รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 132 กฎปรากฏขึ้น กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง!

บทที่ 132 กฎปรากฏขึ้น กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง!

บทที่ 132 กฎปรากฏขึ้น กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง!

ท่านเซียนเตือนทั้งที ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับสือเฟิงยิ่งไม่กล้าที่จะดื่มมากเกินไป แต่ละคนจึงดื่มเพียงไม่กี่หยดเท่านั้น

ทว่าแม้จะมีสุราในท้องเพียงไม่กี่หยด แต่พวกเขายังคงรู้สึกมึนและเวียนหัวอยู่ดี!

ฤทธิ์ของสุรานี้…แรงอย่างที่ท่านเซียนว่าจริง ๆ!

ทั้งคู่พากันเวียนหัวและหน้าแดงราวกับว่าพวกเขาดื่มสุราไปหลายจิน!

นอกจากนี้ พวกเขายังรู้สึกว่ามีพลังที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากไหลเวียนในร่างกายของพวกเขา

พวกเขาทราบชัดว่านี่คือพลังจากสุรา!

‘ดื่มกันไม่ได้เลยสินะ…แค่นี้ก็หน้าแดงกันหมดแล้ว’

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ ในใจ เมื่อรู้ว่าความสามารถในการดื่มของผู้เฒ่าเมิ่งจีและสือเฟิงนั้นไม่เก่ง จึงดื่มกันไม่มากนัก

ส่วนเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีและสือเฟิงอย่างแน่นอน เพราะดื่มสุรารวดในจอกเดียว กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

“กินอาหารเสียบไม้เร็ว ถ้าเย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่อร่อย”

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม

“ได้…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีและสือเฟิงตอบรับ แต่ละคนต่างก็หยิบเนื้อแกะเสียบไม้ขึ้นมา

โชคดีที่พวกเขาดื่มไปเพียงไม่กี่หยด ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมีมึน ๆ เล็กน้อย แต่สติของพวกเขายังคงชัดเจนและไม่ได้เมามากจนเกินไป

ถ้าพวกเขาดื่มสุราทั้งจอก โดยไม่คิด ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดคงจะหมดสติล้มพับแล้ว!

พวกเขามองดูเนื้อแกะเสียบไม้ในมือ มุมปากพลันมีน้ำลายไหลเอ่อออกมาทันที

กลิ่นของเนื้อแกะเสียบไม้นั้นช่างหอมอบอวลและเย้ายวนยิ่ง!

ทันทีที่พวกเขากัด ลิ้นของพวกเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยรสชาติอันแสนอร่อยทันที ซึ่งมันอร่อยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!

จากนั้นทั้งคู่ก็กินหมดไม้ในคราวเดียว!

ชีวิตนี้นับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว!

หนึ่งผู้เฒ่า หนึ่งเด็กหนุ่มแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา ในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนยิ่ง คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่า เหตุใดเนื้อแกะหลังย่างแล้วจะอร่อยได้ถึงเพียงนี้!

นี่เป็นรสชาติที่ดีที่สุดในโลกเลย!

หลังจากที่เนื้อแกะเข้าไปในท้องของพวกเขา คลื่นพลังอีกระลอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มันพุ่งพล่านและน่าตื่นตาตื่นใจ ซ้ำยังไหลเวียนไปมาทั่วร่างกายของพวกเขา

แล้วพลังในสุราสองสามหยดก่อนหน้านี้ก็เริ่มหลอมรวมไปกับพลังของเนื้อแกะ

จากนั้นพลังของเนื้อแกะและพลังของสุราก็เริ่มผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพลังหนึ่งขึ้น!

ตู้ม!

พลังนี้พุ่งตรงไปยังจิตใจ แล้วชั่วพริบตานั้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้เปิดประตูบานใหม่ เพราะทั้งคู่เริ่มเห็นกฎของมหาเต๋าทยอยกันปรากฏขึ้นในใจของตนเองที่ละอัน!

ผู้เฒ่าเมิ่งจีเห็นเต๋าแห่งความลับสวรรค์ที่เขาฝึกฝนมา ซึ่งกฎนี้ก็ประทับลงในใจของเขาทันที!

หลังจากนั้น กฎแห่งเต๋าอื่น ๆ ก็สลายหายไป ทุกอย่างพลันกลับคืนสู่ความสงบ

‘โอกาสครั้งใหญ่!’

หัวใจของผู้เฒ่าเมิ่งจีเต้นแรงยิ่งขึ้น นี่ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่จริง ๆ!

ด้วยกฎของเต๋าแห่งความลับสวรรค์ หากเขาฝึกฝนเต๋าแห่งความลับสวรรค์อีกครั้ง มันย่อมต้องง่ายดายและราบรื่นขึ้นเป็นแน่!

เมื่อหลอมรวมกับกฎ สิ่งนี้ก็เท่ากับประทับความจริงอันลึกล้ำของเต๋าแห่งความสวรรค์ไว้ในใจของเขา เมื่อเขาฝึกฝนอีกครั้ง มันจะไปยากเย็นอีกได้อย่างไร?

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เลย!

‘วิธีการของท่านเซียนนับว่ามิอาจหยั่งถึงได้เลย!’

เขาอดที่จะเอ่ยในใจไม่ได้

วิธีนี้ทรงพลังมากจนถึงกับสามารถประทับกฎไว้ในใจของเขา ซึ่งเขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน!

ข้าง ๆ กันนั้น หัวใจของสือเฟิงรู้สึกสั่นไหวยิ่งกว่าเดิม

ในใจของเขา กฎแห่งเต๋าจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน

ทว่าเมื่อเทียบกับกฎแห่งกฎมหาเต๋าที่ปรากฏในความคิดของผู้เฒ่าเมิ่งจี กฎแห่งมหาเต๋าในความคิดของเขานั้นน่าทึ่งและยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า!

หยินและหยาง ความโกลาหล เหตุและผล ธาตุทั้งห้า… ล้วนเป็นกฎแห่งเต๋าระดับสูงยิ่ง โดยพวกมันทั้งหมดสามารถจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกจากสามพันเต๋า!

ถนนสามพันสายล้วนแต่เป็นเส้นทางสู่สวรรค์

แต่เต๋านั้นล้วนแตกต่างกัน โดยเต๋าจากสามพันเต๋าก็มีแบ่งสูงต่ำเช่นกัน

‘ร้อยมหาเต๋า’ สามารถเรียกได้ว่าเป็นเต๋าระดับสูงสุด แต่ละเส้นทางนั้นไร้เทียมทาน มีพลังมหาศาล และหลังจากเสร็จสิ้น หนทางนั้นย่อมสามารถไปถึงสวรรค์ได้อย่างแน่นอน!

แต่กฎของมหาเต๋าที่ปรากฏในความคิดของผู้เฒ่าเมิ่งจีนั้นล้าหลังมากและอยู่ต่ำกว่าหลักพัน

สือเฟิงมองไปที่กฎเต๋าในใจและร่างกายของตัวเองแล้ว พลันนึกสะพรึงกลัวขึ้นมา

หลังจากดื่มสุราเพียงไม่กี่หยดและกินเนื้อแกะจำนวนหนึ่ง กฎมหาเต๋าระดับสูงและยอดเยี่ยมมากมายพลันปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ไม่แปลกเลยที่เขาจะตกใจกลัวจนแทบโง่งม!

‘นี่คือการเลือกกฎเพื่อฝึกฝนเช่นนั้นหรือ?’

สือเฟิงเอ่ยในใจอย่างสั่นเทา

ด้วยกฎมากมายของมหาเต๋า เขาจะฝึกฝนกฎทั้งหมดด้วยตัวเองได้อย่างไร?

เขายังคงเข้าใจความจริงของการเคี้ยวมากเกินไปไม่ได้

การฝึกฝนเต๋าไม่ใช่ว่า ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘แก่นแท้’

‘หยินหยาง!’

ในที่สุดสือเฟิงก็เลือกกฎของหยินและหยาง จากนั้นกฎของหยินและหยางก็ประทับอยู่ในใจของเขา ซึ่งกฎอื่น ๆ ก็สลายหายไป

กฎของหยินและหยาง นี่คือกฎอันดับสูงสุดในใจของเขา อันดับที่สิบห้าในสามพันเต๋า สามารถเรียกได้ว่าเป็นเต๋าสูงสุดอย่างแท้จริง!

หลังจากที่กฎประทับในใจของเขาแล้ว สือเฟิงก็มีความเข้าใจอย่างสูงในทันทีเกี่ยวกับเต๋าแห่งหยินและหยาง ภายภาคหน้า ตราบใดที่เขาฝึกฝนทักษะและพลังเหนือธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งหยินและหยาง เขาจะสามารถเข้าใจและใช้มันได้ทันทีแน่นอน!

แม้ว่าจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะและพลังเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับเต๋าแห่งหยินและหยาง แต่ด้วยความเข้าใจในเต๋าแห่งหยินและหยาง เขาสามารถระดมพลังหยินหยางและระเบิดมันด้วยพลังที่ทรงพลังยิ่ง!

“เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่?”

หลี่จิ่วเต้าถามเมิ่งจีและสือเฟิง

“อร่อยมาก!”

“อร่อยเกินไปแล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับสือเฟิงกล่าวจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ฮ่า ๆ ตราบใดที่พวกเจ้าชอบล่ะนะ”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มและพูดว่า “ยังเหลืออีกมาก พวกเจ้ากินกันได้ตามสบาย”

“ขอบคุณนายท่าน!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับสือเฟิงกล่าวขอบคุณ

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มกินต่อ

แต่ทว่าทั้งสองยังคงไม่กล้าดื่มสุรามากเกินไป พวกเขาดื่มไปเพียงเล็กน้อยเพราะกลัวเมา

หลี่จิ่วเต้ายังคงกินอย่างมีความสุข และดื่มสุราจอกสองจอกเป็นครั้งคราว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าสดชื่นมาก

ลั่วสุ่ยที่อยู่ด้านข้างมองปลาย่างบนตะแกรงอย่างกระตือรือร้น นางสงสัยนักว่าเมื่อใดมันจะสุก ยิ่งมองผู้เฒ่าเมิ่งจีที่กำลังกินและดื่มกับสือเฟิง ปากของนางยิ่งมีน้ำลายไหลไม่หยุด!

“ไม่ลืมเจ้าหรอก!”

หลี่จิ่วเต้าเผยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าแมวขาวตัวน้อยกำลังหิวโหย จากนั้นเขาก็วางปลาย่างไว้ข้างหน้าแมวขาวตัวน้อย

“เหมียว!”

ลั่วสุ่ยส่งเสียงร้องด้วยความดีใจและเริ่มกินทันที ใบหน้าของวิฬาร์ขาวภายใต้ขนนุ่มเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ปลาย่างอร่อยมาก!

แตกต่างจากผู้เฒ่าเมิ่งจีกับสือเฟิง ในตัวนางไม่ได้มีกฎเต๋าปรากฏออกมามากมาย

อันที่จริงมันไม่มีแม้แต่กฎเต๋าเดียวปรากฏเลย!

“วิชามรดกพยัคฆ์ขาว!”

หลังจากกินปลาย่างแล้ว นางไม่ได้เห็นกฎแห่งมหาเต๋า แต่วิชามรดกพยัคฆ์ขาวฉบับสมบูรณ์กลับปรากฏขึ้นในใจของนางแทน!

สิ่งนี้ทำให้นางตื่นเต้นมาก!

ก่อนหน้านั้น นางเพิ่งจะกลายเป็นพยัคฆ์ขาวและไม่ได้เชี่ยวชาญพลังเหนือธรรมชาติของพยัคฆ์ขาวนัก ทว่าตอนนี้นางมีวิชามรดกพยัคฆ์ขาวแล้ว หลังจากฝึกฝน นางย่อมเชี่ยวชาญพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมดของพยัคฆ์ขาวเป็นแน่!

หลี่จิ่วเต้ากินและดื่มพลางย่างไปด้วย ทุกอย่างไหลรื่นไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งหมดก็จัดการเนื้อแกะกับผักเสียบไม้จนเกลี้ยง

หลี่จิ่วเต้าเมาเล็กน้อย เพราะวันนี้เขาดื่มไปมาก

ชายหนุ่มเอ่ยขอตัวกับที่เหลือและกลับไปนอนที่ห้องของเขา

ส่วนผู้เฒ่าเมิ่งจีพาสือเฟิงไปยังห้องที่ที่เขาอาศัยอยู่

ลั่วสุ่ยเองก็ติดตามไปด้วย

“เจ้าได้รับกฎใด?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีถามสือเฟิง ด้วยอยากรู้ว่าสือเฟิงได้รับกฎใดมา

“หยินหยางขอรับ…”

“กระไรนะ!”

เมื่อผู้เฒ่าเมิ่งจีได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง สิ่งที่สือเฟิงได้รับคือกฎมหาเต๋าอันดับที่สิบห้า!

“เหตุใดของข้าถึงแย่นัก!”

กฎที่อยู่ในใจของเขาคือ กฎที่มีอันดับสูงสุดซึ่งไม่ได้อยู่ใน 1,000 อันดับแรก ความแตกต่างระหว่างเขากับสือเฟิงนั้นมันมากเกินไป!

“เอ่อ… มันต่างกันหรือขอรับ?”

สือเฟิงไม่ได้คาดหวังว่ามันจะแตกต่างกันถึงเพียงนั้น

ผู้เฒ่าเมิ่งจีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมันแตกต่างกันไปในแต่ละคน!”

เขามีสีหน้าแปลก ๆ สือเฟิงสมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ผู้น่าภาคภูมิที่ทำให้ทั้งภาคกลางตกตะลึงในอดีต อีกฝ่ายทรงพลังมากกว่าเขายิ่งนัก!

“พวกเจ้าพูดเรื่องอันใดกัน?”

ลั่วสุ่ยตกตะลึง กฎอะไร ทำไมนางไม่เห็นเจอเลย?

“หลังจากกินปลาย่างแล้ว เจ้าไม่มีพลังที่ชักนำไปสู่กฎแห่งมหาเต๋าเลยหรือ?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีถาม

“ไม่… ข้าเพิ่งได้รับเคล็ดวิชาพยัคฆ์ขาวมา แล้วก็ไม่เจอกฎอันใดด้วย”

ลั่วสุ่ยตอบกลับ

“อ้อ เช่นนั้นน่าจะเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ดื่ม!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีคิดอย่างรอบคอบและในที่สุดก็คิดออก

พลังที่กระตุ้นกฎแห่งหนทางอันยิ่งใหญ่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเนื้อแกะและสุรา

ซึ่งลั่วสุ่ยไม่ได้ดื่มด้วย

“เป็นเช่นนั้น!”

ลั่วสุ่ยหัวเราะเบา ๆ และไม่ได้คิดเสียดายอะไร พยัคฆ์ขาวเป็นหนึ่งในสิบอสูรที่ร้ายกาจที่สุดในสมัยโบราณ ซึ่งวิชามรดกของมันน่ากลัวและทรงพลังเสียยิ่งกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิ

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางได้รับประโยชน์มากกว่าผู้เฒ่าเมิ่งจี ทั้งมันยังไม่ด้อยไปกว่ากฎแห่งหยินและหยางของสือเฟิงนัก

“ว่าแต่ เจ้าได้แก้ปัญหาของเจ้าหรือยัง?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีถามสือเฟิง

“สมควรจะได้รับการแก้ไขแล้ว!”

สือเฟิงกล่าวเสริมว่า “หลังจากที่ข้าได้รับกฎแห่งหยินและหยาง ทันใดนั้นข้าก็รู้สึกว่าข้าสามารถทะลุผ่านขอบเขตได้ทุกเมื่อ!”

จากนั้นเด็กหนุ่มก็ลองนั่งขัดสมาธิบนเตียง เปิดใช้งานพลังในร่างกายของเขาและทำการทะลวงขอบเขต

มันเรียบง่ายมาก ผ่อนคลายมาก เขาไม่พบอุปสรรคใด ๆ เลยจริง ๆ ซ้ำยังสามารถทะลวงผ่านขอบเขตได้ในทันที โดยก้าวเข้าสู่ขอบเขตกงล้อชะตาต่อจากขอบเขตประสานวิญญาณ

“ทะลวงแล้วจริง ๆ ด้วย!”

สือเฟิงตื่นเต้นจนน้ำตาไหล

หลังจากหกปี ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นปกติและสามารถทะลวงผ่านขอบเขตได้ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?

“ข้ายังรู้สึกอีกว่าในอนาคตข้าจะไม่ติดอยู่ในขอบเขตเช่นนี้อีก…” สือเฟิงพูดต่อ

หลังจากที่เขาได้รับกฎแห่งหยินและหยางแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความรู้สึกมากมายในหัวใจของเขา ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ความรู้สึกเหล่านี้บอกเขาว่า ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ติดอยู่ในขอบเขตนี้เท่านั้น แต่เขาจะก้าวผ่านขอบเขตต่อไปในอนาคตและก้าวไปสู่ขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น!

“ให้ข้าดูหน่อย…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีขมวดคิ้วเขาเหมือนกับนึกถึงคัมภีร์ที่คล้ายกับสถานการณ์ปัจจุบันของสือเฟิงได้

“เจ้าคงไม่ได้มีกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องหรอกนะ!”

ชายชรามองสือเฟิงด้วยท่าทีแปลก ๆ ถ้าสือเฟิงมีกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องจริง ก็นับว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ท้าทายสวรรค์แล้ว มิหนำซ้ำ ความสำเร็จในอนาคตของเขาย่อมมิอาจหยั่งถึงได้อีกแล้ว!

“กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง!?”

ลั่วสุ่ยอ้าปากค้าง นี่คือหนึ่งในสิบกายาที่ทรงพลังที่สุดนับตั้งแต่สมัยโบราณมา!

“ไม่มีทางกระมัง!”

หัวใจของสือเฟิงเต้นแรงยิ่ง เขาตกใจแทบตายกับสิ่งที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวออกมา

แน่นอน เขารู้ว่ากายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องนั้นน่าทึ่งและท้าทายสวรรค์เพียงใด แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะทรงพลังมากเพียงนี้ ซ้ำยังได้ครอบครองกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องอีกด้วย!

“มันควรจะเป็นเช่นนั้น!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบอีกครั้ง พลันรู้สึกว่าสถานการณ์ของสือเฟิงนั้นเหมือนกับสถานการณ์ของกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องในคัมภีร์โบราณจริง ๆ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท