บทที่ 144 ร่างกายจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เจ้าลัทธิรู้จักข้าน้อยเกินแล้ว!
“ท่านประมุขจะเป็นสหายกับลัทธิไท่เสวียนของพวกเราตลอดไป!”
หยวนเซิ่งกล่าวกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างเคร่งขรึม
หินผลึกแห่งกาลเวลามากมาย เขาเก็บเกี่ยวได้มากมายอย่างมิต้องสงสัย ซ้ำมันยังเกินความคาดหมายของเขาไปมากนัก!
“นับเป็นเกียรติของข้าแล้ว”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ในแดนลับมีเพียงหินผลึกเหล่านี้เท่านั้นหรือ?”
หยวนเซิ่งถาม
“ใช่ มีเพียงหินผลึกเหล่านี้เท่านั้น”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า หาได้โกหกหยวนเซิ่งไม่
ในแดนลับมีเพียงหินผลึกแห่งกาลเวลาเหล่านี้เท่านั้น เพียงแต่เขาไม่ได้เอาหินผลึกแห่งกาลเวลาที่ใหญ่ที่สุดออกมา…
“ยังมีสิ่งอื่นอีกหรือไม่?” หยวนเซิ่งเอ่ยถามต่อ
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมดในแดนลับออกมาแน่หรือ?
เขายังคงมีความกังขาต่ออีกฝ่าย
แม้หินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้จะมีมากมาย และถึงแม้พลังแห่งกาลเวลาภายในพวกมันจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่าพวกมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวพอที่จะแทรกแซงกฎแห่งสวรรค์และโลกได้!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังไม่ได้นำสมบัติล้ำค่าที่สุดออกมา!
‘ใจคนนี่นะ โลภมากมักลาภหาย…’
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทอดถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
เขานำหินผลึกแห่งกาลเวลาออกมามากมายมากกว่าร้อยชิ้น แต่หยวนเซิ่งกลับยังไม่พอใจ…
“มี”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวต่อ “แต่ข้าจะไม่หยิบมันออกมา เจ้าลัทธิ พวกเราตกลงกันก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าสามารถเลือกอย่างหนึ่งได้…”
หากต้องนำหินผลึกทรงสี่เหลี่ยมออกมาจริง ๆ หยวนเซิ่งต้องไม่ยอมปล่อยมันไปอย่างแน่นอน
หินผลึกทรงสี่เหลี่ยมกับหินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้แตกต่างกันอย่างยิ่ง เพราะอย่างแรกนั้นเป็นสมบัติที่ขัดต่อสวรรค์ ซึ่งมิอาจจินตนาการได้อย่างแท้จริง!
กล่าวตามตรง หินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้ก็คือหินผลึกแห่งกาลเวลาที่รั่วไหลออกมาจากหินผลึกแห่งกาลเวลาทรงสี่เหลี่ยม จากนั้นค่อยหลอมรวมทีละเล็กละน้อยตามกาลเวลาอันยาวนาน
หินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยกับหินผลึกทรงสี่เหลี่ยมเดิมทีก็เทียบอะไรกันไม่ได้อยู่แล้ว!
“แค่ดูก็มิได้หรือ?”
หยวนเซิ่งเอ่ยถามพลางจ้องมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
“เจ้าลัทธิ หินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยมีมากกว่าร้อยชิ้น น่าจะเป็นไปตามสัญญาที่ข้าให้ไว้กับเจ้าลัทธิแล้วนะ”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
หินผลึกชิ้นเล็กน้อยมากกว่าร้อยชิ้น มันประเมินค่าไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไป หยวนเซิ่งควรจะพอใจได้แล้ว นี่มันมากกว่าที่เขาสัญญากับอีกฝ่ายในตอนแรกเสียอีก!
ในเวลานั้น เขาสัญญาว่าจะนำสมบัติวิเศษมาให้หยวนเซิ่งอย่างน้อยสองชิ้น ตอนนี้ด้วยหินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากกว่าร้อยชิ้น มันเกินกว่าสัญญาไปมากแล้ว…
เขาหวังว่าหยวนเซิ่งจะพอใจ เพราะเขาไม่อยากแตกหักกับอีกฝ่าย
ภายในใจของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำตามคำสั่งของท่านเซียนให้ลุล่วง!
ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ให้หินผลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยแห่งกาลเวลามากมายถึงเพียงนี้
“พอใจแล้ว แต่ขอดูไม่ได้จริง ๆ หรือ?”
ปากกล่าวว่าพอใจ แต่เห็นได้ชัดว่าในใจของเขาไม่พอใจและยืนกรานที่จะดู
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนส่ายหน้าปฏิเสธ “ในเมื่อพอใจแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน”
สิ้นวาจานั้น เขาก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไป
“ช้าก่อน!”
ดวงตาของหยวนเซิ่งเบิกโพล่ง เขาตะโกนสั่งให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหยุดอย่างรวดเร็ว
ถึงกับทำให้กฎแห่งสวรรค์และโลกแปรปรวนอย่างรุนแรง สมบัติชิ้นนั้นจะร้ายกาจเพียงใดกัน!
เขา…ไม่อยากพลาดโอกาสนี้!
“ถึงอย่างไรก็ยังตกลงผลประโยชน์ไม่ลงตัว…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง
เขาเมตตากับหยวนเซิ่งมากแล้ว แต่หยวนเซิ่งกลับไม่ยอมปล่อยเขาไป
เมื่อเผชิญกับผลประโยชน์อย่างแท้จริง คำมั่นวาจาใดล้วนใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น
“มีอะไรหรือท่านเจ้าลัทธิ?”
เขาหันกลับมามองหยวนเซิ่ง
“ข้าอยากเห็นว่ามันเป็นสมบัติวิเศษแบบใด!?”
หยวนเซิ่งจ้องมองมาที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเขม็ง
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองเข้าไปในดวงตาของหยวนเซิ่งก่อนจะกล่าว “ถ้าข้าบอกว่าไม่เล่า?”
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน เขาได้คาดการณ์ไว้แล้ว ทั้งยังเตรียมการล่วงหน้าไว้เสียด้วย
ในฐานะประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้ไร้เดียงสาปานนั้น ทั้งยังหวังให้หยวนเซิ่งรักษาสัญญาด้วยซ้ำ และด้วยเหตุนี้ตอนเขาเข้ามาจึงได้บีบลูกแก้วแมลงบุตร… นั่นคือแผนการที่เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า
เมื่อลูกแก้วแมลงบุตรถูกบีบจนแตกออก ฝั่งลูกแก้วแมลงมารดาจะถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที คาดว่าอีกไม่นานพวกหูช่วงคงจะนำกำลังคนมาที่นี่แล้ว
“ที่แห่งนี้หาใช่แดนลับ กฎของสวรรค์และโลกจักไม่ถูกรบกวน อีกอย่างไม่ว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์…”
หยวนเซิ่งว่า ในประโยคแฝงไปด้วยความหมายขู่ขวัญอย่างชัดเจน
“เฮ้อ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธราชาศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่โลภเลยสักชิ้น ล้วนหยิบออกมาให้ท่านทั้งหมด ส่วนหินผลึกแห่งกาลเวลาที่ได้มาจากแดนลับ ข้าก็หยิบออกมาให้ร้อยกว่าชิ้น ท่านยังจะไม่พอใจอีกหรือ?”
“นี่ยิ่งแสดงว่าสมบัติวิเศษในมือของเจ้านั้นวิเศษยากจะจินตนาการ!”
