ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 1-10

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 1-10

“ดูเหมือนคุณจะเหมาะกับความทุ่มเทมากเลยนะครับ”

อีอูยอนจิบไวน์และพูดต่อ

“คุณปรับตัวเข้ากับงานได้ดี มีไหวพริบ และทุ่มเท…คุณมีคุณสมบัติที่ผมน่าจะชอบครบเลยล่ะครับ”

“ครับ?”

“กรรมการผู้จัดการเขาพูดเอาไว้น่ะครับ”

“อ๋อ ครับ…”

ชเวอินซอบถอนหายใจออกมา เขานึกว่าอีอูยอนจะบอกว่าถูกใจเขาในฐานะผู้จัดการส่วนตัวเสียอีก และเขาก็นึกว่าตัวเองจะใจหายซะแล้ว

เขาจะต้องรักษาความเป็นกลางเอาไว้ เขาจะอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่น่าประทับใจพอที่จะอยู่ในความทรงจำ ชเวอินซอบรวบรวมสติและเงยหน้าขึ้น แต่ไม่ยอมสบตากับอีอูยอน

“คุณบอกว่าคุณอายุเท่าไรนะครับ”

“…ยี่สิบหกปีครับ”

“ดูเด็กกว่าอายุมากเลยนะครับ”

“ผมได้ยินคนพูดแบบนั้นเยอะอยู่เหมือนกันครับ”

ชเวอินซอบไม่ยินดีกับการพูดคุยแบบนี้ ท่ามกลางสถานการณ์นับร้อยที่เขาสร้างขึ้นมาในหัว การพูดคุยเรื่องส่วนตัวหรือคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวกับอีอูยอนเป็นเส้นทางที่เขาไม่ต้องการมากที่สุด

ความจริงแล้วชเวอินซอบอายุยี่สิบสี่ปี ชเวอินซอบในวัยยี่สิบหกปีเป็นชื่อที่เขาใช้เงินซื้อมา แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นคำพูดที่อีอูยอนพูดขึ้นมาโดยไม่คิดอะไร แต่ชเวอินซอบกลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาจะระเบิดออกมา เขาดื่มน้ำเย็นๆ ลงไปและทำให้ใจตัวเองสงบลง

อีอูยอนจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ ขณะกำลังจะเปิดปากพูด พนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารเข้ามาในห้อง เป็นอาหารที่ไม่ต้องถามก็ดูออกว่าราคาแพง ชเวอินซอบคิดว่าเหตุผลที่อีอูยอนเลี้ยงอาหารแพงๆ แบบนี้ให้เขาที่เป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัวคืออะไรกันแน่พลางหยิบส้อมขึ้นมา

“คุณชเวอินซอบครับ”

“ครับ?”

ชเวอินซอบหันหน้าไปสบตาอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว อีอูยอนกำลังยิ้มด้วยใบหน้าที่เขาเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนตามหน้าจอหรือรูปภาพ

“ผมน่ะ…”

ชเวอินซอบเหม่อมองภาพของอีอูยอนที่จับมีดไว้ในมือข้างหนึ่งและหั่นสเต็กอย่างน่าทึ่ง การกระทำของอีอูยอนเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดสายตาเขา การดื่มน้ำ การขยับมือ การจับมีด แม้แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นงดงามถึงขนาดทำให้อีกฝ่ายหยุดหายใจไปชั่วขณะและดึงดูดสายตาให้จ้องมอง

“จริงๆ แล้วไม่ว่าใครก็…”

อีอูยอนที่พูดจนถึงตรงนั้นก็เงียบไป

“มีปัญหาอะไรเหรอครับ…”

“เปล่าครับ ช่วยรอสักครู่หนึ่งนะครับ”

อีอูยอนเรียกพนักงานเสิร์ฟมา อีอูยอนถามกับพนักงานเสิร์ฟที่ถามว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าว่าเชฟที่เป็นคนทำอาหารจานนี้ชื่ออะไร ทันทีที่พนักงานเสิร์ฟที่ถูกทำให้ลำบากก้มตัวลงและตอบว่าเชฟชื่ออะไรออกมา อีอูยอนก็ลุกขึ้น

“ขอตัวสักครู่นะครับ”

อีอูยอนเดินออกไปด้านนอก ชเวอินซอบที่ถูกทิ้งไว้ลำพังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นตาม แต่พอเขาเปิดประตูออกไปสำรวจด้านนอก เขากลับไม่เห็นแม้แต่มดสักตัวตรงทางเดิน ชเวอินซอบเดินกลับไปยังที่นั่งของอีอูยอนอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มสำรวจโทรศัพท์มือถือที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้ โชคร้ายที่โทรศัพท์มือถือถูกล็อกเอาไว้ เขาพยายามนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายกดรหัสประตูหน้าบ้านและลองกดเลขสี่ตัวนั้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากลองผิดลองถูกได้สองสามรอบ เขาก็ปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้ ชเวอินซอบมือไม้สั่น ตอนที่เขาเก็บโทรศัพท์มือถือของอีอูยอนได้ในรถคราวก่อน เขานึกไม่ออกเลยว่ารหัสผ่านจะเป็นเลขแบบไหน และมันก็คงเหลือไว้แต่เพียงความทุกข์ใจอันยาวนาน เพราะเขาทำได้แค่ส่งโทรศัพท์มือถือคืนอีกฝ่ายเท่านั้น

มาสำรวจประวัติการโทรกันก่อนเถอะ

“…เฮ้อ”

ชเวอินซอบมองประวัติการโทรและถอนหายใจออกมา ในโทรศัพท์มือถือของอีอูยอนมีเพียงประวัติการโทรของตัวเขาเอง กรรมการผู้จัดการคิม หัวหน้าทีมชา และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเท่านั้น ส่วนการโทรอื่นๆ ได้ถูกลบไปจดหมายเกลี้ยง ในสมุดโทรศัพท์ของเขาก็เหมือนกัน มันมีแค่เบอร์โทรศัพท์ของคนที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น เขาไม่เจอชื่อของผู้หญิงเลย

แล้วเขาก็ลองสำรวจแกลลอรี่ในเครื่องของอีกฝ่ายดู

“…”

เขาไม่เจอรูปภาพอะไรเลยนอกจากรูปดอกไม้สองสามรูปที่มีมาอยู่แล้วในตอนที่ซื้อโทรศัพท์

“ไม่มีรูปเซลฟี่เลย อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ…”

ชเวอินซอบบ่นอู้อี้และลองค้นนั่นค้นนี่ไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่เจออะไรเลย เขาวางโทรศัพท์คืนกลับไปที่ที่เดิมอีกครั้ง และถึงแม้ว่าเขาจะกลับมานั่งแล้ว อีอูยอนก็ยังไม่กลับเข้ามา

“อะไรกันเนี่ย จู่ๆ ก็ไปไหนของเขา…”

ชเวอินซอบนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายเรียกพนักงานเสิร์ฟ และลองใช้ปลายส้อมตัดสเต็กที่อยู่ในจานของอีอูยอนขึ้นมาชิม

“แหวะ!”

เขาคิดว่าต่อให้หมักเนื้อด้วยซีอิ๊วหรือปรุงรสด้วยเกลือมันก็ไม่น่าเค็มขนาดนี้ อินซอบรีบดื่มน้ำเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะดื่มน้ำเข้าไปแล้ว แต่รสชาติที่เค็มจนทำให้ลิ้นของเขาแสบก็ยังเหลืออยู่ เขารู้สึกว่าอีอูยอนที่กินสิ่งนี้เข้าไปแล้วไม่ทำหน้าตาเหยเก แถมยังออกไปหาเชฟเงียบๆ ได้น่านับถือมาก

“…จะมีเรื่องกันหรือเปล่านะ”

ชเวอินซอบหยิบมือถือขึ้นมาและเดินออกไปด้านนอก เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมีโอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นฉากสำคัญนั้นไหม ตัวเขาเองที่ออกมาตรงทางเดินรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก และเขาก็พยายามก้าวเดินเงียบๆ เพื่อหาตัวอีอูยอนให้เจอ เขาเจอพนักงานเสิร์ฟที่เสิร์ฟอาหารให้พวกเขาเมื่อสักครู่นี้ จึงถามว่าอีอูยอนไปทางไหนด้วยเสียงเบาๆ พนักงานเสิร์ฟผายมือไปทางประตูที่อยู่ด้านข้างห้องครัวและจากไป

ประตูฉุกเฉิน

หัวใจเขาเต้นตึกตัก ชเวอินซอบเอามือกดหน้าอกของตัวเองเอาไว้

ชเวอินซอบจับลูกบิดประตูและเปิดประตูอย่างระมัดระวัง

เขาทิ้งความลังเลไว้ข้างหลังและกำลังจะปิดประตูลง เพราะเขาไม่พบอะไรเลยในคราแรก ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ของผู้หญิง

“…!”

ชเวอินซอบกำลูกบิดประตูไว้แล้วเงี่ยหูฟัง เขาได้ยินเสียงของอีอูยอนเป็นครั้งคราวต่อจากเสียงหัวเราะของหญิงสาว ที่ด้านล่างบันไดเขาเห็นอีอูยอนกับผู้หญิงที่อยู่ในชุดเชฟสีขาวยืนหันหน้าเข้าหากันและคุยกันอยู่ อย่าว่าแต่อีกฝ่ายโกรธเชฟที่ให้เขากินสเต็กหมักเกลือเลย ดูเหมือนอีอูยอนจะตัดสินใจพูดคุยอย่างลับๆ กับหญิงสาวเสียมากกว่า

ชเวอินซอบเอาตัวแนบประตูและแอบฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่

“เพราะอย่างนั้นคุณก็เลยทำสเต็กหมักเกลือให้ผมกินเหรอครับ”

“ใช่แล้ว เพราะฉันได้ยินมาว่าเธอมาถึงนี่ แต่เข้าห้องไปเลยโดยไม่ยอมไปทักทายฉันน่ะสิ ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะมากับผู้จัดการส่วนตัวแค่สองคน”

“ขอโทษด้วยนะครับ ผมคิดว่าผมจะไปทักทายคุณทีหลัง เพราะผมมากับผู้จัดการส่วนตัวน่ะครับ”

“โกหก เธอไม่ได้คิดที่จะทำอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีทางหรอกครับ”

ทันทีที่อีอูยอนกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่หูของเธอ หญิงสาวก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

 ชเวอินซอบถอนหายใจออกมา เขาไม่ค่อยตกใจเท่าไรกับภาพเช่นนี้ เพราะเขารู้ความจริงเรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนของอีอูยอนดีอยู่แล้ว ในขณะที่เขาแอบสะกดรอยตามอีกฝ่าย เขาถ่ายภาพที่อีกฝ่ายอยู่กับดาราหญิงได้ไม่ใช่แค่สองสามรูป

แล้วมันก็ไม่ใช่ภาพที่ชเวอินซอบอยากได้เช่นกัน

“…แล้วอะไรล่ะ”

ชเวอินซอบใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพที่อีอูยอนยืนคุยอยู่ข้างๆ เชฟสาวเอาไว้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเขารวบรวมรูปพวกนี้เอาไว้ มันจะเกิดประโยชน์ขึ้นมาตอนไหน

หลังจากที่เขาถ่ายรูปเสร็จ เขาก็ปิดประตูลงอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ชเวอินซอบเดินไปตามทางเดินและเช็ครูปในโทรศัพท์มือถือ เขาถอนหายใจออกมา

“จะเอาไอ้นี่ไปทำอะไรได้นะ”

เขาถ่ายรูป รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอีอูยอน และยังพยายามอย่างมากที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสีย ในสายตาของคนอื่นเขาอาจจะเป็นแฟนคลับผู้ชื่นชอบอีอูยอนด้วยใจจริงและได้ยกระดับขึ้นมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว

นี่ฉันออกจะโกรธแค้นอีอูยอนถึงขนาดนี้…

ชเวอินซอบเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าและเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาอยากจะล้างมือสักหน่อย แม้มันจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้พิเศษอะไร แต่เขาจะล้างมือทุกครั้งที่เขาอารมณ์ไม่ดี เขาจงใจหมุนก๊อกน้ำไปทางฝั่งสีน้ำเงิน มือของเขาสัมผัสเข้ากับน้ำเย็นๆ และเขาก็เริ่มถูสบู่ แม้เขาจะรู้สึกแสบราวกับนิ้วมือของเขาแข็งเป็นน้ำแข็ง แต่ชเวอินซอบกลับทำฟองสบู่ขึ้นมาอย่างพิถีพิถันและค่อยๆ ล้างมือ ในตอนที่แม้แต่ความรู้สึกเย็นยะเยือกหายไป เพราะประสาทการรับรู้ของเขาด้านชาไปแล้ว ชเวอินซอบก็วางมือที่บวมแดงของตัวเองลงบนแก้ม

เขารู้สึกถึงความอบอุ่นไปพร้อมๆ กับความรู้สึกเย็นวาบที่มากพอที่จะทำให้เซลล์ของเขาชาไปทีละเซลล์ๆ ทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้ ชเวอินซอบจะรู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่

แก้มกับปลายนิ้วของเขาแดงขึ้นมา ชเวอินซอบจ้องมองภาพของตัวเองที่อยู่ในกระจก ตัวเขาในวัยที่เต็มไปด้วยรอยกระและความหวาดกลัวกำลังมองเขาจากในนั้น และเด็กคนนั้นก็กำลังส่งสายตาเชิงต่อว่ามาถามเขาว่า ‘นี่นายมาทำอะไรที่นี่กันแน่’

เขาส่ายหน้าและมองกระจกอีกครั้ง สายตาที่มีความหวาดกลัวยังคงอยู่ แต่เด็กผู้ชายคนนั้นโตขึ้นกว่าตอนนั้นมากแล้ว เขาโตถึงขนาดที่ว่าถ้าไม่ได้มองอย่างละเอียด ก็จะหารอยกระพวกนั้นไม่เจอ แม้เขาจะยังไม่สามารถสลัดท่าทีที่ดูเป็นเด็กออกไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเขาในตอนนี้ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว

“สู้ๆ นะ เพื่อเจนนี่”

ทันทีที่ชื่อเจนนี่หลุดออกมาจากปาก หัวใจของเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาด้วยความเคยชิน ไม่ว่าอย่างไรตลอดนะเวลาสองเดือนที่เขาเหลืออยู่ เขาจะต้องหาหลักฐานที่จะขุดคุ้ยตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนออกมาให้ได้

เขารู้ดีถึงตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของอีอูยอนที่ไม่ใช่อีอูยอนที่ใครๆ ก็ชอบ และเขาจะต้องประกาศให้คนอื่นๆ รู้ให้ได้ เพราะเขาสัญญาเอาไว้แล้ว

แต่เขายังไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันถึงตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอน

เพื่อที่เขาได้หลักฐานมาอยู่ในมือ ชเวอินซอบจะต้องตามติดอีอูยอนอยู่พักหนึ่งและรวบรวมข้อมูล ถ้าหากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอีอูยอนแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาก็จะเก็บรวบรวมไว้ทั้งหมด ถึงขนาดที่ว่าแม้เขาจะโดนเรียกว่าเป็นสตอล์กเกอร์ก็ไม่เป็นไร แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่เขาสามารถหาจากอีอูยอนได้ก็คือปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ

หลักฐานที่บอกว่าอีอูยอนเป็นคนเน่าเฟะตั้งแต่แรกนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หน้าที่ของเขาก็คือจะต้องขุดตัวตนที่ซ่อนอยู่ภายใต้โฉมหน้าที่อ่อนโยน ให้โลกได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วคนคนนั้นมีนิสัยที่โสมมแค่ไหน

เพื่อเจนนี่…เขาจะต้องทำเพื่อเธอคนนั้น

“คอยดูเถอะ ไอ้สารเลวเอ๊ย”

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ”

“…!”

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันเรียกให้ชเวอินซอบหันหลังไปมองด้วยความตกใจ อีอูยอนที่เข้ามาในห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เดินมาอยู่ข้างๆ และเริ่มล้างมือ

หัวใจของชเวอินซอบเต้นรัวเหมือนจะระเบิด เขาจะได้ยินที่เราพูดไหมนะ ไม่ใช่ว่าเขาเข้าห้องน้ำมาเพราะรู้อะไรบางอย่างหรอกนะ ไม่ใช่ว่าสถานที่ที่เตรียมเอาไว้ในวันนี้เป็นอุบายที่อีอูยอนซึ่งรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้วสร้างขึ้นมาหรอกใช่ไหม

“ขอโทษนะครับ”

“ครับ?”

“ที่ทำให้รอน่ะครับ กลับไปทานอาหารกันเถอะครับ”

เขาทำสีหน้าเหมือนปกติ ชเวอินซอบก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ เหมือนมันจะยังไม่เป็นอะไรนะ

“วันนี้คุณไม่จำเป็นต้องไปส่งผมที่บ้านหรอกครับ เดี๋ยวผมจะกลับเอง”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

ชเวอินซอบรู้ได้โดยธรรมชาติเลยว่าบทสนทนาที่อีอูยอนคุยกับผู้หญิงคนนั้นตรงบันไดต้องเป็นเรื่องอะไรสักอย่างแน่ๆ ถ้าเขาสามารถทำได้ การถ่ายเซ็กส์เทปของอีกฝ่ายและอัปโหลดลงอินเตอร์เน็ต ก็น่าจะเป็นหนทางหนึ่งเหมือนกัน แต่เรื่องแบบนี้ต่อให้ตายแล้วฟื้นเขาก็ไม่สามารถทำได้…แค่คิดถึงฉากพวกนั้นเขาก็อารมณ์ไม่ดีแล้ว

“ท้องไส้ไม่ดีเหรอครับ”

“ครับ?”

“ก็สีหน้าของคุณน่ะ”

อีอูยอนที่ล้างมือเสร็จแล้วหาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังและชี้อินซอบจากในกระจก และแล้วชเวอินซอบก็ได้รู้ความจริงว่าเขาเผลอเอามือขึ้นมากดบริเวณกระเพาะและทำหน้านิ่วอยู่

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นอะไรเลยครับ”

“โล่งอกไปทีนะครับ อืม ไปกันไหมครับ”

ชเวอินซอบรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าของตัวเองและยื่นให้อีกฝ่าย อีอูยอนกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับผ้านั้นไป

ชเวอินซอบรับผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นมา ก่อนจะคว้าปลายเสื้อของอีอูยอนเอาไว้

“มีอะไรเหรอครับ”

“ช่วย…ก้มลงมาเดี๋ยวได้ไหมครับ”

อีอูยอนก้มคอลงตามคำขอของผู้จัดการส่วนตัว ชเวอินซอบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดบริเวณริมฝีปากของอีอูยอน ถึงแม้มันจะเป็นความใจดีที่มากเกินไปหน่อย แต่ถ้าเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่ต้องดูแลอีอูยอนแล้วล่ะก็ ชเวอินซอบก็ได้แต่เตือนตัวเองว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทำ

“มันเลอะลิปสติกน่ะครับ…เรียบร้อยแล้วครับ”

“คุณชเวอินซอบนี่ใจดีจังเลยนะครับ”

เสียงหัวเราะจางๆ เหมือนกับความเค็มที่สัมผัสได้ในลมจากชายหาดปรากฏขึ้นในน้ำเสียงของอีอูยอนที่พูดแบบนั้น

“…ขอบคุณครับ”

ถ้าหากทำได้เขาอยากจะเอาหมัดชกแก้มของอีอูยอนและด่ากราดใส่อีกฝ่ายเสียตอนนี้เลย เขาอยากจะด่าอีกฝ่ายว่า ‘ไอ้ชั่วเอ้ย คนอย่างแกที่หลอกลวงเจนนี่จะต้องตกนรกเท่านั้น’ แต่คำพูดพวกนั้นน่าจะทำอะไรอีอูยอนไม่ได้แม้แต่ปลายผม

“ว่าแต่ที่คุณพูดตอนที่ทานอาหารเมื่อสักครู่นี้น่ะครับ…”

“ผมลืมไปแล้วครับ”

อีอูยอนยิ้มและรีบผายมือให้เขาเข้าไปในห้อง เขาเดินตามอีอูยอนที่เขาแสนจะเกลียดชังไปตามทางเดินและคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

ถึงแม้จะไม่ได้อะไรมาอยู่ในมือ แต่ถ้ายื่นมือออกไปตอนนี้ มันก็เป็นระยะห่างที่สามารถจับอีอูยอนได้แล้วนี่นา ในตอนนี้แค่เท่านี้มันก็พอแล้วล่ะ

ชเวอินซอบเกลี้ยกล่อมให้ตัวเองพอใจในสิ่งที่มีไปก่อน

 

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท