รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 140 ภัยพิบัติครั้งใหญ่? บังอาจโผล่มาได้โดนกำจัดแน่!

บทที่ 140 ภัยพิบัติครั้งใหญ่? บังอาจโผล่มาได้โดนกำจัดแน่!

บทที่ 140 ภัยพิบัติครั้งใหญ่? บังอาจโผล่มาได้โดนกำจัดแน่!

ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการแสดงให้เห็นว่าที่กลุ่มอำนาจลับเหล่านี้เลือกเก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลกนั้นมีเหตุผลมากกว่านั้น มิใช่เพราะอยากมีชีวิตสงบดั่งที่กล่าวอ้าง

‘พวกเขาเกรงกลัวในบางสิ่งหรือ’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รู้สึกว่ากลุ่มอำนาจลับเหล่านี้คล้ายว่ากลัวบางสิ่งอยู่มากกว่า

เพราะอย่างนั้นถึงได้เลือกเก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลก ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนแม้แต่น้อย…

‘เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ยุคโบราณกาลหรือไม่?’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงบางอ้อ ที่กลุ่มอำนาจลับจากยุคโบราณกาลเหล่านี้เลือกเก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลก อาจเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติใหญ่ครั้งนั้นจริง ๆ!

ไม่อย่างนั้น เหตุใดกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ถึงจงใจเก็บตัวตั้งแต่ยุคโบราณกาล

กลุ่มอำนาจลับเหล่านี้มีอำนาจใหญ่โตมากเมื่อครั้งยังอยู่ในยุคโบราณกาล หาใช่กลุ่มอำนาจกระจอก พวกเขาอยู่ในช่วงรุ่งเรืองขีดสุด และไม่มีวี่แววล่มสลายแม้แต่น้อย

กลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่เพียงนี้ เหตุใดอยู่ ๆ ถึงเลือกเก็บตัว

เขานึกถึงภัยพิบัติสยดสยองที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งโบราณกาลในทันที!

‘ภัยพิบัติใหญ่ครานั้นยังไม่จบสิ้นลงโดยสมบูรณ์หรือ?’

วิญญาณของเขาสั่นเทิ้ม พลันคิดไปถึงเรื่องที่แย่ยิ่งกว่า

ยุคโบราณกาลผ่านพ้นไปแล้ว ภัยพิบัติครั้งใหญ่สงบไปนานแล้วเช่นกัน ทว่ากลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ยังคงซ่อนตัวอย่างสุดความสามารถ ป้องกันมิให้เปิดเผยตัวตน

เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่ากลุ่มอำนาจลับเหล่านี้รู้ดีว่าภัยพิบัติครานั้นยังไม่จบลงอย่างสมบูรณ์ และอาจปะทุอีกครั้งในยุคนี้!

เพราะฉะนั้นกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ถึงได้พยายามซ่อนตัว ไม่กล้าเปิดเผยแม้แต่นิดเดียว หมายจะเอาตัวรอดในภัยพิบัตินี้!

‘ข้า…เข้าใจแล้ว!’

คิดมาถึงนี่ เขาพลันเข้าใจบางอย่าง เข้าใจว่าเหตุใดกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ถึงมีการสืบสานที่สมบูรณ์กว่าบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

การสืบสานของบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์สึกหรออย่างหนัก นั่นเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้รับความเสียหายใหญ่หลวงในภัยพิบัติครั้งใหญ่ยุคโบราณกาล

สาเหตุที่การสืบสานของกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้มากกว่าบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเขา เป็นไปได้ว่าเพราะกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้เสียหายเพียงเล็กน้อยในภัยพิบัติครั้งใหญ่ยุคโบราณกาล!

กลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ตั้งใจเก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลกตั้งแต่ยุคโบราณกาล แล้วสร้างภาพประหนึ่งว่าถูกล้างบางหรือล่มสลาย เป็นไปได้สูงว่าเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติครั้งใหญ่ในยุคโบราณกาล!

ที่ตอนนี้กลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ยังเลือกเก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลก เป็นไปได้สูงว่าต้องการสานต่อลูกไม้ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณกาล เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติใหญ่ตั้งแต่ครานั้น!

‘ยุคปัจจุบัน…ลำบากเหลือเกิน!’

เขาถอนหายใจหนักหน่วงในใจอย่างอดไม่ได้

ยุคโบราณกาลแข็งแกร่งกว่ายุคนี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า แต่ยังพบจุดจบน่าอนาถาเยี่ยงนั้น หากภัยพิบัติใหญ่นั้นอุบัติในยุคนี้จริง ๆ ไม่รู้ว่ายุคปัจจุบันนี้จะอเนจอนาถปานใด!

‘ไม่เป็นไร ยุคปัจจุบันนี้ยังมีท่านเซียนอยู่!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนึกถึงท่านเซียน

ท่านเซียนเก่งกล้าสามารถ ฝีไม้ลายมือยากแท้หยั่งถึง ในความคิดของเขา ต่อให้ภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้น่ากลัวเพียงใด ก็ไม่อาจสร้างอันตรายต่อท่านเซียนได้แม้แต่น้อย!

จะสร้างอันตรายได้อย่างไร?

นั่นท่านเซียนเชียวนะ บางทีอาจมีการดำรงอยู่ที่เก่งกาจยิ่งกว่าท่านเซียน หรืออาจเป็นระดับบูรพาเซียนดำรงอยู่!

หากภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้สร้างอันตรายต่อท่านเซียนได้ เช่นนั้นแล้วภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ต้องสยดสยองเพียงใดเชียว

หากสยดสยองขนาดนั้นจริง ไฉนเลยจะยังมียุคปัจจุบันอยู่ สิ่งมีชีวิตในยุคโบราณกาลคงถูกกำจัดจนเกลี้ยงแล้ว

‘จะไปสนภัยพิบัติทำไม บังอาจโผล่มา สร้างความเสียหายแก่โลกนี้ ท่านเซียนย่อมต้องกำจัดมันให้ราบคาบได้แน่!’

ท่านเซียนมีเมตตา ปุถุชนตายไปยังทนดูไม่ได้ ไฉนเลยจะทนให้ภัยพิบัติทำลายล้างโลกเยี่ยงนี้ปรากฏ

คิดมาถึงนี่ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสบายใจขึ้น

มีท่านเซียนอยู่ พิภพนี้ย่อมปลอดภัยกว่าที่ไหน ๆ

อาณาจักรเก้าตอนบนก็สู้ไม่ได้!

‘เก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลก กลัวจะเผลอเปิดเผยตัวตน…’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกระหยิ่มยิ้มย่อง รู้แล้วว่าต้องต่อกรกับกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้อย่างไร!

เขาก้าวเดินไปข้างหน้า โดยปราศจากความกังวล ตรงไปยังประตูแสงอย่างไม่รีรอ

อย่างที่คิด

สิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้าไม่ผิด

หลังจากเขาเริ่มเคลื่อนไหว สิ่งมีชีวิตมากมายก็เคลื่อนไหวตามหลังเขามาติด ๆ หมายจะเข้าไปในประตูแสงด้วย

‘หากสุ่มสี่สุ่มห้าหาเรื่องกันล่ะก็…พวกเจ้าได้เห็นดีแน่!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยิ้มเย็น ภายในแดนลับใช้พลังเต๋าไม่ได้ ใช้ได้เพียงพลังกายเนื้อ เขามีร่างทองอมตะและจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้หาใช่คู่ต่อสู้ของเขาไม่!

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ลังเลสักนิด เดินตรงเข้าไปในประตูแสงทันที

ชั่วพริบตานั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสัมผัสถึงความบิดเบี้ยวสุดขีด พลังเวลาที่แดนลับแห่งนี้ดำรงอยู่รุนแรงเกินไป พลังเต๋าและกฎต่าง ๆ ถูกรบกวนอย่างรุนแรง เขาไม่รู้สึกถึงมหากฎวิถีเลยสักนิด ซ้ำแล้วพลังเต๋าในตัวก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก รีดเร้นไม่ออกเลย!

‘กฎแห่งสวรรค์และโลกต่างถูกรบกวนอย่างรุนแรง วิถีเวลาในที่แห่งนี้แกร่งกล้าจริง ๆ!’

เขาสะท้อนใจอย่างอดไม่ได้

อันที่จริงลองคิดดูแล้ว วิถีเวลาจะไม่แกร่งกล้าได้อย่างไร?

นับแต่ยุคโบราณ จักรพรรดิผู้ปราดเปรื่องมากมายไม่อาจต้านทานการสึกกร่อนจากกาลเวลา ล้มหายตายจากไปตามกาล เพราะฉะนั้นวิถีเวลาจะไม่แกร่งกล้าได้อย่างไร?

กล่าวโดยไม่เกินจริง สามพันวิถีเมื่ออยู่ต่อหน้าวิถีเวลาก็เป็นได้เพียงวิถีเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่อาจต่อต้าน ซ้ำยังมิอาจเทียบเทียมได้เลย!

เจ้าแข็งแกร่งก็แข็งแกร่งไป กระนั้นยังไม่อาจหนีพ้นกาลเวลา ท้ายที่สุดทุกอย่างก็ว่างเปล่า ไม่เหลือสิ่งใดทิ้งไว้!

ฟึ่บ!

ในตอนนั้นเอง หอกรบโบราณขนาดยักษ์ใหญ่พุ่งแทงเข้าที่ด้านหลังของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

นี่คืออาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ก็ถูกรบกวนเช่นกัน จึงไม่อาจปะทุพลังเต๋าและกฎของมัน กลายเป็นเพียงอาวุธธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ทว่าต่อให้อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นอาวุธธรรมดาแล้ว อานุภาพของมันก็ยังรุนแรงหนักหนา ผ่าทองสะบั้นหินได้ไม่ลำบาก ซ้ำยังคมกริบในระดับน่าหวาดกลัว!

“เปล่าประโยชน์”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีสีหน้าราบเรียบ อย่าว่าแต่อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่อาจปล่อยพลังเต๋าและกฎออกมาได้ ต่อให้ปล่อยออกมาได้แล้วอย่างไร?

ตราบใดที่ไม่ใช่ระดับวิญญาณนักบุญหรือเหนือกว่านั้นเป็นผู้ใช้ออก เขาก็ไม่กลัวผู้ใดทั้งนั้น!

พลังรบของวิญญาณนักบุญหรือระดับที่เหนือกว่าแข็งแกร่งสยดสยองเกินไป หากรีดเร้นอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์เต็มกำลัง น่ากลัวว่าเขาคงต้านทานไม่ไหว

ต่อให้ตนจะมีร่างทองอมตะและเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์แล้วก็ยากยิ่ง!

อาวุธจะทรงพลังหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดเป็นคนใช้มัน…

วิญญาณนักบุญ เป็นขอบเขตที่สูงเกินจินตนาการและมิได้สำเร็จกันง่าย ๆ ฝีมือของพวกเขาน่าทึ่งไร้ผู้ใดทัดเทียม มิใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือศาสตราทั้งหลายจะเปรียบเทียบด้วยได้เลย!

อาวุธที่ไร้ซึ่งญาณศัสตรา ต่อให้ทรงพลังปานใดก็ยังมีข้อจำกัด…

ร่างทองอมตะของเขาบวกกับการเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์สามารถต้านทานการโจมตีจากอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ได้ หรืออาจต้านทานแม้กระทั่งอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้

แต่ใช่ว่าเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีจากวิญญาณนักบุญได้!

อย่างไรศาสตราก็เป็นเพียงศาสตรา…

เสียงดังตู้ม เขาปล่อยหมัดออกไป เข้าปะทะกับหอกรบโบราณเล่มนี้!

ชั่วพริบตานั้น ประกายแสงวูบวาบสาดกระจาย มีเสียงโลหะปะทะกันดังออกมาราวกับเป็นการปะทะระหว่างโลหะจริง ๆ!

“กระไรกัน!”

ผู้ใช้หอกรบโบราณสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเนื้อกายของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะแข็งแกร่งปานนี้ แม้กระทั่งอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ยังสู้ไม่ได้ มันไม่อาจทำร้ายประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้เลย!

“ฆ่า!”

“เก็บเขาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”

สิ่งมีชีวิตอื่นบังเกิดจิตสังหารพลุ่งพล่าน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแข็งแกร่งน่ากลัวปานนี้ จะปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้กลายเป็นพระเจ้าผู้ตัดสิน ณ ที่แห่งนี้เป็นแน่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท