สำหรับนักอ่านแล้ว การจบของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสนั้นไม่กะทันหัน เพราะในตอนจบของเล่มที่สี่ซึ่งวางขายในเดือนเมษายน แผนกบรรณาธิการก็ประกาศเรื่องที่ว่านิยายเรื่องนี้กำลังจะจบไปล่วงหน้าแล้ว ต่อให้บรรดานักอ่านจะยังตัดใจไม่ลงก็ตามแต่
ทุกคนกำลังอ่านกันอย่างได้อรรถรสอยู่เลย
แล้วมาบอกว่าหนังสือกำลังจะจบเนี่ยนะ?
นิยายขายดีแบบนี้ โดยทั่วไปมักจะเขียนสักสองสามล้านตัวอักษรขึ้นไป เพราะฉะนั้นแล้วถึงแม้นักอ่านจะไม่ได้รู้สึกว่าปุบปับ แต่ก็ยังไม่คุ้นชินนัก ความไม่คุ้นชินนี้ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกทำใจไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม
ทว่าทำใจไม่ได้นี่สิถึงจะเป็นเรื่องปกติ
เพราะเรื่องราวของปรินซ์ออฟเทนนิสซึ่งเน้นเนื้อไม่มีน้ำนั้นเข้มข้นมาก ทุกฉบับนั้นเรียกได้ว่าพีคสุดๆ และในเล่มสุดท้ายนั้นเป็นการแข่งขันระดับประเทศชวนระทึกใจ นักกีฬาเทนนิสทีมโรงเรียนมัธยมชิงชุนกำลังต้อนรับการมาถึงของช่วงเวลาไคลแม็กซ์ที่สุดของพวกเขาในหนังสือ!
เนื้อเรื่องไม่ได้มีแนวโน้มเวิ่นเว้อออกทะเลเลย
นักเขียนจึงมีตอนจบอันสมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่ที่ฉู่ขวงได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดของปู้ลั่ว และกลายเป็นที่พูดถึงจากผู้ที่ชื่นชอบเรื่องสั้นอย่างเป็นวงกว้าง เขาก็เป็นที่พูดถึงจากผู้ที่ชื่นชอบนิยายแฟนตาซีเยาวชนเพราะเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเช่นกัน เวลาของทั้งสองอย่างนี้ห่างกันแค่เพียงวันเดียว
‘อ่านเล่มสุดท้ายจบรวดเดียวเลย!’
‘ถึงตอนจบจะสมบูรณ์แล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นตอนสุดท้ายของปรินซ์ออฟเทนนิสก็รู้สึกโหวงๆ ขึ้นมา อาจเป็นเพราะตัวละครในหนังสืออยู่กับฉันมาเกือบครึ่งปี เหมือนกับอยู่ๆ พวกเขาก็จากไปไกลอย่างนั้นเลย’
‘ทำใจอ่านเรื่องนี้จบไม่ได้เลย’
‘เล่มก่อนๆ ยืมเพื่อนมาอ่าน แต่วันนี้พอเห็นว่านิยายจบแล้ว เลยซื้อเล่มก่อนๆ หน้ามายกชุดเลย เพราะผมกะว่าจะเก็บนิยายเซ็ตนี้ขึ้นชั้น ไม่แน่อาจกลับมาอ่านใหม่’
‘ผู้บุกเบิกแนวการแข่งขันกีฬา’
‘ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนึงที่ฉันโดนนิยายแนวการแข่งขันกีฬาตกขนาดนี้ ถึงอ่านนิยายแล้วจะยังตีเทนนิสไม่ได้ แต่นี่ก็ไม่ได้มีผลกับความชอบของฉันต่อนิยายเรื่องนี้เลย’
‘…’
คอมเมนต์ของบรรดานักอ่านปรากฏบนเว็บบอร์ดแสดงความคิดเห็นในคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ปรากฏในกระทู้สนทนาเกี่ยวกับนิยายจำนวนมาก ปรากฏในโพสต์ใหม่ของบัญชีผู้ใช้จำนวนมากในปู้ลั่ว ถึงขั้นปรากฏในโมเมนต์[1]คนจำนวนมากอีกด้วย
นิยายเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก
มันไม่ได้เพียงมีอิทธิพลต่อนักอ่าน แต่ยังมีอิทธิพลต่อนักเขียนจำนวนมาก ก่อนที่ฉู่ขวงจะตีพิมพ์ปรินซ์ออฟเทนนิส การแข่งขันกีฬาเป็นประเภทนิยายที่ไม่เฉพาะกลุ่มจนเรียกได้ว่าร้างผู้คนเชียวละ ทว่าหลังจากที่นิยายเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ในตลาดก็ปรากฏนิยายแนวการแข่งขันกีฬาขึ้นมาอีกมาก
บ้างก็เขียนเกี่ยวกับบาสเกตบอล
บ้างก็เขียนเกี่ยวกับฟุตบอล
บ้างก็ถึงขั้นเขียนเกี่ยวกับกรีฑา
เรื่องที่โด่งดังที่สุดในนั้นมีชื่อว่า ‘สแลมดังก์’ นักเขียนถึงกับเป็นเฮ่อหมิงเซวียนซึ่งถูกฉู่ขวงเบียดตกอันดับในรายการซูเปอร์โนวา หลังจากได้อ่านนิยายของฉู่ขวง เฮ่อหมิงเซวียนก็ค้นพบแนวนิยายที่เหมาะสมกับตนเอง เขาก็ยังเขียนคำประกาศในปู้ลั่วของตนว่า ‘เป็นฉู่ขวงที่ชักนำให้ผมเดินเส้นทางสายนิยายแนวการแข่งขันกีฬานี้ เขาเป็นผู้บุกเบิกแนวนิยายเฉพาะกลุ่มของพวกเรา!’
นิยายแนวกการแข่งขันกีฬาก็ยังคงไม่เป็นที่นิยม
แต่ฉู่ขวงก็ทำให้เป็นประจักษ์แล้วว่านิยายแนวนี้ไม่ได้ไม่มีตลาด นิยายที่ยอดเยี่ยมต่อให้ใช้แนวการแข่งขันกีฬา ก็ทำให้ผู้อ่านควักกระเป๋าจ่ายอย่างว่าง่ายได้เช่นกัน ฉะนั้นแล้วถึงได้มีความสำเร็จของนักเขียนคนต่อๆ มา และนักเขียนที่เดินตามรอยฉู่ขวงแล้วประสบความสำเร็จ ในใจย่อมยกให้ฉู่ขวงเป็นแบบอย่างของนิยายแนวการแข่งขันกีฬา!
ในสายอาชีพ
ผู้คนจำนวนมากกำลังถกเถียงกันเรื่องการจบของเรื่องนี้ ในใจของทุกคนนั้นคล้ายคลึงกับบรรณาธิการคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ล้วนแต่รู้สึกว่าหลินเยวียนเป็นเด็กใหม่ที่ช่างเอาแต่ใจ ที่ถึงกับตัดจบหนังสือขายดีอย่างปรินซ์ออฟเทนนิสง่ายๆ แบบนี้!
‘เขาชอบเนื้อๆ ไม่ใส่น้ำเหรอ’
‘หนึ่งล้านตัวอักษรก็จบซะแล้ว’
‘คลังหนังสือซิลเวอร์บลูเองก็ต้องงงบ้างแหละ มีนักเขียนที่เอาแต่ใจแบบนี้ด้วย ทิ้งค่าต้นฉบับเดือนละตั้งกี่ล้านหยวน ตัดเรื่องจบดื้อๆ ถ้าเป็นฉันอย่างน้อยก็คงจะเขียนไปจนคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเลิกกิจการไปเลย’
‘ฉู่ขวงไม่ได้เขียนเรื่องสั้นหรอกเหรอ’
‘ฉันติดตามนิยายสั้นของฉู่ขวง รู้สึกว่าคนคนนี้น่ากลัวจริงๆ นะ นิยายสองประเภทก็คุมได้อยู่หมัด เรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่สายแข็งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในหลายปีนี้เลย’
‘เรื่องต่อไปก็พูดยากแล้ว’
‘พอฉู่ขวงปล่อยนิยายเรื่องใหม่แล้วผลลัพธ์สู้ปรินซ์ออฟเทนนิสไม่ได้ ไม่แน่เขาอาจนึกเสียใจที่จบเรื่องนี้เร็วเกินไปก็ได้ ถึงยังไงการแข่งขันกีฬาก็ไม่ใช่แนวที่อยู่ๆ ใครจะเขียนแล้วดังได้’
‘…’
บางคนเสียดาย บางคนทอดถอนใจ บางคนถึงกับลอบดีใจ โดยเฉพาะคู่แข่งของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูที่ดีอกดีใจยิ่งกว่าใคร ตัวอย่างเช่นหัวหน้าบรรณาธิการของสำนักพิมพ์เฟลอริช ในตอนนี้กำลังจิบเหล้าอย่างสบายใจเฉิบ
“คลังหนังสือซิลเวอร์บลูที่น่าสงสาร”
แค่นึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความดีใจอย่างอดไม่ได้ แน่นอนว่าการดีใจบนความทุกข์ของผู้อื่นนั้นไม่ได้เจาะจงไปที่ฉู่ขวง เขาไม่เคยเจอฉู่ขวงด้วยซ้ำ จะไปโกรธแค้นโดยที่ไม่รู้จักกันได้ยังไงล่ะ
อย่าว่าแต่โกรธแค้นเลย
หัวหน้าบรรณาธิการของเฟลอริชถึงขั้นอยากดึงตัวฉู่ขวงมา เขาที่คร่ำหวอดในสายงานมานานมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวมากพอ ย่อมรู้ว่าความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของฉู่ขวงนั้นไร้ซึ่งข้อกังขา ต่อให้หลังจากนี้เขาเขียนหนังสืออย่างปรินซ์ออฟเทนนิสออกมาไม่ได้แล้วก็ตาม ฝีมือในการเขียนเรื่องสั้นของเขาก็มากพอให้ทุกสำนักพิมพ์เล็งเห็นความสำคัญ
คนแบบนี้เฟลอริชก็ต้องการตัวเหมือนกัน!
และที่ตอนนี้เขาอารมณ์ดีขนาดนี้ ก็เป็นเพราะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของสำนักพิมพ์เฟลอริชล้วนๆ ในตอนนี้หมากของศัตรูหมายเลขหนึ่งเขียนนิยายขายดีเล่มหนึ่งจบ คิดๆ ดูแล้วคู่ปรับเก่าของตนคงจะหดหู่สินะ ถึงยังไงผลงานทำเงินของพวกเขาก็หายไปตั้งเรื่องหนึ่งเลย
ยอดขายไม่อาจบีบบังคับให้ได้มา
ผลงานใดที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานขายดี ก็ล้วนเป็นลูกรักของสำนักพิมพ์ทั้งนั้น ตั้งแต่หัวหน้าบรรณาธิการไปจนถึงบรรณาธิการธรรมดา ก็ล้วนกางปีกปกป้องเป็นอย่างดี ด้วยกลัวว่านิยายจะเกิดข้อผิดพลาด
เกิดข้อผิดพลาดอะไรน่ะเหรอ
ก็ตัวอย่างเช่นพล็อตเรื่องเริ่มบ้ง
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าพล็อตเรื่องบ้ง ก็คือพล็อตนิยายไม่เกิดปัญหาอะไร ยอดขายก็ไม่ได้แปรปรวนมาก แต่นักเขียนเลือกที่จะจบนิยายลง เหตุการณ์แบบนี้อันที่จริงก็ไม่ได้พบเห็นได้ยาก เพราะนักเขียนเขียนเรื่องหนึ่งมานาน ยากที่จะไม่เกิดความเหนื่อยล้า
พูดง่ายๆ ก็คือ เขียนจนเหนื่อยนั่นแหละ
ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ โดยทั่วไปต้องรอให้นิยายย่างเข้าสองถึงสามล้านตัวอักษรก่อนถึงจะเกิดขึ้น เหตุการณ์จำพวกหนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แถมเพิ่งจะเขียนไปหนึ่งล้านตัวอักษรก็เหนื่อยแล้วนี่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้น เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่นักเขียนจะทำเงินได้มากที่สุด
“สบายใจจัง”
หัวหน้าบรรณาธิการสำนักพิมพ์เฟลอริชจิบสุรา รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ และในขณะนั้นเอง หยางเฟิงก็ติดต่อฉู่ขวงไป เอ่ยถามด้วยความกระอักกระอ่วน ‘นิยายเรื่องต่อไปจะเริ่มเขียนเมื่อไหร่เหรอครับ’
‘ไม่รีบครับ’
ฉู่ขวงตอบกลับมาเช่นนี้
หยางเฟิงไม่เพียงไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับคำพูดนี้ แต่กลับรู้สึกดีใจอยู่บ้าง ไม่รีบก็หมายความว่าจะยังเขียนต่อไป ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าต่อไปฉู่ขวงจะเบนไปทางการผลิตนิยายสั้น ไม่เขียนนิยายเรื่องยาวซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วเปลืองแรงมากกว่า
ดีใจได้ชั่วประเดี๋ยว
หยางเฟิงก็นึกกังวลขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉู่ขวงเขียนนิยายแฟนตาซีเยาวชนต่อนั้นเป็นเรื่องดี แต่เขายังจะเขียนหนังสือขายดีระดับปรินซ์ออฟเทนนิสออกมาได้ไหม
ในขณะเดียวกัน
หลินเยวียนเองก็กำลังขบคิดอยู่ว่าจะสั่งระบบทำนิยายแบบไหนถึงจะเหมาะสม ปรินซ์ออฟเทนนิสจบเร็วเกินไป ระบบไม่เคยทำบัญชีครัวเรือนไม่รู้หรอกว่าค่าครองชีพแพงคืออะไร
……………………………………………..
[1] โมเมนต์ ในที่นี้หมายถึงโมเมนต์ในแอปพลิเคชันวีแช็ต