รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 145 ขออภัย ข้าเตรียมตัวมาดี!

บทที่ 145 ขออภัย ข้าเตรียมตัวมาดี!

บทที่ 145 ขออภัย ข้าเตรียมตัวมาดี!

หยวนเซิ่งหรี่ตา

“ร่างทองอมตะบวกกับเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ เป็นผลให้ข้าไม่อาจทลายกายเนื้อของเจ้าก็จริง แต่หากจะบอกว่าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ มันดูจะเกินจริงไปกระมัง!”

เขาเอ่ย “กายเนื้อของเจ้าแข็งแกร่ง แล้ววิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งปานนั้นด้วยหรือ?”

ทลายกายเนื้อไม่ได้ เขาก็ไม่ทลาย!

ตนเลือกจู่โจมวิญญาณของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ได้!

เขาไม่เชื่อหรอกว่าวิญญาณของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะแกร่งกล้าเกินมนุษย์เช่นเดียวกับเนื้อกายของเขา!

“หาได้ไม่”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนส่ายหัว “ที่ข้ากล่าวว่าเจ้าลัทธิฆ่าข้าไม่ได้ มิได้หมายความว่าเจ้าลัทธิไร้ซึ่งฝีมือในการปลิดชีพข้า…”

“แล้วหมายความว่าอย่างไร?” หยวนเซิ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ร่างทองอมตะบวกกับเปิดจุดลับทั้งห้า เจ้าลัทธิคิดว่าข้าบำเพ็ญจนได้มาด้วยวิธีใดหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว “ข้าบอกแล้วว่า เจ้าลัทธิรู้เรื่องข้าน้อยเกินไป…”

หยวนเซิ่งไม่พูดจา แต่ดวงตาจ้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเขม็ง

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้ความรู้สึกลึกลับสำหรับเขามาก…!

เป็นดังที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนว่าจริง ๆ เขารู้เรื่องของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่มาก

ครานั้นแดนลับใกล้เปิดเต็มที ไช่หนานรีบร้อนไปพาตัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกลับมา พวกเขามิได้สืบสวนเบื้องลึกเบื้องหลังของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้ละเอียดถี่ถ้วน

บัดนี้ดูแล้ว ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ธรรมดา…

“ร่างทองอมตะนั้นฝึกฝนได้ยากยิ่ง จุดลับทั้งห้าของมนุษย์ยิ่งเปิดยากเข้าไปใหญ่ ต่อให้รู้วิธีฝึก วิธีเปิดก็จำต้องมีพลังฟ้าดินคอยเกื้อหนุนจึงจะสำเร็จ…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว “การสืบสานของพวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมิได้ขาดช่วงถึงเพียงนั้น!”

“เจ้าอยากพูดเรื่องใดกันแน่”

“สิ่งที่ข้าอยากบอกคือ แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเรามีบันทึกยุคโบราณเก็บเอาไว้ แม้นไม่ละเอียดนัก ทว่าพอให้ข้าได้เข้าใจเรื่องราวบางอย่าง อย่างเช่นเหตุผลที่ลัทธิไท่เสวียนของพวกท่านและกลุ่มอำนาจลับอื่นเลือกเก็บตัวไม่ข้องแวะทางโลก…”

สีหน้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนราบเรียบ

ทว่าจิตใจของเขาหาได้สงบไม่

เขากำลังเดิมพัน…เดิมพันว่าการคาดเดาทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้คือความจริง!

นี่ใช่ว่าเขาเดิมพันไปเรื่อย

ที่ยอดฝีมือกลุ่มอำนาจลับทั้งหลายยอมอดทนไม่ลงมือกับหยวนเซิ่ง บ่งบอกว่าการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้อาจถูกต้อง

หากมิได้เป็นเช่นที่เขาคาดเดา เหตุไฉนยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจลับอื่นถึงอดทนไม่ลงมือ

เป็นไปไม่ได้!

ศาสตราประเภทกาลเวลาหายากปานใดย่อมเป็นที่รู้กัน…

ต่อให้หยวนเซิ่งครอบครองสุดยอดอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือกลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปโดยไม่ลองดูสักครา!

เหตุผลหลัก ๆ อาจเป็นอย่างที่เขาคาดเดา กลุ่มอำนาจลับเหล่านี้กลัวการเปิดเผยตัวตน!

ตอนนี้เขาจักใช้ข้อนี้ควบคุมหยวนเซิ่ง!

“เหตุผลใด?” สีหน้าหยวนเซิ่งไม่เปลี่ยน หรือประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้อะไรเข้าจิง ๆ?

“พวกท่านกลัวที่จะเผยตัว!” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวออกไปตามตรง

“นึกว่าเจ้าจะพูดเรื่องใดเสียอีก…ที่แท้ก็เรื่องนี้เองหรอกหรือ”

หยวนเซิ่งแสร้งทำสุขุม “เผยตัวแล้วอย่างไร อย่างมากก็แค่ชีวิตที่เคยสงบต้องหายไปเท่านั้น ใช่ว่ามีผลเสียใหญ่หลวงอะไร”

“ต้องเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็ไม่ถือว่าเป็นผลเสียใหญ่หลวงหรือ”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่เชื่อสิ่งที่หยวนเซิ่งพูด หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาถึงขั้นต้องเก็บตัวเป็นพันเป็นหมื่นปีเลยหรือ

“ภัยพิบัติครั้งใหญ่อะไรหรือ เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าว่ามาเลย”

เบื้องหน้าหยวนเซิ่งทำทีสงบ ทว่าภายในใจนั้นไม่สงบอย่างยิ่ง

ดูท่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้อะไรบางอย่างจริง ๆ!

“ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในยุคโบราณ…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว “ภัยพิบัติครั้งใหญ่ครานั้นเป็นเหตุการณ์อย่างไรกันแน่ ข้าไม่รู้ บันทึกที่เหลือไว้ไม่ได้บอกไว้ แต่บันทึกบอกไว้ว่าภัยพิบัติใหญ่ครานั้นยังไม่ถูกกำจัดอย่างราบคาบ!”

เขามองหยวนเซิ่งด้วยนัยน์ตาลึกล้ำ “บันทึกยังบอกอีกว่า ก่อนภัยพิบัติใหญ่ในยุคโบราณปะทุ กลุ่มอำนาจแกร่งกล้าจำนวนหนึ่งรวมถึงเผ่าพันธุ์กลุ่มหนึ่งหายตัวไปฉับพลัน คล้ายว่าถูกล้างบางหรือถึงคราวล่มสลาย ทว่าแท้จริงแล้วทำเพื่อหลีกหนีจากภัยพิบัติใหญ่ครานั้น!”

เขาเอ่ยต่อ “กลุ่มอำนาจลับอย่างลัทธิไท่เสวียนก็คือกลุ่มอำนาจที่หายตัวไปล่วงหน้าในยุคโบราณ!”

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขาคนเดียว มิได้มาจากบันทึกโบราณจริง ๆ

เขาอ้างว่ารู้จากบันทึกโบราณ เพื่อทำให้หยวนเซิ่งรู้สึกเหมือนว่าเขารู้มานานแล้ว และไม่อยากให้หยวนเซิ่งรู้ตัวว่าเขาเดาได้เองในภายหลัง

หากหยวนเซิ่งรู้ว่าเขาเพิ่งเดาได้ภายหลัง หลังจากนี้เขาคงไม่มีวิธีข่มขู่หยวนเซิ่งได้อีกต่อไป

หยวนเซิ่งจ้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเขม็ง

เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีบันทึกเช่นนี้สืบทอดต่อกันมา!

ทว่าเขายังแคลงใจอยู่บ้าง

ในเมื่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้เรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงยังวางตัวในที่แจ้งมาตลอด และไม่เลือกหลบซ่อนตัว?

หรือแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่กลัวต้องประสบเคราะห์ร้ายเพราะภัยพิบัติใหญ่ครานั้น?

“เจ้าลัทธิ ข้ารู้ว่าท่านคิดสิ่งใดอยู่”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์คิดหาข้ออ้างไว้เรียบร้อยแล้ว “ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเราก็ได้รับความเสียหายสาหัส แดนศักดิ์สิทธิ์ในยุคนี้ล้วนมิใช่แดนศักดิ์สิทธิ์เดิมของเราในยุคโบราณ! แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเรายังเก็บรักษาการสืบสานจากยุคโบราณไว้ได้จำนวนมาก ตกหล่นอยู่ในหลายพื้นที่ น่าเสียดาย บรรพชนในยุคนี้ไม่ทราบ จึงไม่ทันได้ค้นพบ”

“กระทั่งมาถึงยุคของข้า การสืบสานเหล่านี้ถึงถูกค้นพบ ข้าเองก็ฝึกฝนจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะ และเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์เพราะเหตุนี้ ส่วนบรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างฝึกฝนจนได้มาซึ่งร่างทิพย์กระดูกหิรัญ”

พูดจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา “หากค้นพบได้เร็วกว่านี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเราคงซ่อนตัวไปนานแล้ว ย่อมไม่มีทางออกหน้าออกตาในยุคนี้เด็ดขาด…”

หลังจากฟังที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพูดจบ ความฉงนในใจหยวนเซิ่งก็หายไปบ้าง

เขาก็ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสามารถฝึกฝนร่างทองอมตะ ซ้ำยังเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ได้ในยุคสมัยนี้ ที่แท้ได้จากการสืบสานที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ!

ยอดฝีมือให้ความสำคัญด้านกายเนื้อมาก ยิ่งแกร่งยิ่งให้ความสำคัญ

ในยุคโบราณ เหล่ายอดฝีมือต่างคิดหาวิธีฝึกฝนกายเนื้อ บางทีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในยุคนั้นอาจค้นพบวิชาร่างทองอมตะ และการเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายมนุษย์จริง ๆ

“เจ้าพูดเช่นนี้ต้องการสื่อว่าอะไรหรือ”

เขาถามประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต่อ ข้างในเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

คราวนี้ท่าทางเขาคงเสียท่าเสียแล้ว!

“สื่อว่าข้าเตรียมตัวมาดี ใช่ว่ามาโดยไม่เตรียมการใด ๆ”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวต่อ “กลุ่มอำนาจลับอย่างลัทธิไท่เสวียนเก็บตัวในยุคนี้ คงมีจุดประสงค์ไม่ต่างจากในยุคโบราณ ทำไปเพื่อหลีกหนีจากภัยพิบัติใหญ่ครานั้น!”

ตาเขาเป็นประกาย มองหยวนเซิ่งพลางกล่าว “ขออภัย ข้ารู้เรื่องนี้ เพื่อความปลอดภัย ข้าจึงมีการเตรียมการก่อนมา หากข้าไม่สามารถกลับไปอย่างปลอดภัย เรื่องอื่นยังไม่พูดถึง ลัทธิไท่เสวียนย่อมถูกเปิดเผยสู่สายตาธารกำนัล คนทั้งเหยียนโจวจะได้รู้เรื่องนี้กันหมด!”

แยบคายยิ่งนัก!

สีหน้าหยวนเซิ่งอึมครึมดุดัน เขาประเมินประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต่ำไปจริง ๆ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงกับจับจุดอ่อนของเขาได้อย่างจัง!

ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในยุคโบราณยังไม่สิ้นสุดอย่างที่ว่า และมีโอกาสสูงว่าจะหวนกลับมาอีกครั้งในยุคนี้

ขืนพวกเขาเปิดเผยตัวออกมา ย่อมหนีไม่พ้นเป็นแน่!

ต่อให้พวกเขาใช้ลูกไม้เดิม สร้างภาพเสมือนว่าล่มสลายไปอีกครั้งก็ไม่ไหว!

เพราะยุคนี้แตกต่างจากยุคโบราณ

ในยุคโบราณ พวกเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะมา จึงสร้างภาพล่มสลาย เลือกที่จะหลบซ่อนเก็บตัว จึงไม่ประสบเคราะห์ร้ายเท่าใด

แต่นั่นก็เพราะจำนวนยอดฝีมือในยุคโบราณมากพอ ถึงได้ต่อสู้จนภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นต้องล่าถอยไป

หากมิได้ต่อสู้จนอีกฝ่ายยอมถอย ต่อให้พวกเขาสร้างภาพล่มสลายอีกครั้งก็เปล่าประโยชน์ ต้องโดนสืบค้นจนเจออยู่ดี!

เมื่ออยู่เบื้องหน้าภัยพิบัติใหญ่ครานั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเอาตัวรอดไปได้ง่ายจริง ๆ…

และที่สำคัญยุคนี้หาได้มียอดฝีมือจำนวนมากขนาดนั้น!

หากภัยพิบัติใหญ่ครานั้นหวนกลับมา โลกทั้งใบย่อมต้องตกอยู่ในกลียุค!

เพราะฉะนั้น พวกเขาถึงไม่กล้าเผยตัวในยุคนี้แม้แต่น้อย ที่ทำไปก็เพื่อปดปิดร่องรอย ให้ถูกหลงลืมในที่สุด!

หากเผยตัวจริง ๆ…ทุกสิ่งที่พวกเขากระทำมาคงสูญเปล่า ซ้ำยังถูกภัยพิบัติใหญ่ครานั้นกลืนกินจนสิ้น!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท