หลินเยวียนคาดการณ์ได้ไม่ผิด
ในการแข่งขันในรอบต่อๆ ไป ซย่าฝานทะลุเข้ารอบไปอย่างรวดเร็วราวกับต้นไผ่ที่สูงชะลูด ถึงขั้นที่ทะลุเข้ารอบสี่คนสุดท้าย และดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งฉินโจวได้
มีเรื่องหนึ่งที่แม้แต่หลินเยวียนก็ยังคาดการณ์ผิดไป
ซย่าฝานจัดว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันรายการใหญ่ที่หาได้ยากยิ่ง!
ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่รู้สึกกังวล
แต่บรรยากาศกดดันและดุเดือดกลับกระตุ้นศักยภาพของซย่าฝาน ทำให้เธอทำผลงานได้ดีขึ้นทุกรอบ!
แต่ทว่า…
การแข่งขันดำเนินมาถึงตอนนี้ ซย่าฝานก็ยิ่งงานยุ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่เวลาเข้ามาตอบในกลุ่มก็ยิ่งน้อยทุกที การปรากฏตัวในช่วงนี้ เป็นเพียงการตอบอย่างรีบร้อนประโยคเดียวว่า “ทางผู้จัดไม่ให้ใช้โทรศัพท์ กลัวว่าพวกเราจะทำรายละเอียดของการแข่งขันหลุดออกไป”
นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก
การแข่งขันนั้นจำเป็นต้องเรียกเรตติง การรู้ผลการแข่งขันล่วงหน้าทำให้ขาดความลุ้นระทึก โดยทั่วไปในช่วงเวลาเช่นนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะไม่แตะโทรศัพท์มือถือเลย
เจี่ยนอี้กับหลินเซวียนถกเถียงกันเรื่องการแข่งขันรายการสะพรั่งทุกวัน
‘ผู้เข้าแข่งขันสี่คนสุดท้ายเก่งกันทุกคน’
‘ทุกคนเก่งจริงๆ แต่พี่คิดว่าการแข่งขันครั้งนี้คู่แข่งตัวฉกาจของซย่าฝานก็คือถังเยวี่ย เนื้อเสียงใสกังวานของถังเยวี่ยนี่สุดจริง!’
‘ถ้าเอาชนะถังเยวี่ยได้ ซย่าฝานก็ชนะได้เลยนะ’
‘พี่ว่าซย่าฝานไม่ได้ด้อยกว่าถังเยวี่ยเลย ความสามารถในการร้องเพลงของถังเยวี่ยด้อยกว่าซย่าฝานอยู่บ้าง แต่ได้เปรียบเรื่องเสียง เลยได้เข้ารอบสี่คนสุดท้าย’
‘พูดได้แค่ว่าต่างคนต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง’
‘…’
หลินเยวียนเองก็ติดตามการแข่งขันเช่นกัน ฉะนั้นเขาจึงรู้ว่า ‘ถังเยวี่ย’ ที่พี่สาวกับเจี่ยนอี้พูดถึงคือใคร
เด็กสาวคนนี้เป็นผู้เข้าแข่งขันรายการสะพรั่ง
ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันในรายการซีซันนี้ ชื่อเสียงและแรงสนับสนุนของถังเยวี่ยจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง ซย่าฝานอยู่อันดับสอง มองจากสถิติที่เห็นเพียงอย่างเดียว อัตราการคว้าแชมป์ของถังเยวี่ยนั้นสูงที่สุด
‘รอดูว่าการแข่งขันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง’
ตอนนี้เป็นปลายเดือนกรกฎาคม พรุ่งนี้เป็นเดือนสิงหาคม ซึ่งก็เป็นศึกชิงชัยของรายการสะพรั่ง
หลินเซวียนถึงขั้นอยากไปดูการแข่งขันถ่ายทอดสด
แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนล้วนมีงาน มิหนำซ้ำสถานที่จัดการแข่งขันยังอยู่ในเมืองอื่น ไปถึงสนามแข่งขันแล้วก็ใช่ว่าจะติดต่อซย่าฝานได้ ดังนั้นทุกคนจึงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานไปก็เท่านั้น
และในตอนนั้นเอง
ในบริษัทเซวี่ยนล่านอิ๋นกวง
เฉินจื้ออวี่ในฐานะนักร้องแถวหน้า เขาไม่ได้มีกะจิตกะใจติดตามการประกวดรายการนี้สักเท่าไหร่
แม้ว่าเขาจะเคยพ่ายแพ้ต่อแชมป์รายการสะพรั่งปีที่แล้วอย่างจ้าวอิ๋งเก้อมาก่อนก็ตามแต่
คนเราต้องมองไปข้างหน้า
เรื่องในอดีต ก็ปล่อยให้มันผ่านไป
เฉินจื้ออวี่เดินออกมาจากเงาของเพลงกุหลาบแดงแล้ว เขาเตรียมจะสู้ในชาร์ตเพลงใหม่อีกสักครั้ง
เป้าหมายคือ!
อันดับหนึ่งของเดือนสิงหาคม!
เดิมทีความถี่ในการปล่อยเพลงใหม่ของเฉินจื้ออวี่นั้นไม่ได้สูงแต่อย่างใด
ทว่าในการปล่อยเพลงใหม่สองครั้งล้วนแต่ติดอยู่เพียงอันดับสอง ทำให้เฉินจื้ออวี่มีความฝังใจกับบัลลังก์แชมป์ของการแข่งขัน!
ฉันจะต้องคว้าอันดับหนึ่งในครั้งนี้ให้ได้!
อันที่จริงเฉินจื้ออวี่จะปล่อยเพลงในเดือนกรกฎาคมก็ได้ ทว่าเดือนกรกฎาคมมีนักร้องแถวหน้าถึงสี่คนร่วมสังเวียนกัน เฉินจื้ออวี่จึงหลีกเลี่ยงไป
เขาไม่ใช่คนบ้าระห่ำ จะต้องตะบี้ตะบันไปสู้กับคนอื่นให้ได้
เดือนสิงหาคมยังพอว่า มีนักร้องแถวหน้าแข่งขันกับเฉินจื้ออวี่แค่คนเดียว และคนคนนี้ทุกคนก็คุ้นเคยดี
นักร้องแถวหน้าของสตาร์ไลท์ จินซูอวี่!
เรียกอีกอย่างว่า ครั้งนี้เป็น ‘ศึกสองอวี่’ ที่มาช้าแต่ก็มาแล้ว!
ไม่มีใครคาดคิดว่าจินซูอวี่และเฉินจื้ออวี่จะคลาดกันเพียงหัวไหล่เฉียดในเดือนมิถุนายน และถึงกับเวียนมาพานพบกันอีกในเดือนสิงหาคม ฉะนั้นแล้วยามที่ทั้งสองประกาศอย่างเปิดเผยว่าจะช่วงชิงบัลลังก์แชมป์ของเดือนสิงหาคม ในวงการก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่
‘บังเอิญใช่มั้ยนั่น’
‘ศึกสองอวี่เชียวเหรอเนี่ย’
‘ฮ่าๆๆๆๆๆ ศึกสองอวี่อาจมาช้า แต่ก็มาแน่นอนนะค้าบ!’
‘ดูท่าเฉินจื้ออวี่กับจินซูอวี่จะมีชะตาต้องกันแฮะ!’
‘รู้สึกเหมือนเวลาย้อนกลับไปตอนเดือนมิถุนา แต่ครั้งนั้นเซี่ยนอวี๋ทำเสียเรื่อง นักร้องแถวหน้าทั้งสองคนเลยมาจัดเต็มในเดือนสิงหา’
‘…’
“……”
เฉินจื้ออวี่ไม่สนใจคำพูดจิกกัดในวงการอยู่แล้ว
ยามที่เขากับจินซูอวี่ต่างก็เป็นนักร้องแถวหน้า ชื่อเสียงของทั้งสองไม่ได้ต่างกันมาก สิ่งที่ต้องแข่งขันกันก็คือคุณภาพของเพลง
เฉินจื้ออวี่ไม่กลัวหรอก!
เพราะเฉินจื้ออวี่มั่นใจในคุณภาพของเพลงครั้งนี้มาก
ถึงแม้นักแต่งเพลงในครั้งนี้จะเป็นหน้าใหม่ ไม่ใช่ระดับมือทอง หนำซ้ำยังเป็นนักศึกษาปีสองของวิทยาลัยศิลปะฉินตง…
แต่หน้าใหม่คนนั้นเก่งมาก ทันทีที่เฉินจื้ออวี่ได้ฟัง ก็รู้ว่าเพลงในครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้!
ทางบริษัทเองก็สนับสนุนการไต่ขึ้นชาร์ตในครั้งนี้ของเฉินจื้ออวี่เป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรเฉินจื้ออวี่ก็คว้าอันดับสองไปแล้วสองครั้ง แถมยังพ่ายแพ้ให้คนที่ไม่ใช่นักร้องแถวหน้าทั้งสองครั้ง เสียหน้าจนยับเยินน่าดูเลยละ
เมื่อเดือนมิถุนายนสิ้นสุดลง
บรรดาสื่อต่างประทบกระแทกแดกดัน บอกว่าเฉินจื้ออวี่เป็น ‘ลูกคนรองตลอดกาล’
สำหรับนักร้องแถวหน้าแล้ว นี่ไม่ใช่ชื่อเรียกที่ดีเอาซะเลย
และหากต้องการชำระล้างสมญานามว่า ‘ลูกคนรองตลอดกาล’ ให้สิ้นซาก เฉินจื้ออวี่ก็จำเป็นต้องคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้
ศึกในครานี้ จะต้องชนะให้จงได้!
ทว่าเมื่อได้รับบทเรียนจากครั้งก่อน ในครั้งนี้เฉินจื้ออวี่จึงอุตส่าห์ให้ผู้จัดการสำรวจรอบหนึ่งก่อน
ไม่ใช่เพราะอื่นใด แต่จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเดือนสิงหาคมไม่มีเจ้าปลาตัวนั้น!
“ฉันสาบานได้ ครั้งนี้ไม่มีจริงๆ!”
เพื่อความปลอดภัย ผู้จัดการทำการตรวจสอบไปสามวัน ถึงได้แจ้งผลกับเฉินจื้ออวี่ “ครั้งก่อนฉันเคยบอว่าครั้งหน้าจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ตอนนี้นายน่าจะเชื่อฉันแล้วใช่มั้ย”
“เฮ้อ”
เฉินจื้ออวี่พรูลมหายใจออก “ถ้าไม่มีเซี่ยนอวี๋ ผมก็ไม่ต้องกังวลที่จะต้องสู้ตัวต่อตัวกับจินซูอวี่ นี่ถึงจะเป็นการต่อสู้ของนักร้องแถวหน้าอย่างพวกผม!”
“นั่นน่ะสิ”
ผู้จัดการทอดถอนใจ “ปลาตัวนั้นทำให้เรื่องยุ่งยากจริงๆ ทุกครั้งจะต้องร่วมงานกับนักร้องตัวเล็กไม่มีชื่อเสียง เล่นงานพวกเราซะยับเยิน ครั้งนี้ไม่มีเขา นายจะต้องได้ชัยชนะครั้งใหญ่แน่!”
หัวใจของเฉินจื้ออวี่เต้นระส่ำ “อย่าพูดเป็นลางสิครับ!”
ผู้จัดการร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “นายระแวงเกินไปหรือเปล่า หรือนายคิดว่าเพลงของตัวเองสู้กับจินซูอวี่ไม่ได้ ต้องเข้าใจก่อนนะว่าเพลงในครั้งนี้บริษัทกันไว้ให้นายโดยเฉพาะ เรื่องคุณภาพไม่ต้องพูดถึง!”
เฉินจื้ออวี่พยักหน้า “ก็จริง”
ผู้จัดการแบมือยักไหล่ “ใช่มั้ยละ คลื่นลูกนี้สงบแล้ว…อุ๊ก!”
เฉินจื้ออวี่ปิดปากของผู้จัดการแน่น “ขอร้องล่ะ คุณอย่าพูดเป็นลางเลย!”
ถูกผู้จัดการพูดเป็นลางจนเสียเรื่องมาสองครั้งแล้ว
เฉินจื้ออวี่กลัวคำพูดของผู้จัดการคนนี้จริงๆ
ต่อให้ครั้งนี้ไม่มีเซี่ยนอวี๋ เพื่อความปลอดภัย เฉินจื้ออวี่เองก็ต้องปิดปากผู้จัดการไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เขาทำเสียเรื่องอีก
ที่พังก็มักจะเพราะพูดเป็นลางเนี่ยแหละ
สองครั้งก่อนหน้าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ
ผ่านไปหลายวินาที เฉินจื้ออวี่จึงยอมปล่อยมือ
ผู้จัดการกล่าวอย่างจนปัญญา “ฉันรู้แล้ว”
เขารู้สึกว่าในตอนนี้เฉินจื้ออวี่ตื่นตูมไปเองเสียมากกว่า
เดิมทีก็เป็นชัยชนะที่นอนมาอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังถึงขนาดนั้น ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อให้ชนะแล้ว ก็ไม่มีทางพึงพอใจไปได้หรอก
ดูท่าปมในใจที่เซี่ยนอวี๋ทิ้งไว้ให้เฉินจื้ออวี่จะรุนแรงนัก หวังว่าเวลาจะเยียวยาเรื่องทั้งหมดได้
“งั้นฉันไปแล้วนะ”
ผู้จัดการรู้สึกเบื่อขึ้นมา จึงโบกมือเดินไป
เฉินจื้ออวี่พยักหน้า ในใจคิดว่า ‘จินซูอวี่น่าจะหลีกเลี่ยงศึกครั้งใหญ่ของมังกรและพยัคฆ์เมื่อเดือนที่แล้ว ท้ายที่สุดถึงได้เลือกปล่อยเพลงในเดือนสิงหาสินะ ในเมื่อทุกคนจะอยากจะเดินไปพร้อมกันแล้ว งั้นพวกเราก็ใช้โอกาสในเดือนสิงหาคม สู้กันสักตั้งให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!’
………………………………………………