นี่เป็นครั้งแรกที่จูฮุ่ยเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนักเขียนนิยายแนวแฟนตาซีเยาวชน ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าฉู่ขวงเป็นนักเขียนนิยายไร้รสนิยมอย่างพวกที่เขียนฮาเร็มไร้สมองนั่น
ตอนนี้ดูแล้วเห็นไม่ใช่แบบนั้น
เรื่องโฉมงามประดิษฐ์นี้เขียนได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแค่สองสามพันตัวอักษรสั้นๆ ก็สามารถทำให้ตนอ่านจนตะลึงไปได้ จากเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าฉู่ขวงมีความสามารถในการเขียนสูงมาก!
เมื่อเปิดดูคอมเมนต์ จูฮุ่ยก็พบว่าไม่ได้มีแค่ตนเองที่ตกใจ มีคอมเมนต์มากมายที่แสดงความคิดเห็นคล้ายคลึงกับสิ่งที่จูฮุ่ยคิด
‘เรื่องนี้สนุกมาก!’
‘ฉู่ขวงเขียนเรื่องนี้จริงเหรอ’
‘ฉู่ขวงไม่ได้เป็นนักเขียนแนวแฟนตาซีเยาวชนหรอกเหรอ’
‘ตอนแรกกะว่าจะมาทวงปรินซ์ออฟเทนนิส นึกไม่ถึงว่าจะถูกนิยายสั้นของฉู่ขวงตกซะแล้ว นิยายสั้นเรื่องนี้ไม่แฟนตาซีเยาวชนเลยสักนิด แต่ว่าตื่นเต้นมาก’
‘ชอบสไตล์นี้มาก!’
‘ในเรื่องไม่ค่อยได้แสดงความรู้สึกของนักเขียนสักเท่าไหร่ เป็นบทบรรยายล้วนๆ แต่ตอนจบไม่จำเป็นต้องใช้อารมณ์เกินจริงใดๆ เลย แต่กลับทำให้ตกใจจนมึนไปหมด’
‘พล็อตทวิสต์อย่างเทพ’
‘ฉันวิเคราะห์มากเกินไปหรือเปล่า รู้สึกว่าบทความนี้เสียดสีปรากฏการณ์หลายอย่างในสังคม ก่อนหน้านี้ในข่าวไม่ได้บอกหรอกเหรอว่ามีหุ่นยนต์ที่เลียนแบบรูปร่างหน้าตามนุษย์ได้เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าคิดตามนิยายเรื่องนี้ก็น่ากลัวมากอยู่นะ’
‘พอดูแล้วไม่ใช่ภาคแยกของปรินซ์ออฟเทนนิสก็ผิดหวังมาก แต่พออ่านเรื่องสั้นจบเท่านั้นแหละ รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไปแล้วจ้า’
‘คอมเมนต์บน คุณไม่ใช่คนเดียว’
‘หยุด คุณไม่ใช่คนเดียวหรอก’
‘…’
นอกจากคอมเมนต์แล้ว ก็ยังได้รับการกดถูกใจและกดแชร์ต่อด้วย
ในปู้ลั่วมีฟังก์ชันกดถูกใจ
ผู้อ่านในเซกชันนิยายเมื่อเจอผลงานที่ชื่นชอบ ก็สามารถกดถูกใจผลงานได้ สุดท้ายแล้วนักเขียนก็จะได้ส่วนแบ่ง
และจากการแชร์ของหลายคน บางคนเป็นถึงคนที่ผ่านมาโดยที่ไม่รู้จักฉู่ขวง ก็สังเกตเห็นเรื่องสั้นเรื่องโฉมงามประดิษฐ์นี้
ต้องบอกเลยว่าคำว่า ‘โฉมงามประดิษฐ์’ นี้มีกิมมิกมากทีเดียว
ทันทีที่ผู้อ่านได้ยิน ก็อาจนึกโยงไปว่านักเขียนกำลังเสียดสีการทำศัลยกรรมในสังคมอยู่?
โดยเฉพาะคำว่า ‘โฉมงาม’ ซึ่งนำพาแรงดึงดูดมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับชาวเน็ตผู้ชาย!
ดังนั้นผู้คนจำนวนมากจึงลองกดเข้าไปอ่านนิยายเรื่องนี้จนจบ
นี่ก็คือข้อดีของเรื่องสั้น
เอาเถอะ
ถึงแม้จะต่างจากที่จินตนาการไว้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อทัศนคติของผู้คนต่อนิยายเรื่องนี้เลย แม้แต่บล็อกเกอร์แนะนำหนังสือโดยเฉพาะในปู้ลั่วก็ยังสังเกตเห็นเรื่องสั้นเรื่องโฉมงามประดิษฐ์นี้ แถมยังกดแชร์อีกด้วย
‘ช็อก!’
หนึ่งในบล็อกเกอร์คนหนึ่งก็เห็นได้ชัดว่าไปเหยียบหลุมพรางดักนักอ่านเช่นกัน ‘ใครจะไปเชื่อว่านี่เป็นนิยายสั้นของฉู่ขวง นักเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสล่ะ’
วิธีการอาจจะน่าละอายไปหน่อยแต่ได้ผลชะงัด
ฉู่ขวงเดิมทีมีชื่อเสียงในฐานะนักเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสอยู่เป็นทุนเดิม
เมื่อบวกกับการโปรโมตของบรรดานักอ่าน นิยายสั้นๆ อย่างโฉมงามประดิษฐ์ก็ยังคงร้อนแรงมาก
จนท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ผู้รับผิดชอบเซกชันนิยายของปู้ลั่วก็ยังสังเกตเห็น
“หัวหน้า นิยายสั้นเรื่องนี้พุ่งเร็วมาก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พนักงานใต้บังคับบัญชารายงาน ผู้รับผิดชอบเซกชันนิยายของปู้ลั่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉู่ขวงเหมือนจะเป็นนักเขียนนิยายแนวแฟนตาซีเยาวชนที่ค่อนข้างดังเรื่องนั้น นักเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส?”
“ครับ”
ผู้รับผิดชอบพยักหน้า เขาอ่านโฉมงามประดิษฐ์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มจะวาดผ่านใบหน้า “เรื่องนี้เขียนได้ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ดันไปในประเภทนิยายฮ็อตฮิตในเซกชันนิยายแล้วกัน”
……
หลินเยวียนกินข้าวเสร็จ ก็ลงไปเดินเล่นข้างล่างกับครอบครัว กว่าเขาจะกลับมาล็อกอินเข้าบัญชีปู้ลั่ว ก็ย่างเข้าวันถัดมาแล้ว
ในวันนี้เป็นวันตรุษจีน
ทุกครอบครัวล้วนแต่ครึกครึ้น
ครอบครัวของหลินเยวียนเองก็ครึกครื้นเหมือนกัน ทว่าหลินเยวียนอยู่ข้างนอกได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับเข้ามาเปิดคอมพิวเตอร์ที่ห้องแล้ว
“เอ๊ะ?”
หลินเยวียนพบว่าเพิ่งจะตกเย็น คอมเมนต์หลังบ้านในปู้ลั่วของตนมีข้อความเพิ่มมากว่าหมื่นข้อความแล้ว
ข้อความเหล่านี้แทบจะเกี่ยวข้องกับโฉมงามประดิษฐ์ทั้งนั้น
และเรื่องโฉมงามประดิษฐ์ที่ตนกดโพสต์ลงไปเมื่อวาน ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาสี่หมื่นคอมเมนต์ และอีกหมื่นกว่ารีโพสต์
นอกจากนั้นแล้ว
แฟนคลับในบัญชีนี้ของฉู่ขวงก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งหมื่นเป็นสองหมื่นได้สำเร็จ
ในตอนนั้น
โทรศัพท์มือถือของหลินเยวียนก็ดังขึ้น
เขาหยิบขึ้นดู เมื่อเป็นเบอร์แปลกจึงกดวางสาย
ผ่านไปชั่วครู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
หลินเยวียนกดตัดสายอีกครั้ง
ครั้งที่สามก็ยังดังขึ้นอีก เป็นสายเดิมกับก่อนหน้านี้ หลินเยวียนทำได้เพียงหยิบขึ้นมารับสาย
อีกฝ่ายกล่าวกลั้วหัวเราะ “สวัสดีปีใหม่”
หลินเยวียนตอบ “ผมไม่ได้ชื่อปีใหม่ครับ”
ปลายสายชะงักไปนาน ก่อนจะเปลี่ยนคำพูด “สวัสดีครับอาจารย์ฉู่ขวง”
ที่แท้ก็โทรมาหาฉู่ขวง
เบอร์แปลกพรรค์นี้ ถ้าไม่ได้เป็นพวกโฆษณาขายของ หลินเยวียนต้องมั่นใจก่อนว่าอีกฝ่ายโทรมาหาเซี่ยนอวี๋ หรือฉู่ขวง หรือหลินเยวียน ขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างยิ่ง
หลินเยวียนถาม “มีอะไรเหรอครับ”
ผู้ชายปลายสายหัวเราะ “แนะนำตัวก่อนแล้วกัน โหยวหรง หัวหน้าบ.ก.นิตยสาร ‘อ่านสนุก’ ของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูครับ วันนี้โทรมารบกวนเพราะอยากปรึกษาเรื่องการร่วมงานน่ะครับ”
หลินเยวียนเอ่ยถาม “ร่วมงานอะไรเหรอครับ”
อีกฝ่ายตอบอย่างจริงจัง “เมื่อวานเห็นคุณโพสต์นิยายลงในปู้ลั่ว ผมแอบรู้สึกเสียดายอยู่นิดหน่อย นิยายที่เยี่ยมยอดแบบนี้คุณสามารถนำมาลงรวมเล่มในนิตยสารอ่านสนุกของพวกเราได้นะครับ เพราะนิตยสารของพวกเราตีพิมพ์นิยายสั้นเป็นหลัก เน้นความน่าสนใจ เพราะฉะนั้นเลยไม่จำกัดประเภทนิยาย แล้วก็ยอดขายใช้ได้ทีเดียว นอกจากนั้นแล้วปู้ลั่วไม่ให้ค่าต้นฉบับกับคุณ แต่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูของพวกเรายินดีจ่ายนะครับ!”
“เท่าไหร่ครับ”
คำพูดนี้โดนใจหลินเยวียนเข้าพอดิบพอดี เขาเป็นคนขาดแคลนเงิน แม้ว่าเงินเดือนของเดือนนี้จะเข้ามาแล้ว แต่เงินที่เขาจะใช้ซื้อบ้านนั้นกลับไม่พอ
“หนึ่งพันตัวอักษรสามพันหยวน!”
อีกฝ่ายเสนอราคา “หนึ่งพันตัวอักษรสามพันหยวนครับ พวกเราสามารถตกลงสัญญาตามราคานี้ แน่นอนว่าเงื่อนไขคือผลงานของคุณต้องผ่านการตรวจสอบของพวกเราก่อน”
หลินเยวียนขมวดคิ้ว “น้อยเกินไปครับ”
เขาลองคำนวณดูคร่าวๆ เผยแพร่โฉมงามประดิษฐ์ในปู้ลั่ว เงินที่ได้รวมๆ กันแล้วก็หลายพันหยวน อีกทั้งยังทำเวลาได้ดีกว่าด้วย คนอ่านอ่านจบแล้วก็ให้ฟีดแบ็กได้เลย ค่าความโด่งดังก็จะเข้ามาในบัญชีได้ทันที
“คุณเรียกเท่าไหร่ครับ”
ปลายสายโยนหินถามทางมาแล้ว
หลินเยวียนกลัวคำถามประเภทนี้ที่สุด แต่เขาก็ยังบ่ายเบี่ยงต่อไปได้ “ผมส่งนิยายให้คุณหนึ่งตอน แล้วค่อยคุยกันเรื่องราคา ถ้าผมคิดว่าราคาไม่เหมาะสมก็ขอผ่านนะครับ”
“ได้ครับ อีเมลของผมคือ…”
“ผมส่งไปให้แล้วครับ”
“หา? คุณยังไม่รู้อีเมลของผมเลย…”
“คุณไม่ได้อยู่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูเหรอครับ ผมส่งเข้าอีเมลของหยางเฟิงไปแล้ว พวกคุณเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไปตามต้นฉบับจากเขาก็ได้นี่ครับ”
“แต่ว่า…หน่วยงานของพวกเราไม่ได้…”
อีกฝ่ายถึงกับมึนงง น้ำเสียงสับสนอย่างเห็นได้ชัด
หลินเยวียนกล่าว “งั้นผมวางแล้วนะครับ สวัสดีครับ”
แล้วหลินเยวียนก็วางสายไปจริงๆ
ที่สำคัญคือวันตรุษจีนมาถึงแล้ว อาหารในวันนี้พรั่งพร้อมกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเสียอีก ถ้าไม่รีบออกไปแล้วพี่กินอาหารหมดจะทำยังไง
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
บรรณาธิการหยางเฟิงก็ได้รับต้นฉบับชิ้นหนึ่ง เป็นนิยายขนาดสั้นที่ฉู่ขวงส่งมา มีชื่อเรื่องว่า ‘ของขวัญแห่งเมไจ’
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
สมองของหยางเฟิงมีเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด
……………………………………….