รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 135 สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม ระดับจิตใจของท่านเซียนสูงส่งยิ่งนัก!

บทที่ 135 สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม ระดับจิตใจของท่านเซียนสูงส่งยิ่งนัก!

บทที่ 135 สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม ระดับจิตใจของท่านเซียนสูงส่งยิ่งนัก!

เดินออกมาได้ไม่ทันไร พวกเขาก็โดนจู่โจมถึงสองครั้ง ยามนี้สีหน้าผู้อาวุโสและยอดฝีมือจากลัทธิไท่เสวียนกลายเป็นหนักอึ้งกันมาก

พวกเขารู้ดีว่าหนทางหลังจากนี้มีแต่จะลำบากลำบนยิ่งขึ้น…

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคิ้วขมวด การช่วงชิงครานี้ในแดนลับดุเดือดยิ่งกว่าที่เขาคิด

ยังไม่ทันได้เข้าไป การต่อสู้ก็เริ่มต้นเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังพุ่งเป้ามาที่เขาทั้งหมด…

ไม่ต้องคิดสิ่งใดมาก รอจนเขาได้เข้าไปในแดนลับ เขาต้องถูกหมายหัวแน่ และนี่ไม่ใช่งานสบายแต่อย่างใด

‘ภารกิจที่ท่านเซียนมอบหมายให้ข้า…ข้าต้องทำให้สำเร็จจงได้!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนบอกกับตนเองในใจอย่างแน่วแน่

ไม่ว่าหลังจากนี้จะต้องพบเจอกับอะไร เขาจะไม่มีทางยอมแพ้ ที่สำคัญคือต้องสำเร็จภารกิจของท่านเซียน แล้วนำตู้เย็นกลับไปให้ท่านเซียนให้จงได้

“ไม่ต้องกลัว หลังจากเข้าไปในแดนลับแล้วจะดีเอง”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนหันมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพร้อมเอ่ยปลอบ เขากลัวว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์จะตกใจกลัวมากไป

“ข้าไม่กลัว หวังเพียงเจ้าลัทธิจำได้ว่าเคยรับปากเรื่องใดกับข้าไว้เป็นพอ…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าว

กลัว?

เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

แต่กลัวว่าจะทำภารกิจที่ท่านเซียนมอบหมายให้ไม่สำเร็จมากกว่า!

สงบเพียงนี้เชียว?

เจ้าลัทธิไท่เสวียนนึกอึ้งในใจ การโจมตีดักฆ่าน่ากลัวถึงเพียงนี้ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกลับไม่คิดย่อท้อแม้แต่น้อย…

นี่ทำให้เขานึกถึงคำพังเพยหนึ่งขึ้นมา

มนุษย์ยอมตายเพื่อทรัพย์สมบัติ ปักษายอมตายเพื่ออาหาร ประโยคนี้กล่าวไว้ไม่มีผิด!

“วางใจเถิด สิ่งที่รับปากท่านไว้ ข้าย่อมทำตามนั้น”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนหัวเราะร่วน

จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางต่อ ครานี้บรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือต่างระวังตัวกันอย่างมาก ไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย

เจ้าลัทธิไท่เสวียนเร่งพลังเจดีย์เก่าแก่ถึงขีดสุด เพื่อตั้งรับภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นทุกเมื่อ!

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เดินต่อไปได้ไม่ไกล พวกเขาก็เจอกับการจู่โจมอีกครั้ง ตอนนั้นจู่ ๆ บนผืนนภาก็ปรากฏสายฟ้าขนาดใหญ่มากมาย ราวกับฝนฟ้าคะนองกำลังมาเยือน ก่อนที่มันจะดิ่งพสุธามาหาพวกเขาด้วยจำนวนเกินคณานับ!

“ไสหัวไปเสีย!”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนตะคอกเสียงเย็น มือโยนเจดีย์เก่าแก่ออกไป

จากนั้น เจดีย์เก่าแก่ก็ขยายใหญ่ตามสายลม ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ พลันเจิดจ้าแยงตาทวีคูณ ดูดกลืนสายฟ้าทั้งหมดเข้าไป

‘นี่ไม่ใช่อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหรี่ตาเล็กน้อย กล่าวเสียงเคร่งขรึมอยู่ในใจ

เจดีย์เก่าแก่ในมือเจ้าลัทธิไท่เสวียนไม่ธรรมดา ทั้งยังอาจมีระดับขั้นเหนือกว่าอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ และแข็งแกร่งกว่าอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั่ว ๆ ไปด้วยซ้ำ

“พวกมดปลวกเอ๋ย หากไม่มีน้ำยา ข้าหรือจะกล้าพาเขาเข้าแดนลับ!”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนยิ้มเย็น ไม่เพียงแต่กลุ่มอำนาจลับอื่น ๆ มีลูกไม้ที่ผู้อื่นไม่รู้ เขาเองก็มี!

เจดีย์เก่าแก่ในมือเขามีนามว่าเจดีย์เก้าโอภาส หล่อหลอมโดยจ้าวสูงสุดคนหนึ่งแห่งยุคโบราณกาล ถือเป็นสุดยอดอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ มีระดับเหนือกว่าอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปมาก

มันเป็นพลังที่พวกเขาลัทธิไท่เสวียนซ่อนไว้ ไม่ให้คนภายนอกรับรู้

บัดนี้เพื่อพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในแดนลับ เขายอมเผยให้ผู้อื่นได้ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเจดีย์เก้าโอภาส

พวกเขารุดหน้าต่อ ภยันตรายดาหน้าเข้ามาไม่ขาด ยอดฝีมือนิรนามมากมายลอบจู่โจมพวกเขา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดทำสำเร็จ เพราะล้วนถูกเจดีย์เก้าโอภาสยับยั้งไว้!

สุดท้ายพวกเขาก็มาหยุดอยู่เบื้องหน้าแดนลับ

เวลานี้พระอาทิตย์เพิ่งลอยขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปบนผืนดิน คลุมอาภรณ์สีทองให้กับสรรพสิ่ง ประกาศให้รู้ว่าวันใหม่มาถึงแล้ว

‘กลุ่มมหาอำนาจลับเยอะเหลือเกิน…!’

เมื่อมาอยู่เบื้องหน้าแดนลับ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพลันรู้สึกใจสั่นไม่น้อย นี่เพราะจำนวนของกลุ่มมหาอำนาจลับมากเกินว่าที่เขาจินตนาการไว้เยอะ!

แดนลับตั้งอยู่ในส่วนลึกของเขาสือว่าน

ยอดฝีมือผู้มีลมปราณน่าตกตะลึงตั้งรกรากอยู่เต็มทุกพื้นที่หน้าแดนลับ ประกอบไปด้วยทั้งเผ่ามนุษย์ และเผ่าต่าง ๆ อีกมาก

เขาสูดปากอย่างสะท้านใจยิ่ง

จำนวนกลุ่มมหาอำนาจลับเหล่านี้ ไม่น้อยไปกว่ากลุ่มอำนาจเปิดเผยอย่างบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์เลย!

เหตุใดถึงมีกลุ่มมหาอำนาจลับมากมายปานนี้!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสะเทือนใจยิ่ง เดิมเขาคิดว่าตัวเองรู้จักสถานการณ์ของเหยียนโจวดี แต่บัดนี้ดูแล้ว เขาในอดีตเป็นเพียงกบในกะลา มองโลกแคบนัก!

สถานการณ์ของเหยียนโจวสลับซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก มันมิได้เป็นเช่นที่เขาเข้าใจ ถึงกับมีสถานการณ์มากมายที่เขาไม่เคยตระหนัก!

เขาพินิจยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจเหล่านี้ และยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจเหล่านี้ก็กำลังพินิจเขาอยู่เช่นกัน!

สิ่งแวดล้อมในยุคนี้ย่ำแย่ปานนี้ กลับยังบำเพ็ญจนได้มาซึ่งร่างวัชระ พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความใคร่รู้ในตัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และใคร่รู้ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนฝึกฝนสำเร็จได้อย่างไร

“เราจะรออยู่ที่นี่”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมายังจุดที่พวกเขาลัทธิไท่เสวียนยึดไว้ ขณะรอการเปิดออกของแดนลับ

เงาเลือนรางของประตูแสงขนาดมโหฬารตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า

นั่นคือทางเข้าแดนลับ

ทันทีที่ประตูแสงเป็นรูปเป็นร่าง ก็จะสามารถเข้าไปในแดนลับได้

ณ เมืองชิงซาน

รุ่งเช้า พวกเด็ก ๆ มาถึงลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า และขอให้หลี่จิ่วเต้าเล่าตำนานไซอิ๋วให้พวกเขาฟัง

ตำนานสถาปนาเทวดาที่คุณชายหลี่เล่าสนุกมาก น่าติดตามมากจริง ๆ เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงเฝ้ารอตำนานไซอิ๋วมาก ตื่นมาปุ๊บก็เดินทางมาที่นี่เลย!

“พวกเจ้ากินข้าวมาหรือยัง”

หลี่จิ่วเต้าถามเด็ก ๆ ด้วยความเป็นห่วง

“ยังเลย!”

“พวกเราไม่หิว! คุณชายรีบเล่านิทานให้พวกเราฟังเถิด!”

กลุ่มเด็ก ๆ มองหลี่จิ่วเต้าด้วยดวงตากลมโตพลางบอก

“ไม่กินข้าวได้อย่างไร พวกเจ้าอยู่ในวัยกำลังโต! ข้าต้มข้าวต้มให้พวกเจ้ากินก่อน กินข้าวแล้วค่อยเล่านิทานให้พวกเจ้าฟัง”

“ก็ได้!”

“พวกเราจะกินข้าว!”

กลุ่มเด็ก ๆ ตอบรับ

หลี่จิ่วเต้าจึงเดินเข้าไปต้มข้าวต้มในครัว

ส่วนผู้เฒ่าเมิ่งจียกโต๊ะมาสองตัวพร้อมด้วยเก้าอี้อีกจำนวนหนึ่งอย่างรู้หน้าที่ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้นั่ง

‘ระดับจิตใจของท่านเซียนนับว่าเหนือจินตนาการจริง ๆ!’

สือเฟิงได้เห็นภาพนี้แล้วถึงกับเอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้

ท่านเซียนผู้หนึ่งกลับปฏิบัติต่อเด็ก ๆ เหล่านี้ด้วยความสนิทสนมถึงเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังไร้ซึ่งความรำคาญ ระดับจิตใจเช่นนี้ชวนให้เขานับถือยิ่งนัก!

ท่านเซียนมองทุกสรรพสิ่งอย่างเท่าเทียมจริง ๆ!

สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม พูดอาจง่าย แต่เวลาทำไม่รู้ว่ายากเพียงใด!

ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกตนกับปุถุชน…

แม้กระทั่งระหว่างปุถุชนกันเอง ยังยากจะเท่าเทียมกันจริง ๆ

เพราะปุถุชนก็แบ่งชนชั้นวรรณะกันด้วยอำนาจเงินทอง…

ส่วนผู้ฝึกตนอยู่เหนือกว่ามาก และปุถุชนก็เป็นเพียงฝุ่นผงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ฝึกตน ด้วยความต่างชั้นถึงเพียงนี้ ย่อมไม่มีความเท่าเทียมอย่างแน่นอน

แต่ท่านเซียน…คือผู้ทรงพลังที่อยู่เหนือผู้ฝึกตน!

กระนั้นท่านเซียนกลับไม่เคยดูถูกปุถุชน ไม่เคยดูแคลนปุถุชน ทั้งยังปฏิบัติต่อปุถุชนอย่างเท่าเทียมมาตลอด…

เขาเป็นห่วงร่างกายของเด็ก ๆ จึงต้มข้าวต้มให้เด็กๆ กิน

ก่อนหน้านี้ยังพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นวาดภาพในเขาลี่โดยไม่เบื่อหน่าย เมื่อเห็นปุถุชนพากันไปเขาลี่ ท่านเซียนยังเกลี้ยกล่อมคนเหล่านั้นดี ๆ ให้คนเหล่านั้นได้ทราบถึงสถานการณ์ภายในเขาลี่

มิหนำซ้ำ ท่านเซียนยังมีไมตรีสัมพันธ์กับเมืองชิงซานเป็นอย่างดี ทุกคนในเมืองต่างรู้จักท่านเซียน และมีคนไม่น้อยเคยได้รับความช่วยเหลือจากท่านเซียน

เรื่องราวเหล่านี้ มีผู้ฝึกตนอื่นทำได้หรือ?

ปุถุชนไม่ควรค่าให้พูดถึงสำหรับผู้ฝึกตน มีผู้ฝึกตนคนใดสามารถข่มใจให้สงบ แล้วปฏิบัติต่อปุถุชนเหล่านี้ด้วยความเท่าเทียมด้วยหรือ?

ย่อมไม่มี!

แต่ท่านเซียนกลับทำข้อนี้ได้จริง ๆ!

สมเป็นท่านเซียน ระดับจิตใจสูงส่งจนน่านับถือและน่าตกตะลึงยิ่งนัก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท