การประเมินประจำปีการศึกษาของปีสอง เพลงนี้ส่งผลต่อการคัดเลือกโควตานักศึกษาแลกเปลี่ยนในปีสาม ดังนั้นเพื่อนนักศึกษาทุกคนต่างก็มาหาหลินเยวียนพร้อมกันเพื่อให้ช่วยบรรเลงทำนองส่วนที่เป็นเปียโนให้
เพื่อนร่วมชั้นต้องอัดเพลง
หลินเยวียนก็ต้องอัดเพลง
ถึงยังไงเขาก็สนใจโควตานักศึกษาแลกเปลี่ยนในปีสามอยู่เหมือนกัน ถึงได้สั่งทำเพลงความฝันแรกจากระบบเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“หาคนจากสตาร์ไลท์มาอัดเพลง?”
เพลงนี้ต้องการคนมาขับร้อง
ถึงอย่างไรผู้ช่วยงานในสตาร์ไลท์ก็มีตั้งเยอะแยะ หลินเยวียนสามารถสุ่มเลือกมาได้
ทว่าจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ หลินเยวียนเปลี่ยนความคิด เพราะข้างกายเขามีคนหนึ่งที่เหมาะสมกับเพลงนี้มาก
ซย่าฝานเพื่อนรัก!
แม้ว่าทำแบบนี้ไปอาจทำให้ตัวตนถูกเปิดเผย แต่ในเมื่อซย่าฝานจะก้าวเดินบนเส้นทางการเป็นนักร้อง ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องรู้ ปิดบังต่อไปก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
ฉะนั้นแล้วเขาจึงติดต่อซย่าฝาน
เมื่อโทรศัพท์เสร็จ หลินเยวียนก็ครุ่นคิด ก่อนจะโทรเรียกเจี่ยนอี้มาด้วยซะเลย
ทั้งสามคนไปเจอกันที่โรงอาหารในช่วงเที่ยง
หลินเยวียนหยิบโน้ตเพลงความฝันแรกออกมาให้ซย่าฝาน
“เพลงที่นายเขียน?”
ซย่าฝานมองโน้ตเพลง ตกตะลึงไปชั่วขณะ
หลินเยวียนพยักหน้า แล้วส่งเดโมเพลงความฝันแรกเข้าโทรศัพท์ของซย่าฝาน
“ลองฟังดู”
“ได้”
หลินเยวียนเขียนเพลงได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
ถึงยังไงก็ย้ายไปเรียนที่สาขาการประพันธ์เพลงตั้งนานแล้ว
ซย่าฝานคิดว่าหลินเยวียนจะถามความเห็นตน จึงหยิบหูฟังบลูทูธออกมาสองข้าง กำลังจะสวมฟัง ขณะเดียวกันในใจก็คิดว่าต่อให้เพลงนี้ธรรมดา ตนก็ต้องให้กำลังใจหลินเยวียนสักหน่อย
“ฉันขอหนึ่งข้าง”
เจี่ยนอี้แย่งหูฟังบลูทูธจากซย่าฝานไปข้างหนึ่ง ใส่เข้าไปในหูของตน เขาสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับเพลงที่หลินเยวียนเขียนมาก
ฟังไปสองสามนาที
ซย่าฝานมองไปยังหลินเยวียนด้วยความตกตะลึงทันที
“ใช้ได้เลย หลินเยวียน เพลงนี้ไม่เลวเลย!”
เจี่ยนอี้อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องเพลง แต่เพลงเพราะหรือไม่เพราะเขาย่อมฟังออก
เพลงนี้ของหลินเยวียน ตั้งแต่เปิดมาประโยคแรก เขาก็รู้สึกว่าเพราะมากแล้ว!
“อื้ม”
หลินเยวียนไม่ได้สนใจเจี่ยนอี้
ซย่าฝานมองหลินเยวียนด้วยแววตาซับซ้อน “เรียนดนตรีมาตั้งหลายปี นายน่าจะรู้นะว่ามูลค่าของเพลงนี้สูงมาก…”
แน่นอนว่าเธออยากร้องเพลงนี้!
แต่เพลงนี้ยอดเยี่ยมเกินไป!
ถ้าให้นักร้องมืออาชีพที่เดบิวต์แล้วไปร้อง น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ถึงขั้นที่น่าจะดังเป็นพลุแตกเลยล่ะ ซย่าฝานไม่อยากฉุดรั้งหลินเยวียนไว้ เพียงเพราะตนเองอยากร้องเพลงนี้
“ซย่าฝานเธอเป็นอะไร”
เจี่ยนอี้กลับกระวนกระวาย “เพลงดีขนาดนี้ เธอยังจะผลักออกไปอีก หลินเยวียนให้เธอร้องเธอก็ร้องไปเถอะ!”
ซย่าฝานก็ไม่ได้สนใจเจี่ยนอี้เช่นกัน
เธอจับจ้องหลินเยวียนเงียบๆ
หลินเยวียนผุดรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่น เธอเหมาะกับเพลงนี้ที่สุด แล้วก็มีอีกเรื่องที่ฉันอยากบอกพวกนายสองคน”
“เรื่องอะไรเหรอ”
จู่ๆ ทั้งก็สองคนกังวลใจขึ้นมา
หลินเยวียนพูด “ที่จริงแล้วฉันคือเซี่ยนอวี๋”
เจี่ยนอี้ชะงักไป แอบรู้สึกว่าชื่อนี้ออกจะคุ้นหูอยู่เล็กน้อย แต่นึกไม่ออกว่าได้ยินมาจากไหน
ส่วนซย่าฝานจ้องมองตาโต “นายล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย”
หลินเยวียนพูดอย่างจริงจัง “ขอโทษที่ไม่ได้บอกพวกนาย”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกน่า!”
ซย่าฝานจ้องหลินเยวียนไม่วางตา “นายคือเซี่ยนอวี๋จริงเหรอ”
หลินเยวียนพยักหน้า
ซย่าฝานยังไม่ทันได้พูดอะไร เจี่ยนอี้ก็ตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ
เขานึกออกแล้วว่าเซี่ยนอวี๋เป็นใคร!
ชื่อนี้ ก่อนหน้านี้ซย่าฝานเคยพูดถึงตั้งหลายครั้ง
ช่วงก่อนหน้านี้ เพลงดังหลายเพลงเช่นปลายักษ์ เหมือนว่าจะเป็นเซี่ยนอวี๋เขียนเนี่ยแหละ!
คนคนนี้ก็คือหลินเยวียนหรอกเหรอเนี่ย
หลินเยวียนเขียนเพลงได้เก่งขนาดนี้เชียว
ขณะที่เจี่ยนอี้กำลังตื่นเต้นว่าจะพูดอะไรดี จู่ๆ ซย่าฝานก็ยกมือขึ้นมาปิดหน้า
เจี่ยนอี้ตกใจจนแทบกระโดดโหยง “ซย่าฝานเธอเป็นอะไรน่ะ”
หลินเยวียนเองก็มองซย่าฝานด้วยความกังวล
ซย่าฝานปล่อยมือลง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น สายตายังคงจับจ้องหลินเยวียน “เพลงเดียวไม่พอหรอก!”
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
หลินเยวียนหลุดหัวเราะ “ถ้ามีเพลงที่เหมาะแล้วค่อยให้เธอ ตอนนี้เหลือแค่เพลงนี้”
เพลงนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆ
เจี่ยนอี้ตบอก “เล่นซะฉันตกใจเลย ว่าแต่หลินเยวียนนายปิดปังพวกเรามานานขนาดนี้ ต้องถูกลงโทษ!”
ซย่าฝานพูดอย่างดุดัน “ตามกฎแล้วก็ต้องเลี้ยงข้าวสักมื้อ…ไม่สิ สองมื้อ!”
หลินเยวียนฝืนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนเย็นไปร้านโอเรียนทัลกัน”
นี่เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในวิทยาลัย ครั้งก่อนหลินเยวียนเคยไปกินกับเพื่อนในสาขาการประพันธ์เพลงครั้งหนึ่ง พุดดิงเยลลี่อร่อยมาก
“เย็นนี้ ดีล”
เจี่ยนอี้กับซย่าฝานแตะมือกันด้วยความดีใจ
เรื่องราวก่อนหน้านี้ปะติดปะต่อได้ทันที ทำไมหัวหน้าถึงให้หลินเยวียนอยู่ในห้องที่ดีขนาดนี้ ทำไมค่าตอบแทนจากบริษัทของหลินเยวียนถึงได้ดีขนาดนี้
ก็เพราะหลินเยวียนคือเซี่ยนอวี๋ไงล่ะ
หลินเยวียนเตือนซย่าฝาน “วันหลังค่อยไปอัดเพลงที่สตาร์ไลท์”
ซย่าฝานยิ้มเอ่ย “ได้สิ แต่เพลงนี้ให้ฉัน จะไม่ผิดกฎบริษัทเหรอ”
หลินเยวียนชะงักไป เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย
ตามกฎของบริษัทแล้ว ตนไม่สามารถนำเพลงไปให้คนนอกเป็นการส่วนตัวได้ ต้องผ่านช่องทางของบริษัท
“หรือไม่ก็ให้สตาร์ไลท์เซ็นสัญญากับซย่าฝาน แบบนี้ได้มั้ยหลินเยวียน” เจี่ยนอี้ไม่แน่ใจว่าสถานะของหลินเยวียนในบริษัทมีสิทธิ์ออกปากออกเสียงหรือไม่ จึงลองถามหยั่งเชิง
หลินเยวียนมองไปยังซย่าฝาน “เธออยากเซ็นสัญญามั้ย”
ซย่าฝานพยักหน้าโดยไม่ลังเล “อยากสิ!”
หลินเยวียนเอ่ย “เดี๋ยวฉันไปคุยกับพี่จ้าวก่อน ไม่น่าจะยาก แต่ปัญหาก็คือถ้าเธอเซ็นสัญญากับบริษัทตอนนี้ ระดับของสัญญาไม่สูงแน่นอน”
“หา?”
เป็นเด็กใหม่จะกล้านึกถึงระดับสัญญาเหรอ
ซย่าฝานตามความคิดของหลินเยวียนไม่ค่อยทัน
หลินเยวียนอธิบายว่า “ถ้าซย่าฝานดังจากรายการสะพรั่งได้ ถ้าเซ็นสัญญาเข้าสตาร์ไลท์จะต้องได้สัญญาระดับที่ค่อนข้างสูง”
ก่อนหน้านี้จ้าวอิ๋งเก้อก็เป็นแบบนี้
หลังจากที่โด่งดังก็ย่อมมีคนอยากแย่งตัว
ซย่าฝานยิ้มขื่นพลางกล่าว “หลินเยวียน วิสัยทัศน์ของนายล้ำมาก สำหรับฉันแล้ว การได้เซ็นสัญญากับสตาร์ไลท์ก็โชคดีสุดๆ แล้ว ยังจะต้องคิดมากขนาดนั้นทำไม”
“เข้าใจแล้ว”
หลินเยวียนโทรศัพท์หาจ้าวเจวี๋ย อธิบายสถานการณ์ของตนให้ฟัง เขาเชื่อใจจ้าวเจวี๋ยมาก
“แบบนี้เองเหรอ”
หลังจากจ้าวเจวี๋ยได้ฟังคำขอของหลินเยวียนก็เงียบไปชั่วขณะ “เรื่องนี้ฉันรับปากแล้ว เธออยากให้สัญญาของเพื่อนระดับสูงขึ้นอีกหน่อยใช่มั้ย เรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา เซ็นสัญญาแสดงเจตจำนงก่อนก็ได้ ถ้าเกิดมีผลงานก่อนจะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เราสามารถเพิ่มระดับสัญญาอย่างเป็นทางการได้ แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นการใช้ช่องโหว่ของบริษัท ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เธอต้องระวังอย่าเขียนเพลงให้เพื่อนโดยใช้ชื่อเซี่ยนอวี๋ สร้างตัวตนปลอมขึ้นมาก็ได้”
เธอไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าหลินเยวียนจะให้ใครเซ็นสัญญา
สำหรับคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่มีความฝัน การได้เข้ามาในสตาร์ไลท์อาจเป็นจุดมุ่งหมายของทั้งชีวิต แต่สำหรับจ้าวเจวี๋ยแล้ว นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
สิ่งสำคัญคือเซี่ยนอวี๋เอ่ยปากเอง
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนวางสาย
ซย่าฝานกับเจี่ยนอี้ถามอย่างกังวลใจ “ว่ายังไง”
หลินเยวียนยิ้ม “เตรียมตัวอัดเสียงเลย แล้วก็อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเพลงนี้ฉันเป็นคนเขียน ไม่งั้นเรื่องอาจยุ่งได้”
“ได้!”
ซย่าฝานตื่นเต้นขึ้นมา
เจี่ยนอี้เองก็ผุดยิ้มขึ้นมา พลอยยินดีไปกับเพื่อนด้วย
ส่วนเรื่องที่หลินเยวียนเตือนไว้ ทั้งสองคนจำใส่ใจ ไม่กล้าหลุดข้อมูลตัวตนของหลินเยวียนออกไปแม้แต่นิดเดียว
เพื่อความปลอดภัย ในการอัดเพลงหลายวันหลังจากนั้น หลินเยวียนจึงไปใช้ห้องอัดเพลงนอกวิทยาลัย ไม่ได้ใช้ห้องอัดเสียงของสตาร์ไลท์
รอบคอบสักหน่อยย่อมดีกว่า
และในตอนนั้นเอง…
เดือนพฤษภาคมก็ค่อยๆ ผ่านพ้นไป
เวลา 00.00 ของวันที่ 1 มิถุนายน
การแข่งขันเพลงใหม่ในวงการเพลงของฉินโจวก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!
เฉินจื้ออวี่ผู้ซึ่งมุ่งมั่นว่าจะคว้าชัยชนะ ก็เปิดโปรแกรมเล่นเพลงพร้อมกับความมั่นใจเปี่ยมล้น
‘เพลงท็อปฮิตชวนฟัง’
บนหัวข้อแนะนำ เพลงใหม่ของตนอยู่ในตำแหน่งสะดุดตาที่สุด เขาได้หน้าได้ตาอย่างเต็มที่ เฉินจื้ออวี่พอใจเป็นอย่างมาก
“หืม?”
กวาดตาไปมองเพลงแนะนำเพลงอื่นๆ ในตอนนั้นเฉินจื้ออวี่ก็เห็นการแนะนำเพลงใหม่ซึ่งมีชื่อว่า ‘กุหลาบแดง’
เป็นเพลงของทางสตาร์ไลท์เหรอเนี่ย
นักร้องก็เป็นคนที่ผู้จัดการเคยเอ่ยถึงแล้ว ซุนเย่าหั่วเป็นนักร้องที่ทางสตาร์ไลท์ใส่แทนจินซูอวี่ และผู้แต่งเนื้อร้องทำนองก็คือ…
“แม่เจ้า!”
เฉินจื้ออวี่มือสั่นฉับพลัน จนเมาส์ลอยกระเด็นออกไป
…………………………………………………….