บทที่ 141 เวลาไหลผ่านไปเร็วเหลือเกิน พริบตาเดียวหมดไปร้อยปีแล้ว!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์คนแล้วคนเล่าเรียกศาสตราทรงพลังออกมา ต่างมีระดับขั้นสูงส่ง อย่างต่ำที่สุดยังเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์!
มิหนำซ้ำ ผู้ฝึกตนบางคนถึงกับพกอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เข้ามาด้วย!
กายเนื้อของพวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ การพกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เข้ามา หนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกแย่งชิงกับยอดฝีมือสัตว์อสูรที่มีเนื้อกายค่อนข้างแกร่งกล้า สองเพื่อปลิดชีพประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!
โฮก โฮก โฮก!
เสียงอสูรคำรามดังไม่หยุดหย่อน สัตว์อสูรยอดฝีมือผู้เก่งกล้าพากันโจมตี หมอกเลือดชั่วร้ายชวนขนลุกถาโถมไปหาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด!
กายเนื้อของพวกมันแข็งแกร่งพอและแต่ละคนเองก็มีพลังสายเลือดที่น่าทึ่ง ในแดนลับใช้ได้เพียงพลังกายเนื้อ พวกมันนับว่าได้เปรียบอย่างมาก!
“เจ้าจะต้านทานอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?”
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนผู้หนึ่งหัวเราะเสียงเย็น ร่างพุ่งออกมาอยู่ด้านหน้าสุด กระบี่สัมฤทธิ์โบราณในมือเปล่งประกายเย็นเยียบน่าเกรงขาม เล็งตรงไปที่ศีรษะของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!
ใช่แล้ว… กระบี่สัมฤทธิ์โบราณในมือเขาเป็นอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!
วัสดุของอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าทึ่ง ต่อให้ไม่อาจปลดปล่อยพลังเต๋าและกฎได้ กระนั้นก็ยังน่ากลัวเหลือแสน!
ฟาดออกไปเพียงครั้งเดียว ไอกระบี่ดุดันซัดสูงหลายจั้ง พสุธาเกิดรอยร้าวลึกน่ากลัวหลายต่อหลายรอย!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังคงมีสีหน้าราบเรียบ กำปั้นสองข้างราวกับกลายเป็นทองคำ มีประกายสีทองไหลเวียน เขาใช้หมัดป้องกระบี่ เสียงปะทะรุนแรงของโลหะดังสนั่น!
ปัง ปัง ปัง!
อิสตรีวัยกลางคนในชุดกระโปรงยาวสีแดงนางหนึ่งมือถือแส้ยาว ไม่รู้ว่าแส้ยาวเส้นนั้นทำจากวัสดุใด แต่พลังแกร่งกล้าไม่แพ้กัน จุดที่แส้ยาวฟาดผ่าน มีหินยักษ์ก้อนแล้วก้อนเล่าถูกกระแทกจนแหลกลาญ เศษหินปลิวว่อนไปทั่วอากาศ!
นี่คืออาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน!
สาวงามวัยกลางคนคลี่ยิ้มเย็น ต่อให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มีร่างวัชระก็ไม่อาจต้านทานแส้ยาวจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของนางได้แน่!
ทว่าไม่นานนัก สีหน้านางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงหน้าซีดเผือดไร้สี
แส้ยาวจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่หวดใส่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน กลับไม่ทิ้งบาดแผลไว้บนร่างของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
โฮก!
สิงห์ยักษ์เก้าหัวซึ่งมีขนาดตัวมโหฬาร ขนทั้งร่างเป็นสีทองตัวหนึ่งพลันกระโจนเข้ามา พร้อมปากอ้ากว้าง หมายจะกัดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างแรง!
มันมาจากเผ่าสุวรรณสิงห์เก้าหัว บรรพบุรุษรุ่งเรืองหาใดเปรียบ สายเลือดรำลึกย้อนไปได้ถึงยุคโบราณ เป็นถึงพาหนะของจักรพรรดิท่านหนึ่ง!
สองหมัดของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพลิ้วไหวไปมา ประกายสีทองว่ายเวียนวน ดุดันน่าทึ่งเป็นพิเศษ กระบี่สัมฤทธิ์โบราณถูกกระแทกจนไปหมุนคว้างลอยไปอยู่อีกด้าน!
“สวัสดีสิงโตน้อย”
เผชิญกับการบุกจู่โจมของสุวรรณสิงห์เก้าหัว ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กลับไม่แตกตื่นแม้แต่น้อย
เขาคลี่ยิ้ม เทียบกับหัวสิงห์อันมโหฬารของสุวรรณสิงห์เก้าหัวแล้ว กำปั้นที่เล็กจิ๋วจนไม่ควรค่าให้พูดถึงกลับแฝงไว้ซึ่งพลังแกร่งกล้า เขาต่อยโดนกลางกระหม่อมของสุวรรณสิงห์เก้าหัวตัวนั้นเข้าอย่างจัง!
ตู้ม!
สุวรรณสิงห์เก้าหัวประหนึ่งถูกค้อนเทวะกระแทกใส่ ร่างของมันกระเด็นออกไปทันที ศีรษะที่โดนต่อยระเบิดออกในบัดดล เลือดสาดกระเซ็นไปทุกหนแห่ง!
ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์และสัตว์อสูรอื่น ๆ พากันบุกเข้ามา ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนประหนึ่งเทพสงครามผู้ไร้พ่าย เขาเข้าต่อสู้ห้ำหั่น แม้ด้อยจำนวนกระนั้นก็ยังเป็นผู้กุมชัยในท้ายที่สุด
ร่างกายของเขาส่องแสงแวววาว มันเป็นประกายจากกายเนื้อ บ่งบอกว่ากายเนื้อของเขาอยู่ในระดับขั้นที่แข็งแกร่งจนน่าทึ่ง!
พรวด พรวด พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนที่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังทั้งหลาย หรือสัตว์อสูรที่มีพลังสายเลือดน่าทึ่ง เนื้อกายทรงพลังเหลือแสน ทว่าล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเลยสักตน ทั้งหมดแพ้พ่ายย่อยยับลงไปกองกับพื้น ซ้ำยังต่างมีบาดแผลกระจายทั่วทั้งตัว!
“เจ้ามิใช่ร่างวัชระ เจ้ามีร่างทองอมตะ!”
“จุดลับทั้งห้าของมนุษย์เปล่งประกาย เจ้า…เจ้าเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ด้วยหรือ!?”
บรรดาผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรต่างมีสีหน้าหวาดผวา ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออก!
อย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์จะทรงพลังถึงเพียงนี้ ถึงขั้นฝึกฝนจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะ ซ้ำยังเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์แล้ว!
เรื่องนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก!
ต้องทราบว่า ต่อให้เป็นยุคโบราณก็มีคนเพียงหยิบมือที่สำเร็จร่างทองอมตะ!
ส่วนจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ยิ่งถือเป็นขอบเขตกายาในตำนาน นับตั้งแต่อดีตมีผู้ฝึกตนไม่กี่คนที่เปิดจุดลับได้!
“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีสีหน้าราบเรียบ อาภรณ์สะอาดสะอ้านไม่เปื้อนฝุ่น ราวกับไม่เคยผ่านศึกมาก่อน
ร่างทองอมตะบวกกับเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ ทำให้เขาแข็งแกร่งเกินไป มิหนำซ้ำในแดนลับแห่งนี้ยังใช้พลังเต๋าและกฎไม่ได้ การดำรงอยู่เช่นนี้อาจเรียกได้ว่าเขาคือพระเจ้าผู้ตัดสินอย่างแท้จริง!
ต่อให้มีผู้ฝึกตนนำอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เข้ามาแล้วอย่างไร สุดท้ายก็มิอาจทำอันใดเขาได้เลย!
หลังจากนั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ใช้แส้ยาวจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เส้นนั้นมัดผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรเข้าด้วยกัน
เขาต้องการใช้ผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรเหล่านี้ไปเจรจากับกลุ่มอำนาจลับข้างนอก!
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้าเข้าไปในแดนลับ
ภายในแดนลับว่างเปล่า เป็นเพราะพลังแห่งกาลเวลาในแดนลับแห่งนี้แข็งแกร่งสยดสยองเกินไป แม้กระทั่งกฎแห่งสวรรค์และโลกยังถูกรบกวนอย่างรุนแรง จนภายในนี้ยากจะมีพืชหรือสัตว์ดำรงชีวิตอยู่ได้
ยิ่งลึกเข้าไป พลังแห่งกาลเวลาก็ยิ่งรุนแรง แรงกดดันที่เขาสัมผัสก็ยิ่งหนักหน่วง!
“มิน่าเล่า คราวก่อนกลุ่มอำนาจลับพวกนั้นถึงไม่ได้สิ่งใดกลับไปเลย เป็นเพราะที่นี่น่ากลัวเกินไป แม้กระทั่งข้ายังยากจะรับไม่ไหว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างอดไม่ได้
เขามีร่างทองอมตะบวกกับจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ เนื้อกายอยู่ในขอบเขตสุดยอดอย่างแน่นอน ทว่ายังไม่ทันได้พบเจอสมบัติใด ๆ เขาก็เริ่มลำบากเสียแล้ว แถมกายเเนื้อยังมีแนวโน้มจะแหลกออก!
น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถอยู่รอดจนถึงท้ายสุดหรือเปล่า…
“ไป!”
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ลังเล ออกเดินลึกเข้าไปต่อ
ท่านเซียนปูทางไว้ให้เขาแล้ว เพื่อให้เขานำตู้เย็นกลับไป ไฉนเลยเขาจะยอมทำให้ท่านเซียนผิดหวัง กลับไปมือเปล่า?
เขาทำไม่ได้!
แต่ละก้าวที่เขาย่างกรายล้วนลำบากเหลือแสน ผิวกายของเขาเริ่มมีรอยร้าวเล็ก ๆ แนวโน้มที่ร่างกายเขาจะแหลกลาญยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กัดฟันทน เริ่มเปล่งพลังร่างทองอมตะ จากนั้นรอยร้าวก็สมานกลับมาเป็นดังเดิม!
ร่างทองอมตะมีพลังรักษาตัวเองอย่างน่าทึ่ง มิฉะนั้นคงไม่ถูกเรียกว่าร่างทองอมตะ
“เจอสมบัติแล้ว!”
ดวงตาเขาเป็นประกายเมื่อมองเห็นผลึกวาววับลูกแล้วลูกเล่า ซ้ำแล้วภายในนั้นยังมีพลังเวลาอันแรงกล้าไหลเวียนอยู่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือผลึกที่หล่อหลอมขึ้นจากพลังเวลาอันแรงกล้า มูลค่าของมันย่อมมิอาจประเมินได้ หากใช้เป็นอาวุธ นับว่ามีพลังพิฆาตใหญ่หลวงอย่างแน่นอน!
พลังเวลารุนแรงเพียงนี้ หากควบคุมได้เมื่อใด ย่อมสามารถควบคุมเวลาได้เป็นช่วงสั้น ๆ
ระหว่างการต่อสู้ สิ่งนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อศัตรูอย่างไม่ต้องสงสัย!
การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนไม่เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างปุถุชน การควบคุมเวลาได้ในช่วงสั้น ๆ สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้แน่นอน!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเก็บผลึกเหล่านี้มาทั้งหมด ก่อนจะเดินหน้าต่อ
“นี่มัน…!”
หลังจากเดินทางต่อไปอีกระยะ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก พลังเวลาในนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าเวลากำลังไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
เร็วเกินไปจริง ๆ พริบตาเดียวก็หมดไปแล้วร้อยปี!
ให้ตายสิ อายุขัยอันน้อยนิดของเขายังไม่พอให้เขาได้ก้าวเดินในนี้เลย!