“เจ้าลัทธิคิดผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ตอนแรกจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองหยวนเซิ่งพลางถาม
ฝ่ายเจ้าลัทธินั้นเงียบไป แต่ความคิดของเขายังคงเผยให้เห็นอย่างชัดเจน
“ย่อมพอใจ…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยขัดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก สมบัติวิเศษชิ้นนั้นไม่สามารถให้เจ้าลัทธิดูได้”
“ตอนนั้นก่อนที่จะกลับมายังลัทธิ ข้าเคยบอกกับกองกำลังลับว่า สมบัตินั้นดีแต่ชีวิตก็สำคัญที่สุด หากไร้ซึ่งชีวิต ทุกอย่างย่อมจบสิ้น…”
“วางใจเถิด ข้าไม่ได้เป็นคนโหดร้ายเพียงนั้น ใช่ว่าจะไม่ให้อะไรเจ้าเลย ครั้งนี้เจ้าลงแรงไปมาก เพียงแค่เจ้าให้ความร่วมมือ ข้ารับประกันว่าหลังจากนี้เจ้าจะเป็นสหายกับลัทธิไท่เสวียนของพวกเราตลอดไป ข้าสามารถให้เจ้านำหินผลึกแห่งกาลเวลาพวกนี้กลับไปบางส่วนได้”
ก็ยังรู้ว่าข้าลงแรงไปมากนี่?
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนึกดูแคลนในใจ รู้อยู่แล้วก็น่าจะพอใจได้แล้ว ไม่ใช่ว่าต้องการมากกว่าเดิม!
“ท่านเป็นคนผิดสัญญา ท่านจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไร?”
เขามองหยวนเซิ่งกล่าว “ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เจ้าลัทธิรู้จักข้าน้อยเกินแล้ว…”
สิ้นประโยคนั้น ร่างของเขาก็เปล่งประกายออกมาทันที พร้อมกับแสงสว่างที่ปรากฏออกมาจากจุดทั้งห้าบนร่างกาย ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเผยร่างทองอมตะกับจุดลับทั้งห้าของร่างกาย!
“ร่างทองอมตะกับจุดลับทั้งห้าของร่างกาย! นี่…เป็นไปได้อย่างไร!?”
สีหน้าของหยวนเซิ่งเปลี่ยนไปทันที คาดไม่ถึงว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถบ่มเพาะร่างทองอมตะ ซ้ำยังเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายได้อีก!
นี่ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ!
จำต้องรู้ว่า ถึงแม้จะเป็นตัวตนที่ดำรงอยู่ในสมัยโบราณกาล ก็มีผู้แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบ่มเพาะร่างทองอมตะได้ ส่วนผู้แข็งแกร่งที่เปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายได้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย กระทั่งสามารถนับด้วยนิ้วได้!
จุดลับทั้งห้าของร่างกาย ถือได้ว่าเป็นขอบเขตในตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมา แล้วจะให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าเขาจะได้เห็นมันในชีวิตนี้!?
“มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้ฝึกตนพวกนั้น แม้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอยู่ในมือก็ยังมิอาจทำอะไรเจ้าได้…”
เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ก่อนหน้านี้ยังคงเคลือบแคลงอยู่ว่า เหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงสามารถจัดการผู้ฝึกตนที่ถืออาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ และสัตว์อสูรสายเลือดพิเศษได้
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น…
ร่างทองอมตะกับจุดลับทั้งห้าของร่างกาย กายเนื้อเช่นนี้แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวเกินไป ภายในแดนลับแห่งนั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนย่อมไร้คู่ต่อกรโดยสิ้นเชิง!
ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรเหล่านั้น แม้ว่าเขาจะมีอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ เกรงว่าเขาก็ไม่อาจทำร้ายกายเนื้อของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้เช่นกัน!
จุดลับทั้งห้าของร่างกายนั้นน่าอัศจรรย์ชวนให้ผู้คนตกใจ อีกทั้งมันยังสามารถเพิ่มพูนขอบเขตให้แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก ไหนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะมีร่างทองอมตะอีกด้วย
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าร่างกายของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะแข็งแกร่งปานนี้!
ทว่า…เขาฝึกฝนได้อย่างไร!?
ในใจของหยวนเซิ่งราวกับถูกคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ มันยากยิ่งที่จะสงบลงได้
“เจ้าลัทธิ ท่านสังหารข้าไม่ได้”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อข้ากล้ามา ข้าก็ย่อมมีความมั่นใจ หวังว่าเจ้าลัทธิจะยุติเรื่องแต่เพียงเท่านี้ อย่าได้บุ่มบ่ามทำเรื่องใหญ่โตเช่นนั้น มันจะเป็นการดีต่อตัวท่านและตัวข้าเอง”