ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-8

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-8

 

พอสองคนนั้นออกไปแล้วภายในห้องจึงเหลือแค่อีอูยอนกับพนักงานนวดที่กำลังนวดไหล่ของเขาอยู่และชเวอินซอบเท่านั้น เวลาผ่านไปไม่นานพนักงานนวดที่นวดเสร็จแล้วก็เอ่ยถามอีอูยอนเบาๆ

“มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอีกไหมคะ”

“ไม่มีแล้วครับ”

“งั้นจะขอจบการนวดนะคะ”

“ขอบคุณครับ”

อีอูยอนยันตัวขึ้น ร่างกายท่อนบนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อปรากฏแก่สายตา อินซอบนึกถึงเพลงสรรเสริญไหล่กว้างๆ นั่นที่เขาเคยแต่งกับเจนนี่ขึ้นมาได้ในทันทีที่เห็นไหล่กว้างๆ ของอีกฝ่าย

เจนนี่ชอบไหล่กว้างๆ ของเจ้าชายเป็นพิเศษ เธอยืนกรานว่าจะต้องแต่งเพลงเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่นั่นและส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น เจนนี่ชื่นชอบการเขียนกลอนหรือการแต่งเพลง เธอมักจะเขียนผลงานเพื่อเจ้าชายกับตนออกมาเสมอ แน่นอนว่าผลงานเหล่าไม่เคยส่งไปถึงเจ้าชายเลย

ไหล่ของควอเตอร์แบ็ก

เจนนี่มักจะเรียกไหล่ของเจ้าชายแบบนั้นเสมอ

“ว่าไงครับ คุณจะถามอะไรหรือเปล่า”

อีอูยอนที่สวมเสื้อคลุมอยู่รู้สึกถึงสายตาของเขาและเอ่ยถาม

“เปล่าครับ”

ชเวอินซอบรีบเบือนหน้าหนี ดูเหมือนเขาจะเหม่อลอยและจ้องมองไหล่ของอีอูยอนโดยไม่ตั้งใจ หัวใจเขาเต้นตึกตัก หัวใจของเขาเป็นไปอย่างที่ตัวมันเองต้องการแค่เพราะเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำที่เขานึกถึงเพียงชั่วครู่

อินซอบเอามือกดลงบนหน้าอกและพยายามทำให้หัวใจของตนกลับมาสงบ

“งั้นผมขอออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ”

ชเวอินซอบลุกขึ้น คำพูดของหัวหน้าทีมชาที่ว่าแค่นวดเท้าความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้งไม่ใช่คำพูดเกินจริงเลย เพราะเท้าของเขารู้สึกเบาขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด

นี่คงเป็นศาสตร์การเยียวยาบำบัดด้วยพลังงานที่น่าพิศวงของเกาหลีสินะ

แม้เขาจะใช้ภาษาเกาหลีได้เหมือนเป็นภาษาแม่ เพราะโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของพ่อบุญธรรมที่เป็นคนเกาหลี แต่ในด้านวัฒนธรรมส่วนใหญ่มักเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

 ชเวอินซอบเพียงแต่ไม่ได้พูดออกไป แต่ที่จริงสำหรับเขาแล้วทุกๆ วันล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกใหม่

ในขณะที่เขากำลังเรียบเรียงเนื้อหาที่เขาจะกลับบ้านไปจดลงในสมุดโน้ตเสียใหม่อยู่ในใจ ใครบางคนก็แตะไหล่เขา พอเขาหันหลังไปก็พบกับผู้หญิงที่คุ้นหน้าอย่างประหลาดกำลังยิ้มหวานอยู่

“สวัสดีครับ”

ชเวอินซอบเป็นฝ่ายก้มหัวทักทายก่อน แม้ตัวเขาจะจำไม่ได้ แต่ถ้าฝ่ายนั้นรู้จักเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

“ผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนใช่ไหมคะ”

“ครับ ใช่แล้วครับ”

“จำฉันไม่ได้เหรอคะ”

ในระหว่างที่ชเวอินซอบกำลังคิด ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มแปลกๆ และไล่มองเขาจากด้านล่างขึ้นด้านบน

“แต่ฉันจำวันนั้นได้แม่นเลยนะคะ”

“…อ๋อ”

ชเวอินซอบหน้าเครียด เธอคือหญิงสาวที่เขาเคยเจอที่บ้านของอีอูยอนแค่ครู่เดียวจริงๆ ตอนนั้นเขาไม่ได้มองอีกฝ่ายให้ดี เพราะตนกำลังเปลือยร่างอาบน้ำอยู่ แต่รูปร่างหน้าตาโดยรวมยังคงหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ

“คุณอูยอนอยู่ที่ไหนเหรอคะ มาด้วยกันใช่ไหม”

“…”

เกิดความขัดแย้งขึ้นในใจ จากที่เขาเห็นบรรยากาศในวันนั้นอีกฝ่ายไม่น่าจะแยกกับอีอูยอนด้วยดี เขาจึงไม่มั่นใจว่าเขาควรบอกอีกฝ่ายดีหรือไม่ว่าว่าอีกเดี๋ยวอีอูยอนคงออกมา

“ไม่ได้มาที่นี่พร้อมกับคุณอูยอนเหรอคะ”

“มาด้วยกันครับ”

“งั้นเขาอยู่ที่ไหนล่ะคะ”

“…”

ชเวอินซอบที่เงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวขอโทษพร้อมกับก้มหัวลง

“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ”

“เรื่องที่ผมไม่มีคำพูดอะไรจะให้ครับ”

ใบหน้าของยูมินจูที่กำลังยิ้มพลันแดงขึ้นมา ดูเหมือนตอนนี้เธอจะเข้าใจแล้วว่าผู้จัดการส่วนตัวกำลังพูดถึงอะไรอยู่

“นี่ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

“…”

“ฉันคือยูมินจูนะ ไม่รู้จักยูมินจูหรือไง”

“ขอโทษครับ”

ชเวอินซอบกล่าวคำเดิมซ้ำๆ ยูมินจูที่โกรธจนควันออกหูเพราะท่าทีที่ดื้อรั้นของตนเริ่มแผดเสียง

“นี่ นายเป็นบ้าหรือไง ผู้จัดการส่วนตัวอย่างแกพูดอะไรออกมา หา!”

“…”

“อีอูยอนอยู่ที่ไหน”

“ขอโทษครับ”

“ไอ้นี่ ล้อกันเล่นหรือไง”

เขาตาลายไปพักหนึ่ง ชเวอินซอบหน้ามืดและรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระทบหน้าของเขา แต่เขาไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วตัวเองโดนตบแก้ม

“อวดดีนักนะแก”

ยูมินจูใช้ฝ่ามือฟาดแก้มของชเวอินซอบติดต่อกันอยู่หลายที คนที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์วิ่งมาเพราะคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถห้ามเธอได้เลย เพราะเธอทำให้ข่าวลือพวกนั้นเป็นจริงไปแล้วที่นี่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาเงินได้จากนิสัยไม่ดีเหล่านั้น

“แกไม่มีปากเหรอ ผู้จัดการส่วนตัวโง่ๆ อย่างแกกล้า…!”

ใครบางคนจับมือของเธอไว้จากทางด้านหลัง

“อ้อ คุณอูยอน”

“มีเรื่องอะไรกันครับ”

เสียงของอีอูยอนถูกกดให้ต่ำอย่างประหลาด ชเวอินซอบแค่ยืนอย่างเหม่อลอยในขณะที่ก้มหน้าอยู่

“เปล่าค่ะ คือฉันกำลังคุยกับเด็กนี่…”

“ผู้จัดการส่วนตัวของผมครับ”

“ก็ได้ เพราะอย่างนั้นฉันก็เลย…”

อีอูยอนหัวเราะหึ เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้หูของยูมินจูและกระซิบเบาๆ

“ถ้าทำแบบนี้ที่นี่ ภาพลักษณ์ของคุณจะดูไม่ดีเอานะครับคุณมินจู”

“ฉันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่…คุณอูยอนเมินสายของฉัน…”

อีอูยอนเพิ่มแรงลงไปที่มือที่กำรอบข้อมือของเธอเอาไว้ ยูมินจูร้อง โอ๊ย ออกมาเบาๆ

“ดูเหมือนคุณจะกินเหล้ามานะครับ ให้ผมช่วยนะครับ”

“ไม่ ฉัน…โอ๊ย ปล่อยมือฉันเถอะคุณอูยอน…”

อีอูยอนโบกมือให้กับพนักงานตรงเคาท์เตอร์ที่กำลังมองมาทางด้านนี้ พนักงงานคนนั้นวิ่งมาหาเขา

“ดูเหมือนคุณมินจูจะเมามากเลยครับ งั้นผมขอรบกวนคุณหน่อยนะ”

“อ๋อ ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”

“พาเธอไปส่งถึงบ้าน แล้วก็ช่วยทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วยนะครับ ผมรบกวนด้วย”

พนักงานหน้าแดงเพราะคำขอร้องอย่างสุภาพของอีอูยอน เธอตอบว่า ‘ดิฉันจะทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ’ แม้การรักษาความลับจะเป็นกฎเหล็กของร้านที่เหล่าดารามาใช้บริการอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มักจะมีคำพูดรั่วไหลออกไปได้อยู่ดี เขาคิดว่ายูมินจูตกอยู่ในข่าวลือที่ไม่ดีเพียงข่าวเดียวก็พอแล้ว และอีอูยอนก็โยนเธอให้กับพนักงานของร้าน

“คุณอูยอนช่วยฟังฉัน…”

อีอูยอนมองยูมินจูที่ไม่คิดจะหุบปากพลางทำสีหน้าน่ากลัวออกมาแวบหนึ่ง ฉันเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ความจริงเหี้ยๆ นั่นตั้งแต่แรกเองสินะ

“กลับเข้าไปเถอะครับ ผมฝากด้วยนะ”

อีอูยอนตบไหล่ของพนักงานร้านสปาพลางส่งสายตาบอกให้พาเธอออกไปเร็วๆ ยูมินจูกรีดร้องอย่างหงุดหงิดไปตลอดทางจนกระทั่งเธอออกนอกประตูไป ชเวอินซอบดูให้แน่ใจว่าเธอลงลิฟต์ไปด้านล่างแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา

“ขอโทษนะครับ เป็นความไม่รอบคอบของผมเอง”

“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ”

อีอูยอนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าและช่วยซับจมูกของชเวอินซอบ เขาคงถูกตบเยอะมากแก้มถึงบวมแดง และมีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกข้างหนึ่งด้วย

“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแน่เหรอครับ”

“ครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ”

“ขอโทษนะครับ เป็นเพราะผมแท้ๆ”

อีอูยอนสำรวจใบหน้าของชเวอินซอบพลางพูดต่อ

“ไม่มีรอยช้ำนะครับ…แต่มีแผลตรงนี้นี่”

อีอูยอนนึกถึงมือของยูมินจูที่สวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่พลางเดาะลิ้น

“แค่ทายาก็พอครับ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”

“ไปที่รถกันครับ ผมจะทายาให้เอง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมทาเองได้”

“พอแล้วครับ อย่าดื้อสิ”

อีอูยอนจับมือของชเวอินซอบเอาไว้ และลากอีกฝ่ายไปหน้าลิฟต์ เขาไม่ลืมที่จะบอกลาพวกพนักงานอย่างนุ่มนวลในขณะที่ก้าวออกมาจากประตู

อีอูยอนพาชเวอินซอบมาที่รถตู้แล้วจับให้อีกฝ่ายนั่งที่เบาะหลัง

“กล่องยาอยู่ที่ไหนนะ…อ๋า อยู่ตรงนี้เอง”

เขาที่หยิบกล่องยามานั่งลงตรงหน้าชเวอินซอบ ชเวอินซอบไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้และกำลังจิกเล็บอย่างแรง

“เงยหน้าขึ้นมาหน่อยครับ”

“…”

“ถ้าไม่เงยหน้าทายาไม่ได้นะครับ”

“…ผม”

อีอูยอนใช้นิ้วเชยคางของชเวอินซอบและบังคับให้อีกฝ่ายเงยหน้า สายตาของคนทั้งคู่สบกัน อีอูยอนบีบยาลงบนปลายนิ้วและทาลงไปบนแก้มของอินซอบที่เป็นแผล สัมผัสของนิ้วที่งดงามของอีอูยอนส่งต่อความเจ็บปวดมายังอินซอบ

“ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ”

“ครับ?”

“ก็ผู้หญิงคนนั้นน่าจะถามถึงผมนี่ คุณบอกว่าเดี๋ยวผมก็ออกมาก็ได้นี่ครับ”

“…ก็ดูเหมือนคุณจะไม่ชอบ”

อีอูยอนยิ้ม มีคนที่โง่อะไรอย่างนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย

“ต่อให้ตายคุณก็จะไม่ทำเรื่องที่ผมไม่ชอบเหรอครับ”

“ก็อาจจะ”

“อาจจะเหรอครับ”

“ไม่ทำหรอกครับ”

คำตอบของอีกฝ่ายเหมือนคำตอบของเด็กเล็กที่ให้สัญญาว่าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง อีอูยอนยิ้ม ความรู้สึกที่ว่าอีกฝ่ายเหมือนลูกหมาที่เชื่อฟังคำสั่งก่อตัวขึ้น เขารู้สึกว่าท่าทางที่อีกฝ่ายแกล้งทำเป็นหลอกล่อในขณะที่ร่างกายเล็กๆ สั่นเทาด้วยความกลัวนั้นน่าสนุก ปัญหาก็คือไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้อีอูยอนก็เกลียดลูกหมา

“คุณผู้จัดการส่วนตัวของผมเนี่ย มีความจงรักภักดีมากเลยนะครับ”

อีอูยอนหยอกพลางหยิบพลาสเตอร์ออกมาติดบนหน้าของอินซอบ

“ถ้าผมสั่งให้ตาย คุณก็คงจะตายสินะครับ”

อีอูยอนมองไปทั่วใบหน้าที่ปูดบวมและพูดออกไปแบบนั้น ชเวอินซอบที่ลังเลอยู่สักพักก็ตอบมาว่า ‘ผมจะทำแบบนั้นครับ’

“ครับ?”

“ถ้าคุณสั่งให้ตาย ผมก็จะตายครับ”

“…”

“ผมจะทำแบบนั้นครับ ถึงผมจะไม่รู้ว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม”

อีอูยอนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา การที่เขาหัวเราะออกมาจริงๆ ไม่ใช่ฝืนใจหัวเราะนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว

อีอูยอนอยากจะถามจริงๆ

นี่นายคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงทำแบบนี้

“ทำไมถึงจะต้องตายด้วยล่ะครับ คุณไม่รู้เหรอว่าผมพูดเล่น”

เขาใช้ฝ่ามือตบแก้มของชเวอินซอบเบาๆ เขาอดคิดถึงอายุจริงๆ ของชเวอินซอบที่อีกฝ่ายเขียนลงในเรซูเม่ไม่ได้ เพราะสัมผัสของแก้มที่นุ่มเหมือนกับผิวเด็ก บอกว่าอายุยี่สิบหกอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรอกใช่ไหม

“อ๋อ…ครับ ผมก็ล้อเล่นเหมือนกัน”

ชเวอินซอบรีบสนับสนุนคำพูดของอีอูยอน อีอูยอนเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มเจื่อนๆ และจู่ๆ ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในใจของเขา

“คุณอินซอบ”

“ครับ?”

ชเวอินซอบที่จัดเรียงกล่องยาอยู่หันหน้ามา

“ที่ที่จะไปตกปลากันตอนสุดสัปดาห์น่ะ คือทะเลตะวันออกใช่ไหมครับ”

อีอูยอนยิ้มจางๆ อย่างน่ารักราวกับแมวในฤดูใบไม้ผลิและเอ่ยถาม

 

***

 

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท