รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 149 บุตรสวรรค์ผู้เย่อหยิ่งเมื่อหกปีที่แล้วได้กลับมาแล้ว!

บทที่ 149 บุตรสวรรค์ผู้เย่อหยิ่งเมื่อหกปีที่แล้วได้กลับมาแล้ว!

บทที่ 149 บุตรสวรรค์ผู้เย่อหยิ่งเมื่อหกปีที่แล้วได้กลับมาแล้ว!

ยอดฝีมือนิกายอวี้ซวียังคงไม่ตอบ

จะทำอะไรอูเหิงไม่ได้เด็ดขาด

แต่จะให้พวกเขาส่งศิษย์หญิงของนิกายไปเช่นนี้ พวกเขาก็ทำไม่ได้จริง ๆ

ทำเช่นนั้นมันจักไร้หัวใจเกินไปแล้ว!

“ดีมาก! ข้าชอบพวกคนซื่อสัตย์เสียจริง…”

แทนที่จะโกรธ อูเหิงกลับหัวเราะออกมา

แต่ทุกคนสามารถบอกได้ว่านี่เป็นการประชดประชันของอูเหิง

สีหน้าของยอดฝีมือนิกายอวี้ซวีทั้งหมดเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ ท่าทีของศิษย์นิกายอวี้ซวีคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน

ผลของความโกรธของอูเหิงนั้น…ร้ายแรงยิ่ง!

ฉินซินมองไปที่สือเฟิง จากนั้นจึงมองไปที่ผู้อาวุโสนิกายอวี้ซวีและศิษย์คนอื่น ๆ

นางรู้ว่าถ้านางไม่ไปกับอูเหิง สือเฟิง รวมถึงยอดฝีมือและศิษย์ของนิกายอวี้ซวีจะไม่สามารถรอดชีวิตไปได้…

นางรู้สึกเสียใจยิ่งนัก

ถ้านางรู้ว่านางจะได้พบกับราชานรกที่มีชีวิต อูเหิง นางคงไม่ส่งสัญญาณออกไป แต่ตอนนี้สือเฟิงและยอดฝีมือจากนิกายอวี้ซวีถูกลากมาเกี่ยวข้องแล้ว

“ข้า…จะไปกับเจ้า”

นางกล่าวเสียงเบาด้วยท่าทางอ้างว้าง

ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว…

ผลที่ตามมาจากการต่อสู้กับอูเหิงจนถึงจุดสิ้นสุด หาใช่สิ่งที่นางและนิกายอวี้ซวีจะรับไหวได้

นิกายอวี้ซวีมีบุญคุณที่สั่งสอนนางมา นางไม่สามารถปล่อยให้นิกายอวี้ซวีถูกลากมาเกี่ยวข้องเพราะนางได้…

หญิงสาวมองไปที่สือเฟิงอีกครั้ง…

นี่คือคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของนาง และนางไม่อาจปล่อยให้สือเฟิงตายตกที่นี่ได้

ทุกคนในโลกนี้ต้องการเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าโลกแห่งการฝึกฝนนั้นโหดร้ายเกินไป มันโหดร้ายยิ่งกว่าโลกแห่งปุถุชนมากนัก…

ผู้แข็งแกร่งสามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการและผู้อ่อนแอทำได้เพียงรอถูกเชือดเท่านั้น

สีหน้าของอูเหิงสงบยิ่งและไม่มีความผันผวนใด ๆ

ทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่เขาคาดไว้

นิกายอวี้ซวีซึ่งเป็นกองกำลังระดับสองจะกล้ายั่วยุเผ่าของเขาได้อย่างไร?

ย่อมไม่มีทาง

ในท้ายที่สุด ฉินซินก็สูดหายใจเข้าลึก และเดินเข้าไปหาอูเหิงอย่างเด็ดเดี่ยว

ทว่าขณะที่นางก้าวออกไปกลับมีใครบางคนคว้าแขนนางไว้

ฉินซินหันกลับมา ก่อนจะเห็นสือเฟิงมองนางด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่น

เป็นสือเฟิงที่คว้าแขนของนางไว้

นางอึ้งไปเล็กน้อย…

รอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นบนใบหน้าของสือเฟิงทำให้นางรู้สึกถึงความคุ้นเคยที่หายจากไปนาน

นี่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สือเฟิงฝืนทำ แต่เป็นรอยยิ้มจากหัวใจ!

เมื่อหกปีที่แล้ว สือเฟิงก็มีรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นจากหัวใจเช่นนี้!

“ศิษย์พี่หญิง นิกายอวี้ซวีไม่จำเป็นต้องเสียสละศิษย์พี่หญิง…”

สือเฟิงดึงฉินซินมาไว้ข้างหลังเขา ก่อนเด็กหนุ่มจะหันไปมองอูเหิงและพูดว่า “นี่หาใช่ภาคกลาง แต่เป็นแดนบูรพาทิศ ดังนั้นเจ้าไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้! พวกคนที่โดนกวาดล้างในแดนบูรพาทิศเหล่านั้นยังไม่ได้เตือนสติเจ้าอีกหรือ!”

เผ่าอู ชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาแต่โบราณ

เป็นความจริงที่นิกายอวี้ซวีเทียบอีกฝ่ายไม่ได้

แต่นั่นคือก่อนที่เขาจะรู้ต้นกำเนิดเบื้องลึกของนิกายอวี้ซวี!

นิกายอวี้ซวีเกี่ยวข้องกับวังอวี้ซวีในภพเซียน!

อีกทั้งท่านเซียนเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวังอวี้ซวีในภพเซียน!

ในอนาคตนิกายอวี้ซวีถูกกำหนดให้ผงาดขึ้น และมันยังห่างไกลกว่าที่เผ่าอูจะเทียบเคียงได้!

ใบหน้าของอูเหิงกลายเป็นมืดมน

ศิษย์ตัวเล็ก ๆ ของนิกายอวี้ซวีกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ที่นี่เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด!”

เขาตะคอกอย่างเย็นชาแล้วฟาดฝ่ามือพุ่งผ่านอากาศไป พลังปราณอันทรงพลังพวยพุ่งขึ้นสู่เวหา และแสงสว่างที่ลุกโชนก็พุ่งออกมาตามกัน!

“สือเฟิง!”

สีหน้าของผู้อาวุโสนิกายและศิษย์ของนิกายอวี้ซวีเปลี่ยนไปทันที สีหน้าพวกเขาต่างซีดเซียวและไร้สีเลือด

ฝ่ามือนี้ทรงพลังอย่างมาก พลังปราณที่พุ่งเข้ามานั้นอยู่ในขอบเขตผันอนันต์ ขณะที่สือเฟิงติดอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณเท่านั้น แล้วเขาจะปิดกั้นฝ่ามือของอูเหิงได้อย่างไร!?

ขอบเขตประสานวิญญาณ ขอบเขตกงล้อชะตา ขอบเขตสุญญตา ขอบเขตนิพพาน ขอบเขตผันอนันต์!

นี่เป็นความแตกต่างมากถึงสี่ขอบเขต!

“สือเฟิง…!”

ใบหน้าที่บอบบางของฉินซินก็ซีดเผือดมากเช่นกัน

โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น นางต้องการพุ่งผ่านสือเฟิงออกไปขวางด้านหน้า โดยพยายามขัดขวางฝ่ามือแทนสือเฟิง!

แต่สือเฟิงกลับเคลื่อนไหวในตอนนี้!

ตู้ม!

ผิวกายของสือเฟิงกระเพื่อมไปด้วยปราณหยินและหยาง ซึ่งเขาตบออกไปด้วยฝ่ามือเดียว ปราณหยินและหยางที่รวมตัวกันก็ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งมากออกไป!

การโจมตีของอูเหิงถูกทำลายลงทันที!

เป็นปราณหยินและหยางที่รวมตัวกันพุ่งโจมตีเข้าใส่ร่างของอูเหิงอย่างรวดเร็ว!

อูเหิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อโดนพลังนั้นเข้า ร่างของเขาก็ตีลังการกลับหัวกลับหางตกจากสัตว์ร้ายสีทอง กระแทกเข้ากับต้นไม้สูงตระหง่านอย่างแรง!

ไม่นานนักอูเหิงก็ถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือด ซ้ำแล้วกระดูกสันหลังของเขายังหักด้วย!

เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าในหมู่ศิษย์ของนิกายอวี้ซวีจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าฉินซินอยู่!

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้เตรียมตัวและถูกโจมตีโดยตรง!

“สือเฟิง?”

“ขอบเขตนิพพาน!?”

ผู้อาวุโสนิกายอวี้ซวีและบรรดาศิษย์ต่างมองไปที่สือเฟิงราวกับเห็นผี ปากของพวกเขาอ้ากว้างค้างอยู่อย่างนั้น!

ใบหน้าที่งดงามของฉินซินเองก็เต็มไปด้วยความตกใจ นางคาดไม่ถึงเช่นกัน!

“ฝ่าอุปสรรคไปได้แล้ว!”

“ฮ่า ๆ!”

หลังจากนั้น ทั้งผู้อาวุโสนิกายอวี้ซวีและศิษย์ของเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ผ่านไปหกปี ในที่สุดสือเฟิงก็บรรลุขอบเขตใหม่ได้แล้ว!

อีกทั้งสือเฟิงในตอนนี้ยังนับว่าน่าตื่นตะลึงเสียยิ่งกว่าเมื่อหกปีที่แล้ว!

ก่อนที่จะมาถึงแดนบูรพาทิศ สือเฟิงยังไม่ได้ทะลวงผ่าน แต่หลังจากมาถึงแดนบูรพาทิศเพียงไม่กี่วัน สือเฟิงก็ทะลวงผ่านจากขอบเขตประสานวิญญาณไปยังขอบเขตนิพพาน!

หาใช่ความน่าทึ่งอีกต่อไป แต่เป็นความน่ากลัวอย่างแท้จริง!

ความเร็วนี้มันรวดเร็วเกินไป!

พวกเขาเองก็สัมผัสได้ถึงสภาพปัจจุบันของสือเฟิงผ่านการโจมตีเมื่อครู่

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่เป็นไร!”

ฉินซินร้องไห้ออกมา ความตื่นเต้นในใจของนางนั้นไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้

ในช่วงหกปีที่ผ่านมา นางหวังยิ่งกว่าผู้ใดว่าสือเฟิงจะสามารถฟื้นตัวได้!

“บังอาจ!”

“รนหาที่ตาย!”

คนรับใช้สองคนของอูเหิงตะโกนอย่างเย็นชาและคว้าตัวสือเฟิงทันที!

สมาชิกที่ทรงพลังของนิกายอวี้ซวีพากันโจมตีและสกัดคนรับใช้สองคนของอูเหิงไว้

ทว่าผู้รับใช้เฒ่าสองคนนี้มีพลังมากจนยอดฝีมือของนิกายอวี้ซวีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย เพียงพริบตา ยอดฝีมือนิกายอวี้ซวีเหล่านี้ก็ถูกซัดออกไป!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

จู่ ๆ แสงอันสว่างไสวอย่างไม่มีที่สุดก็เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของสือเฟิง ก่อนที่ภาพวาดสองภาพจะลอยออกมา หนึ่งในภาพนั้นคือสตรีรูปงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้แฝงด้วยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดของสุริยัน!

อีกหนึ่งคือภาพรูปร่างเสมือนเทพเจ้าผู้ผ่าเผยและสง่างาม ซ้ำยังมีเสียงอสนีบาตอย่างต่อเนื่องและพลังที่ไร้จุดสิ้นสุดของอนธการ!

พลังทั้งสองพุ่งออกมา ความน่าสะพรึงกลัวนั้นท่วมท้น ความว่างเปล่าเริ่มบิดเบี้ยว สีสันของท้องฟ้าและโลกก็เปลี่ยนไป!

“ไม่!”

คนรับใช้สองคนกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและวิ่งหนีไปอย่างสิ้นหวัง

แต่ทั้งหมดนี้ไร้ประโยชน์!

คนรับใช้เฒ่าทั้งสองถูกปกคลุมด้วยแสง ณ จุดนั้น และในฉับพลันคนรับใช้เฒ่าทั้งสองคนก็ระเหยหายไป ณ ที่แห่งนั้น ทั้งสองถูกฆ่าตายอย่างสมบูรณ์ ไม่หลงเหลือแม้แต่เลือดสักหยด!

“นี่มันภาพวาดอันใดกัน!”

ผู้อาวุโสนิกายอวี้ซวีและเหล่าศิษย์ต่างพากันอ้าปากค้าง หนังศีรษะของพวกเขารู้สึกชาหนึบ

สวรรค์!

มันจักน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ยอดฝีมือเฒ่าทั้งสองอยู่ในขอบเขตครองนภาถูกฆ่าตายในทันที ซ้ำยังมลายหายไปโดยสมบูรณ์ สิ่งนี้ทำให้ความรู้ความเข้าใจของพวกเขาพลิกคว่ำ กระทั่งทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ!

ภาพวาดสองภาพนี้ นอกจากพลังหยินและหยางแล้ว ยังมีจังหวะแห่งวิถีสวรรค์ที่เหนือชั้นยิ่งกว่า ราวกับว่าทั้งสองชิ้นเป็นผลงานของเทพเซียน!

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจมากกว่าเดิม ซึ่งพวกเขาก็อดที่จะคุกเข่าลงเพื่อบูชาไม่ได้!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

อูเหิงตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่วิชาศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณโดยเผ่าอูของพวกเขาก็เทียบไม่ได้กับจังหวะแห่งวิถีสวรรค์บนภาพวาดทั้งสอง!

เทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!

จังหวะแห่งวิถีสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่บนภาพวาดทั้งสองนั้นเปรียบเสมือนสุริยันที่เจิดจ้าในสวรรค์ชั้นเก้า วิชาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอื่น ๆ เป็นไม่ได้แม้แต่แสงหิ่งห้อยต่อหน้าจังหวะแห่งวิถีสวรรค์ดังกล่าว!

ต้องเป็นตัวตนไร้เทียมทานเพียงใดถึงสามารถวาดสิ่งนี้ได้!

เขาหวาดกลัวจนแทบเสียสติแล้ว…!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท