วน
ผลสุดท้ายไม่เพียงแต่ล่มทั้งกองทัพ กระทั่งสองประมุขใหญ่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผา ยังต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอีกด้วย…
นี่ไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ!
และที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทำได้ขนาดนี้ ทั้งหมดก็เพราะฝึกตนจนสำเร็จขอบเขตร่างวัชระ !
ร่างวัชระน่ากลัวและแข็งแกร่งยิ่งกว่าในข่าวลือเสียอีก!
“ผู้ใดก็อย่ามาห้ามข้า ข้าจะฝึกฝนกายเนื้อ!”
“ข้าก็ด้วย!”
ผู้ฝึกตนมากมายตะโกนโหวกเหวก หลังตระหนักถึงความสำคัญของกายเนื้อ
หากกายเนื้อแข็งแกร่งมากพอ ย่อมสามารถอยู่เหนือผู้ฝึกตนในขอบเขตเดียวกัน ซ้ำยังไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้ด้วย!
…
“แดนบูรพาทิศในยุคโบราณกาลต้องเป็นดินแดนลึกลับอย่างแน่นอน!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์บางคนกลับถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
ก่อนนี้ พวกเขาสันนิษฐานว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับโอกาสวาสนาจากซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่า ถึงได้ฝึกตนจนสำเร็จซึ่งร่างวัชระ ซ้ำยังขัดเกลาผู้อาวุโสยอดฝีมือที่ครอบครองร่างทิพย์กระดูกหิรัญได้อีกจำนวนหนึ่ง
แต่ลองคิดดูดี ๆ แล้ว จุดน่าสงสัยในข้อสันนิษฐานนี้มีอยู่เต็มไปหมด
พลังคุ้มกันทั้งหมดที่มีอยู่ในซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าแข็งแกร่งสยดสยองอย่างยิ่งยวด ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายไปเยือนด้วยตัวเองพร้อมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งราชันอสูรที่มาพร้อมอาวุธอสูรศักดิ์สิทธิ์มากมาย กระนั้นสุดท้ายแล้วกลับไม่อาจสั่นคลอนพลังคุ้มกันของซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าได้เลย
แล้วประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ไม่มีความสามารถปานนั้น!
นอกจากนี้ เมื่อนึกดูดี ๆ แล้ว ในเวลานั้นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยู่กับพวกเขา ผู้ที่เข้าไปในซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าก่อนพวกเขาย่อมมิใช่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
ยามที่พวกเขาบุกโจมตีพลังที่คอยคุ้มกันซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่า เป็นตอนเดียวกับที่คนผู้นั้นอยู่ในซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่า
และเพราะคนผู้นั้นได้สมบัติในซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าไป พลังคุ้มกันซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าถึงได้พังทลายลงเอง
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะคิดอย่างไรคนผู้นั้นก็มิใช่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแน่นอน
สันนิษฐานก่อนหน้านี้ของพวกเขาผิดพลาด
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับโอกาสวาสนาเปลี่ยนแปลงชะตานี้จากสถานที่อื่นในแดนบูรพาทิศ!
ส่วนเรื่องที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับโอกาสวาสนาเปลี่ยนแปลงชะตานี้ จากอีกสี่ภูมิภาคนอกเหนือจากแดนบูรพาทิศหรือไม่นั้น พวกเขาไม่แม้แต่จะคิด
เพราะนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ คอยระแวงซึ่งกันและกัน ต่างก็รู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกันดี
หากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับโอกาสวาสนาเปลี่ยนแปลงชะตานี้จากอีกสี่ภูมิภาคนอกเหนือจากแดนบูรพาทิศ ย่อมไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ได้รับข่าวคราวใดเลย
หากจะบอกว่าโอกาสวาสนาเช่นนี้สืบทอดต่อกันมาในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตั้งแต่โบราณกาลยิ่งเป็นไปไม่ได้!
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนย่อมปรากฏผู้ที่มีกายเนื้อแกร่งกล้าจำนวนมาก แต่ก่อนเรื่องนี้เกิดขึ้น แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังไม่เคยมีผู้ที่มีกายเนื้อแกร่งกล้าปรากฏเลย
เพราะฉะนั้นแล้ว หลังจากตัดความเป็นไปได้ต่าง ๆ ออก ก็เหลือเพียงความเป็นไปได้หนึ่งเดียว นั่นคือในแดนบูรพาทิศยังมีโอกาสวาสนาเปลี่ยนแปลงชะตาอื่นอยู่ และประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นผู้ได้มันไป!
“ซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าปรากฏในแดนบูรพาทิศ การที่แดนบูรพาทิศจะมีโอกาสวาสนาเปลี่ยนแปลงชะตาอื่น…ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะตาลุกวาว
ก่อนหน้าพวกเขาต่างประเมินแดนบูรพาทิศต่ำไป ไม่แน่ว่าในกาลอดีตอันยาวไกลที่ผ่านมา บางทีแดนบูรพาทิศอาจจะเคยมีภูมิหลังที่น่าทึ่งอย่างยิ่งอยู่!
“พวกเจ้าไปเถิด ไปเยือนแดนบูรพาทิศให้บ่อย แต่จงจำไว้ ห้ามแตะต้องปุถุชนในเมืองปุถุชนที่แดนบูรพาทิศเด็ดขาด…แม้นจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงต้องออกหน้าแทนปุถุชนพวกนั้นถึงเพียงนี้ แต่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในยามนี้มิใช่ผู้ที่พวกเราจะมีเรื่องด้วยได้ ผู้อื่นไม่นับว่าเป็นอันใด แต่ห้ามแตะปุถุชนพวกนั้นเป็นพอ!”
เขาเอ่ยปาก สั่งให้คนรุ่นเยาว์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไปเยือนแดนบูรพาทิศ
ไม่เพียงแต่เขาที่รู้ตัวว่าแดนบูรพาทิศไม่ธรรมดา แดนศักดิ์สิทธิ์อื่น หรือแม้กระทั่งเผ่าปีศาจต่างตระหนักได้ว่าแดนบูรพาทิศไม่ธรรมดา บางทีในยุคโบราณกาลนั้นอาจรุ่งเรืองเกินผู้ใดเปรียบ!
พวกเขาต่างสั่งให้ลูกศิษย์รุ่นเยาว์ภายในกลุ่มอำนาจของตนไปเยือนแดนบูรพาทิศเช่นกัน หวังจะได้อะไรจากแดนบูรพาทิศบ้าง
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มีการตักเตือนลูกศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้อย่างจริงจัง ห้ามมิให้แตะต้องปุถุชนในแดนบูรพาเด็ดขาด!
อนิจจา สองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อย่างไร้กำเนิดและร้อยบุปผายังตายตก เพราะปุถุชนในแดนบูรพาทิศ แล้วผู้ใดเล่าจะหาญกล้าแตะต้องปุถุชนในแดนบูรพาทิศอีก!
ชั่วขณะนั้น คนรุ่นเยาว์ซึ่งมีฝีมือโดดเด่นมากมายก็ออกเดินทางไปยังแดนบูรพาทิศ
…
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในภาคกลาง
ภูเขาสูงชันเรียงรายสับหว่าง ป่าไม้โบราณปูแผ่เป็นผืนพงไพร กลุ่มเมฆาลอยมีแสงส่องลอดดูสว่างไสว พลังปราณโดยรอบหนาแน่นเสียจนแทบจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ที่แห่งนี้ราวกับมีม่านพลังบางอย่าง นกตัวหนึ่งบินเข้ามาก็ถูกพลังบางอย่างบดขยี้ในบัดดล เลือดเนื้อสาดกระเซ็นพร้อมกับขนนกปลิวว่อนไปทั่ว
ส่วนลึกที่สุด มีลานเต๋าขนาดมโหฬารแห่งหนึ่งตั้งอยู่
หน้าประตูลานเต๋า มีแท่นศิลาโบราณมหึมาตั้งอยู่ สลักตัวอักษรไว้ว่า ‘ลัทธิไท่เสวียน’
แท่นศิลามีกลิ่นอายโบราณไหลเวียน ราวกับยุคอนันตกาลตระหง่านอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ตัวอักษรนั้นเปล่งบารมีน่าเกรงขาม ทำให้จิตใจสั่นไหวและมิกล้าจาบจ้วงหยาบคาย
ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ก็หาได้มีบารมีเกริกไกรเยี่ยงนี้!
แน่นอนแล้วว่า สถานที่แห่งนี้มิธรรมดาเลย!
“มีคนในยุคนี้สำเร็จขอบเขตร่างวัชระด้วยหรือ?”
ภายในลานเต๋า บุรุษวัยกลางคนร่างองอาจ ทรงพลังน่าเกรงขามผู้หนึ่งตาเป็นประกายเจิดจ้า หลังได้ยินรายงานจากผู้ใต้บัญชา
“เรียนเจ้าลัทธิ คนผู้นั้นคือประมุขแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ยืนยันแล้วว่าเขาสำเร็จขอบเขตร่างวัชระ!”
ผู้ใต้บัญชาตอบเสียงนอบน้อม
“แดนศักดิ์สิทธิ์ในยุคนี้มีแห่งใดคู่ควรกับนามแดนศักดิ์สิทธิ์บ้าง ล้วนแต่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์จอมปลอมกลุ่มหนึ่งเท่านั้น!”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นส่ายหน้า
“ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์จอมปลอมเหล่านี้กลับปรากฏผู้ที่สำเร็จขอบเขตร่างวัชระ นี่เกินคาดยิ่งนัก…”
เขาปริปาก ก่อนจะมองผู้ใต้บัญชา “เจ้าไปด้วยตัวเอง ไปพาเขามาพบข้า”