ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 1-7

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 1-7

เมื่อยูมินจูตรวจสอบจนแน่ใจกับตาแล้วว่าคนที่อยู่ด้านในเป็นผู้ชายจริงๆ เธอก็พูดอ้ำๆ อึ้งๆ

“ตายแล้ว เป็นผู้จัดการส่วนตัวจริงๆ สินะ ฉัน…ยังไงดีล่ะ ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ เดี๋ยวฉันจะมาบอกกับผู้จัดการส่วนตัวเองอีกที แน่นอนว่าคุณจะให้ฉันทำเป็นว่าเรื่องคราวนี้ไม่เคยเกิดขึ้นใช่ไหมคะ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ”

อีอูยอนยิ้มพลางจับข้อมือของเธอลากออกไปที่ประตูหน้าบ้าน แม้น้ำเสียงของเขาจะดูมีมารยาท แต่การกระทำของเขากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น

“จะต้องทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นโดยเด็ดขาดนะครับ”

“ค่ะ ไว้อีกเดี๋ยวฉันจะ…”

อีอูยอนเปิดประตูหน้าบ้านและดันยูมินจูออกไป ยูมินจูไม่รู้แม้กระทั่งความจริงที่ว่าเธอถูกอีกฝ่ายไล่ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองยังไม่ได้สวมรองเท้าด้วยซ้ำ เพราะอีอูยอนกำลังทำตายิ้มอย่างอ่อนโยนอยู่

“ให้มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นนะครับ คุณยูมินจู”

“เอ่อ คือฉัน…”

อีอูยอนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเตะรองเท้าของหญิงสาวที่กองอยู่ที่ปลายเท้าของเขาออกไปอย่างแรง

“เพราะฉะนั้นกลับขึ้นห้องไปดีๆ นะครับ”

แม้จะมีน้ำเสียงหงุดหงิดของหญิงสาวดังมาจากด้านนอกหลังจากที่ประตูถูกปิดลง แต่อีอูยอนก็ไม่สนใจ ชเวอินซอบที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาข้างนอกหลังจากนั้นไม่นาน อีกฝ่ายมึนงงเพราะเรื่องที่น่าตกใจ และใบหน้าของเขาก็ยังคงแดงอยู่

“ขอโทษด้วยนะครับ เธอห้ามตัวเองไม่ได้เพราะเมาน่ะครับ คุณไม่ต้องไปฟังที่เธอพูดก็ได้”

“ไม่หรอกครับ ผมไม่เป็นอะไร แต่ว่า…เธอไปแล้วเหรอครับ”

ชเวอินซอบมองไปรอบๆ บ้านและเอ่ยน หน้าของเขายังแดงอยู่ เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และสีหน้าของเขาดูเหมือนจะร้องไห้ในไม่ช้าถ้าถูกตี

“ครับ เพิ่งกลับเมื่อสักครู่นี่เองครับ”

“…ครับ”

หยดน้ำที่ไม่ได้ถูกเช็ดเพราะความตกใจนองอยู่ตรงไหล่ของชเวอินซอบ อีอูยอนจึงยื่นผ้าเช็ดตัวให้อีกฝ่าย

“เช็ดเสียนะครับ”

“อ๋อ ขอโทษด้วยนะครับ”

ชเวอินซอบรับผ้าเช็ดตัวไปและเริ่มเช็ดน้ำที่หยดอยู่บนพื้น อีอูยอนถึงกับพูดไม่ออก เพราะความไม่น่าเชื่อตรงหน้า

“ไม่ครับ ผมให้คุณเช็ดผมน่ะครับ”

“เอ่อ อะ อันนี้นะครับ”

ใบหน้าของชเวอินซอบแดงขึ้นมาหนึ่งระดับ เขาลุกขึ้นมาอย่างลังเลและเช็ดผมตัวเองด้วยผ้าที่เขาเพิ่งจะเอาไปเช็ดพื้น

อีอูยอนคิดว่าถ้าเป็นถึงขนาดนี้ มันก็ยากที่จะแยกแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนโง่หรือเป็นคนซื่อกันแน่ เขาหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาเพิ่มอีกหนึ่งผืนและยื่นให้ชเวอินซอบใช้เช็ดผม ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นอีกระหว่างคนทั้งคู่

อีอูยอนอารมณ์ไม่ดีเพราะการบุกรุกของยูมินจู และเขาก็ไม่มีอารมณ์แกล้งทำตัวเป็นคนอ่อนโยนและพูดจาเอาใจใส่อีกฝ่ายด้วย ชเวอินซอบเองก็ปิดปากเงียบ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดอะไรออกไป ชเวอินซอบที่ค่อยๆ เช็ดหยดน้ำที่อยู่บนผมอย่างพิถีพิถันในขณะที่ยืนอยู่นั้นเป็นฝ่ายพูดก่อน

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”

“ครับ วันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่รบกวนคุณยังไงก็ไม่รู้นะครับ”

“ไม่หรอกครับ อย่าใส่ใจเลยครับ”

“ช่วยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปทีนะครับ”

อินซอบไม่ใช่คนไม่มีเซ้นส์ถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หมายถึงเรื่องอะไร

“ครับ ผมจะทำตามนั้นครับ”

“อย่าบอกกรรมการผู้จัดการคิมนะครับ เพราะเขาน่าจะมีงานเยอะมาก ผมไม่อยากเอาความกังวลไปให้เขาน่ะครับ”

ถ้ากรรมการผู้จัดการคิมรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องพุ่งตัวเข้ามาพูดจนน้ำลายแตกฟองอย่างแน่นอน นี่นายจัดการปัญหาเรื่องผู้หญิงยังไง มันถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกัน หา

แค่คิดเขาก็ขนลุกแล้ว อีอูยอนเป็นนักแสดงที่เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท JN แม้เขาจะไม่สนใจข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ แต่เขาก็ไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่งด้วยเรื่องแบบนี้ภายในไม่กี่วันเหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยชอบทำตามใจตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

ชเวอินซอบพยักหน้าและตอบรับเหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เชื่อฟังคำสั่ง อีอูยอนไม่ชอบคนปากพล่อยด้วยเหมือนกัน

“…ปิดให้สนิทแล้วค่อยออกไปนะครับ”

“ครับ?”

“เปล่าครับ จะให้เรียกแท็กซี่ให้ไหมครับ”

แม้จะฟังดูเหมือนเป็นความใส่ใจที่อ่อนโยน แต่มันเป็นการไล่แขกที่ชัดเจนพอสมควร ชเวอินซอบโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร และคว้าข้าวของของตัวเองออกไปข้างนอก

“ ‘ตาไว’[1] เหมือนกันนะ”

ยิ่งคิดก็ยิ่งอดรู้สึกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่เหมาะกับเขา

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคนที่เงียบ เสียสละ ตาไว ไม่ปากพล่อย และมีความจริงใจ

มาลองดูกัน ถึงจะแค่สามเดือน แต่อีกฝ่ายจะได้ทำงานอย่างหนักได้ตลอดระยะเวลานั้นแน่นอน

“ไปพาคนแบบนั้นมาจากไหนกันนะ”

การที่อีกฝ่ายเข้ามาได้อย่างเหมาะเจาะทันทีที่หัวหน้าทีมคิมลาออกไปช่างสมบูรณ์แบบ ระหว่างที่คิดแบบนั้น เรือนร่างของชเวอินซอบที่เขาเห็นเพราะยูมินจูพยายามจะเปิดประตูห้องน้ำก็โผล่เข้ามาในหัว ดูเหมือนยูมินจูที่เมาเหล้าจะเห็นความจริงเพียงว่าเจ้าของร่างเปลือยเปล่าคือผู้ชาย เพราะไอน้ำที่มีอยู่เต็มห้องน้ำ แต่สำหรับอีอูยอนที่ภูมิใจกับค่าสายตาที่ปกติ เขามองเห็นรอยแผลเป็นที่เหลืออยู่บนหน้าอกอย่างชัดเจน แม้จะเห็น แต่อีอูยอนก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอกว่าผู้จัดการส่วนตัวที่มีใบหน้าเรียบร้อยจะมีอดีตแบบไหน หลังจากที่อีอูยอนพิจารณายี่ห้อของไวน์ที่ยูมินจูถือมาแล้ว เขาก็เทไวน์ลงอ่างล้างจานอย่างไม่ลังเล

 

***

  

“อะไรกันเนี่ย ลมอะไรหอบมาล่ะ ถึงได้มาหาฉันที่ห้องทำงานได้”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงที่เห็นอีอูยอนนั่งอยู่บนโซฟาขมวดคิ้วราวกับเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น

“ว่าจะมาทักทายด้วยน่ะครับ ไม่ได้มานานแล้ว”

“แล้วนั่นกำลังอ่านอะไรอยู่ล่ะ”

“เรซูเม่ของผู้จัดการส่วนตัวครับ”

“ว่าไงนะ ของใคร”

“ของคุณชเวอินซอบครับ”

“เจ้านั่นทำไมอีกล่ะ เขาเป็นอะไร นี่นายพยายามจะทำอะไรกันแน่ หา!”

“ผมจะไปทำอะไรล่ะครับ ถ้าคนอื่นมาได้ยิน เขาจะเข้าใจผิดเอานะครับท่านกรรมการผู้จัดการ”

คำพูดนี้ไม่ใช่คำโกหก อีอูยอนไม่เคยทำอะไรเลย ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ปรับตัวได้เร็วจนน่าตกใจ อีกฝ่ายเตรียมอาหารที่เขาชอบเอาไว้ แม้แต่เพลงที่อีกฝ่ายเลือกเปิดในระหว่างทางกลับบ้านก็ดี อีกฝ่ายรู้แม้กระทั่งความชอบในเรื่องกาแฟของเขาที่มักจะดื่มอเมริกาโน่ในเวลาปกติ และดื่มลาเต้ในวันที่ฝนตก

แม้แต่ความสามารถในการเลือกเสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็ดีพอที่จะทำให้โคดี้ประทับใจ เขาเลือกเสื้อผ้าที่น่าจะเข้ากับอีอูยอนได้ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายยังแสดงออกว่าเขาอ่านสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และจะถอยออกไปในตอนที่อีอูยอนอารมณ์เสียทันที ผู้จัดการส่วนตัวของเขาสมบูรณ์แบบสมบูรณ์แบบเสียจนเขาหงุดหงิด เพราะอีกฝ่ายสมบูรณ์แบบเกินไป

“แล้วทำไมนายถึงมาอ่านเรซูเม่ของเจ้าเด็กอินซอบนั่นล่ะ”

“ก็เขาเป็นคนที่ทำงานกับผมนี่ครับ ผมก็ต้องมีเรื่องให้สงสัยอยู่แล้ว”

“มันก็ฟังดูมีเหตุผลนะ แต่จนถึงตอนนี้นายเคยอ่านเรซูเม่ของผู้จัดการส่วนตัวสักครั้งหรือยัง”

“แล้วผมจะอ่านบ้างไม่ได้เลยเหรอครับ”

อีอูยอนไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เขาอ่านจดหมายแนะนำตัวของชเวอินซอบพลางเอ่ยถาม หลังจากที่ตัวตนแท้จริงอันแสนเน่าเฟะของเขาถูกจับได้ เขาก็เลยแสดงนิสัยเดิมของตัวเองออกมาต่อหน้ากรรมการผู้จัดการคิม

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ…”

“อย่างนั้นมันก็เท่ากับได้สินะครับ”

อีอูยอนไล่สายตาอ่านเรซูเม่ของชเวอินซอบอย่างละเอียด

“ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกันแน่”

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ”

“แล้ว?”

“เพราะมันไม่มีเลยนี่แหละครับปัญหา”

“มีปัญหาก็ว่า ไม่มีปัญหาก็ว่า โอ๊ย นี่นายเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงส่งเสียงร้องที่เจ็บปวดออกมา และนั่งลงตรงข้ามกับอีอูยอน อีอูยอนมองเสื้อผ้าของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าวันนี้เขาใส่ใจตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็หัวเราะหึออกมา

“แต่งตัวแบบนี้เหมือนกรรมการผู้จัดการเป็นดาราซะเองเลยนะครับ”

“ฉันเหรอ ก็เคยเป็นแล้วนะ เมื่อก่อนฉันเป็นนายแบบไง”

“อย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่รู้เลยแหะ”

“…ใช่สิ นายรู้อะไรบ้างล่ะ นายมันไม่ค่อยจะสนใจคนอื่นนี่”

“เปล่านะครับ ผมสนใจคนอื่นจะตาย”

“ก็ได้ๆ นายนี่สมกับนักแสดงฝีมือดีนี่นะ อย่ามาพูดโกหกไปหน่อยเลย”

อีอูยอนก้มลงอ่านเรซูเม่ของชเวอินซอบอีกครั้งในขณะที่ฟังเสียงก่นด่าของกรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงไปด้วย

[1] ตาไว สำนวนเกาหลีหมายถึงการรับรู้ถึงบรรยากาศรอบข้างได้อย่างรวดเร็ว หรืออ่านบรรยากาศออกไว

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท