ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 1-2

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 1-2

 

“…”

“ถึงจะน่าสงสาร แต่ก็ตายไปแล้ว แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ”

ถ้าหากทำได้ กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงก็อยากจะเอาผ้าคลุมหัวแล้วนอนไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ต้องมารับรู้อะไร นี่ผีเจาะปากมาพูดหรืออย่างไร ถึงได้พูดคำพูดพวกนั้นออกมาได้

“นี่นายไม่มีหัวใจหรือยังไงกันนะ”

“ผมน่ะเหรอครับ ก็พวกคุณทั้งคู่บอกเองนี่ครับว่าอย่าเสียใจมากเกินไป”

มันเป็นน้ำเสียงที่เขาเกือบจะหลงเชื่อแล้ว ถ้าหากไม่รู้จักอีอูยอน แต่กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงรู้ถึงความเน่าเฟะที่ถูกซ่อนอยู่ใต้หน้ากากที่สวยงามนั้นดี

“ถ้าคิดว่าเธอต้องลำบากขนาดไหนกันนะ ถึงได้เลือกทำแบบนั้นในวัยแรกแย้มแบบนี้ ผมก็ปวดใจเหมือนกันนะครับ”

อีอูยอนกดฝ่ามือลงไปบนหน้าอกพลางพึมพำ น้ำเสียงเศร้าสร้อยจนยากที่จะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกับที่พูดเรื่องลำดับตอนมาตอนไปเมื่อสักครู่นี้

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงกับหัวหน้าทีมชาเป็นเพียงคนสองคนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอน และทั้งคู่รู้ดีว่าจริงๆ แล้วน้ำเสียงเศร้าสร้อยเมื่อสักครู่นี้ของอีอูยอนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมา 

ใจจริงอีอูยอนไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจหญิงสาวผู้เสียชีวิตเลยแม้แต่น้อย อีอูยอนเป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ 

“เตรียมสูทดำเอาไว้ด้วยล่ะ แล้วก็ไปงานด้วย”

ทันทีที่กรรมการผู้จัดการคิมพูดจบอีอูยอนก็เงยหน้าขึ้นมาทำแววตาแปลกใจ

“ไปไว้อาลัยให้ผู้ตายที่นั่นไง ข่าวลือของนายจะได้ดีขึ้นมาบ้าง”

“มันมีข่าวลือที่ดีขึ้นมาได้ด้วยเหรอครับ”

“ถึงรำคาญก็ต้องไป มันมีหน้าตาของบริษัทเราอยู่นะ”

“ใครบอกว่ารำคาญกันล่ะครับ ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว”

อีอูยอนพูดราวกับจะบอกว่าเขารำคาญจะตายอยู่แล้ว และลุกขึ้นจากที่นั่ง

“หัวหน้าทีมชาจะไปส่ง เตรียมสูทดำ เสื้อเชิ้ตขาว รองเท้า แล้วก็แว่นที่ไม่มีค่าสายตาเอาไว้ด้วยล่ะ แล้วตอนกลับบ้านฉันเรียกผู้จัดการส่วนตัวที่จะเริ่มงานพรุ่งนี้มาแล้ว ฉันสั่งให้เขาไปส่งนายที่บ้านเพื่อมาแนะนำตัวกับนาย อย่าแกล้งเขาล่ะ”

“ก็บอกแล้วไงครับว่าผมไม่ได้แกล้ง”

ไม่ว่าอีอูยอนจะพูดอย่างไร กรรมการผู้จัดการคิมก็มั่นใจว่าการที่ผู้จัดการส่วนตัวทยอยส่งใบลาออกนั้นเป็นเพราะคนตรงหน้านี้ได้แสดงผลงานชิ้นเอกออกมาลับหลังอย่างแน่นอน

“พวกนักข่าวน่าจะรวมตัวกันอยู่ ห้ามทำอะไรไม่เข้าท่าเด็ดขาด”

“ทำอะไรไม่เข้าท่าเหรอครับ”

อีอูยอนเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยสีหน้าที่บอกว่ามันคืออะไรกัน

“ผู้หญิง”

“อ๋อ ผู้หญิง”

ชายหนุ่มก้มหน้าลงและหัวเราะออกมา พวกผู้หญิงบอกว่าพวกหล่อนแทบจะละลาย เพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำ และน่าฟังของเขาที่เฉียดผ่านหู การหาผู้ชายที่หล่อและหุ่นดีกว่าอีอูยอนในวงการบันเทิงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เขาขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแม้จะไม่ได้เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอะไรคือน้ำเสียงของเขา 

ดาราหญิงที่เคยถ่ายละครเรื่องเดียวกับอีอูยอนเอ่ยชมเสียงของเขาเป็นเสียงเดียวกัน มันเป็นคำยืนยันปนกับคำพูดโอ้อวดของพวกผู้หญิงว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ถ้าหากถูกอีอูยอนสารภาพรักข้างๆ หูเข้า ก็คงทำได้แค่ล้มลงไปเท่านั้น

อีอูยอนรู้ดีกว่าใครว่าจะทำให้อีกฝ่ายได้ยินน้ำเสียงของตัวเองด้วยวิธีไหน เขาส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ราวกับช็อกโกแลตที่ละลายมาอย่างดี และเอ่ยถาม

“อย่าบอกนะครับว่าเห็นผมเป็นคนที่จะไปก่อเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่งานศพ”

“…”

ก็เห็นเป็นอย่างนั้นน่ะสิ ไอ้หมอนี่

กรรมการผู้จัดการคิมกลั้นคำที่อยากจะพูดเอาไว้ และโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายออกไป อีอูยอนหัวเราะก่อนจะกล่าวลาและจากไป กรรมการผู้จัดการคิมหยิบยาออกมาใส่ปากและดื่มน้ำตามลงไป เพื่อไล่อาการปวดหัวที่โถมเข้ามา หัวหน้าทีมชานิ่งไปสักพักก่อนจะถามออกมาอย่างระมัดระวัง 

“ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่เป็นคนแบบไหนเหรอครับ กรรมการผู้จัดการ”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงกลืนน้ำลงคอ และตอบ

“เป็นคนที่จะไม่ลาออกอย่างแน่นอน”

 

***

 

หัวหน้าทีมชาฮยอนคยูกำลังสูบบุหรี่ เขามาที่นี่เพราะคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมที่สั่งให้เขาคอยดูแลอีอูยอนให้ดี แต่แน่นอนว่าสถานที่จัดงานศพทำให้เขารู้สึกตะขิตตะขวงใจมาก บรรดานักข่าวที่เดินไปเดินมาบริเวณสถานที่จัดงานศพเพื่อจับสังเกตเหตุการณ์อะไรบางอย่างนั้นไม่น่าดู ในขณะเดียวกันบุคคลสำคัญในวงการบันเทิงที่ก่อเรื่องทะเลาะกันเพื่อให้ได้รับความสนใจก็น่าเบื่อ 

แม้ว่าเขาจะทำงานในแวดวงนี้มาได้เกือบสิบปีแล้ว แต่เขากลับรู้สึกสงสัยในงานของตัวเองเอาตอนนี้ เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นภายในกระเป๋าเสื้อ หัวหน้าทีมชาคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา 

“ครับ ชาฮยอนคยูครับ อ๋อ ครับ ผมอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาลครับ คุณมาทางนั้นก็ได้ ถึงแล้วโทรมานะครับ”

พอวางสายเสร็จ เขาก็ดับบุหรี่ที่กำลังถืออยู่ลง ดูเหมือนว่าผู้จัดการส่วนตัวที่มาทำงานวันนี้เป็นวันแรกจะมาถึงแถวๆ นี้แล้ว อีกฝ่ายเป็นเจ้าของเสียงเงียบๆ และสุขุมลุ่มลึกที่ได้ยินทางโทรศัพท์ เขานึกถึงคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมที่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่จะไม่ลาออกอย่างแน่นอนขึ้นมา

“จิ๊ โชคร้ายชะมัด”

อีอูยอนนิสัยไม่ดี คนที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้นมีเพียงกรรมการผู้จัดการคิมและเขาเท่านั้น ตอนแรกหัวหน้าทีมชาคิดว่าอีอูยอนเป็นเทพบุตรที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เขาเห็นกระทำของอีกฝ่ายที่จริงใจ สุภาพ และถ่อมตนอยู่เสมอ และเขาก็พูดจนปากจะฉีกกับดาราคนอื่นๆ ที่ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกันว่าให้ดูและเรียนรู้จากอีอูยอน การที่เขาได้รับรู้ถึงภายในที่ดำมืดซึ่งถูกซ่อนอยู่ใต้เปลือกนอกของเทพบุตรนั้นเป็นเรื่องบังเอิญ

ชาฮยอนคยูหยิบบุหรี่มวนใหม่ออกมาจากซองบุหรี่และจุดมัน เขานึกถึงความทรงจำครั้งก่อนขึ้นมาในทันทีที่เขาปล่อยควันที่เข้าไปรมควันปอดของเขาออกมา 

 

***

 

“อะไรกันเนี่ย อ๋อ อีอูยอนนี่นา”

“ดารานี่นา ดารา หล่อจังเลยอีอูยอน”

ดูเหมือนพวกเขาจะเห็นภาพภายในห้องระหว่างที่พนักงานเสิร์ฟเปิดประตู ผู้ชายสองคนที่เดินผ่านมายื่นหน้าเข้ามาพูด เหตุการณ์ที่คนเมา โดยเฉพาะคนเมาที่เป็นผู้ชายเจอดาราที่เป็นผู้ชายเหมือนกันมักจะจบลงไม่สวยเท่าไร

สิ่งที่ทำให้อีอูยอนแสดงความกังวลออกมาก็คือตอนที่กรรมการผู้จัดการคิมบอกว่าจะเลี้ยงเหล้าเนื่องในโอกาสที่ละครที่เขาถ่ายเมื่อไม่นานมานี้จบลงได้ด้วยดี กรรมการผู้จัดการคิมบอกว่าจะเตรียมห้องที่มีบรรยากาศใช้ได้เอาไว้และดึงดันลากอีอูยอนมาด้วยจนได้

เพราะเป็นคำพูดของกรรมการผู้จัดการ อีอูยอนจึงต้องตามออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ กรรมการผู้จัดการคิมเตรียมสถานที่นั้นไว้เป็นพิเศษ เพื่ออีอูยอนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่แค่ที่บ้านกับกองถ่ายในช่วงที่ทำงาน และได้ใช้ชีวิตอยู่แค่ที่บ้านกับยิมในช่วงหยุดพัก กรรมการผู้จัดการคิมยืนยันว่า ‘บางครั้งการได้หายใจหายคอแบบนี้ก็ทำให้เสน่ห์ของความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้น’ พอคำพูดพวกนั้นหลุดออกมาจากปากของคิมฮักซึง กรรมการผู้จัดการของ JN ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานอย่างเข้มงวด อีอูยอนซึ่งเป็นดาราหน้าใหม่ในบริษัทก็เริ่มใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาของลูกผู้ชาย ถึงขนาดที่คนที่เห็นว่าเขาตรงไปตรงมาขนาดไหนเอ่ยถามว่านี่นายใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่

พนักงานเสิร์ฟตกใจและพยายามจะปิดประตู แต่นั่นก็เป็นหลังจากที่ผู้ชายพวกนั้นเข้ามาในห้องด้วยความดื้อรั้นได้แล้ว

“โอ้ พอเจอตัวจริงแล้วหล่อเลยนะเนี่ย ใช่อีอูยอนที่แสดงละครเรื่อง…ละครรอบนี้ของเขาเรื่องอะไรนะ อะไรสักอย่างของความหวังใช่ไหม ยินดีที่ได้เจอนะ”

อีอูยอนไม่ได้แสดงความรู้สึกไม่ชอบใจออกมา เขาลุกขึ้นยืนและตอบออกไปว่าใช่ครับ ก่อนจะยื่นมือออกไป เขาเป็นฝ่ายร้องขอการจับมือก่อนด้วยซ้ำ

“หลานของฉันชอบนายมากเลย ช่วยเซ็นลายเซ็นให้สักสองสามแผ่นสิ ช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ไม่สิๆ ขอเบอร์เลยแล้วกัน แล้วเดี๋ยวก็ช่วยคุยโทรศัพท์กับหลานของฉันหน่อยนะ”

“ไว้ผมจะทำให้นะครับ แต่ตอนนี้มีคนอื่นๆ อยู่ด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

อีอูยอนก้มหัวอย่างสุภาพ แต่มันไม่สำคัญสำหรับผู้ชายที่เมามากอีกต่อไปแล้ว

“ว่าไงนะ ไม่ยอมให้ลายเซ็นเหรอ อะไรวะเนี่ย”

“หยิ่งฉิบหายเลยโว้ย”

สีหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมไม่สู้ดีนัก เพราะบรรยากาศที่เงียบขึ้นมาทันควัน พนักงานเสิร์ฟพยายามจะลากคนพวกนั้นออกไปอย่างเร่งรีบ แต่ก็ไร้ประโยชน์

“คุณลูกค้าครับ ที่นี่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ด้วยนะครับ ขอเชิญคุณลูกค้าออกไปด้วยครับ”

“ไอ้โง่เอ้ย! รู้ไหมว่าฉันเป็นใครถึงได้มาสั่งให้ออกไปน่ะ นี่เป็นร้านของเถ้าแก่ซงใช่ไหม ไม่รู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนหนุนหลังเถ้าแก่ซงอยู่ถึงได้ทำแบบนี้ หยุดซะตอนที่ฉันยังพูดดีๆ ด้วยเถอะไอ้โง่”

พวกเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ดูมีมารยาทดีเลยสักนิด พนักงานเสิร์ฟเองก็กระวนกระวายไม่รู้จะทำอย่างไร และในขณะเดียวกันผู้ชายพวกนั้นก็หาเรื่องอีอูยอนอีกครั้ง

“การให้ลายเซ็นมันยากขนาดนั้นเลยหรือไง”

“ขอโทษด้วยครับ”

ทุกคนในห้องนี้รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่จะจบลงได้ด้วยการให้ลายเซ็น

“เป็นแค่ดาราหน้าใหม่เอง แกมีอะไรดีเหรอถึงจะไม่ให้ลายเซ็นฉัน”

กรรมการผู้จัดการคิมส่งสายตาให้หัวหน้าทีมชา หัวหน้าทีมชารีบลุกขึ้นมาจัดการสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

“ขอโทษนะครับ เขาเมามาก ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ลายเซ็นได้ โปรดเข้าใจด้วยนะครับ”

“เมางั้นเหรอ”

ชายคนนั้นพิจารณาใบหน้าของอีอูยอนอย่างตั้งใจ ถึงแม้อีอูยอนจะดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะเมา อีอูยอนก้มหัวและกล่าวขอโทษอีกฝ่ายอีกครั้ง

“งั้นก็รินเหล้ากันสักแก้วสิ”

ชายคนนั้นคว้าแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาและพูดขึ้น

“ถึงจะบอกว่าเมา แต่คงไม่ถึงกับรินเหล้าให้สักแก้วไม่ได้หรอกใช่ไหม มาลองดื่มเหล้าที่ไอ้ดารานี่รินให้กันเถอะ ดื่มแล้วฉันจะไป”

อีอูยอนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบขวดเหล้านอกขึ้นมาและรินใส่แก้ว ทันทีที่เหล้านอกชั้นดีถูกเติมจนเต็มแก้ว ชายคนนั้นก็พูดว่า ‘พอแล้ว’ และตะโกนออกมาราวกับจะบอกว่าเขาพอใจ ชายคนนั้นเอาแก้วมาแตะที่ริมฝีปากหนาๆ แล้วจู่ๆ เขากลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยเรียกอีอูยอน

พออีอูยอนเงยหน้าขึ้น ชายคนนั้นสาดเหล้านอกที่ควรจะดื่มลงไปใส่หน้าอีอูยอน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เหล้านอกพวกนั้นไหลลงมาตามสันกรามเรียวของชายหนุ่ม

“ไอ้คนไร้มารยาท”

ชายคนนั้นเขวี้ยงแก้วลงบนโต๊ะและออกจากห้องไป พนักงานเสิร์ฟก้มหัวและบอกว่าจะนำผ้าเช็ดมือแบบเปียกมาให้ก่อนที่จะออกไป

“เป็นอะไรไหม”

กรรมการผู้จัดการคิมถามขึ้น อีอูยอนยิ้มและตอบออกมา

“ไม่เป็นไรครับ”

“ให้ตายสิ คนแบบนั้นมีอยู่เต็มไปหมดเลย”

หัวหน้าทีมชาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า และพยายามจะเช็ดหน้าของอีอูยอน อีอูยอนยกมือขึ้นมาปัดผ้าเช็ดหน้าของหัวหน้าทีมชาทิ้ง

“…?”

“ทิ้งผ้าเช็ดหน้าไปเถอะครับ ถ้าเขาเอาผ้าเปียกมาให้แล้ว เดี๋ยวผมเช็ดเอง”

“ขอโทษด้วยนะ นี่เป็นที่ที่ฉันเตรียมมาเพื่อให้นายอารมณ์ดีแท้ๆ”

คิมฮักซึงกล่าวขอโทษ อีอูยอนเผยรอยยิ้มสบายๆ อย่างมีมารยาทและตอบกลับไป

“ไม่เป็นไรครับกรรมการผู้จัดการ ผมคิดว่านี่เป็นประสบการณ์ทางสังคมนะครับ”

เห็นดังนั้น กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาก็นึกสงสัยว่ามีคนแบบนั้นอยู่ได้อย่างไรกันนะ และรู้สึกผิดขึ้นมา อีอูยอนกล่าวขอบคุณพนักงานเสิร์ฟที่เอาผ้าเปียกมาให้ พอได้ลองซักถามดูแล้ว แม้มันจะเป็นเรื่องโชคร้ายที่เกิดขึ้นจากการที่พนักงานเสิร์ฟไม่ได้ปิดประตูในทันที แต่อย่าว่าแต่โกรธเลย อีกฝ่ายไม่แสดงความรู้สึกว่าไม่ชอบออกมาเลยด้วยซ้ำ พนักงานเสิร์ฟก้มหัวลงต่ำและกล่าวขอโทษ ผ่านไปสักพักผู้จัดการร้านก็มาขอโทษด้วย

“ใครกันเหรอครับ คนพวกนั้นน่ะ”

กรรมการผู้จัดการคิมถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรำคาญ ผู้จัดการร้านทำได้เพียงกล่าวคำขอโทษเท่านั้น ดูเหมือนคำพูดของชายคนนั้นที่บอกว่าเขามีความสัมพันธ์กับคนดูแลที่นี่จะไม่ใช่คำโอ้อวด

“ไม่เป็นไรครับ แค่เหล้าแห้งก็พอแล้วครับ ยังไงผมน่าจะอาบน้ำตอนกลับไปถึงบ้านอยู่ดี ออกไปได้แล้วล่ะครับ”

 ผู้จัดการทิ้งคำพูดไว้ว่าให้สั่งอาหารได้ตามที่ต้องการ เพราะเขาจะไม่รับค่าเหล้าของวันนี้ก่อนที่จะขอตัวออกไป กรรมการผู้จัดการคิมแสดงความรำคาญออกมาและจุดบุหรี่ขึ้น

“แต่ถึงอย่างนั้นนายก็ดูจะมีชื่อเสียงอยู่นะ แม้แต่คนแบบนั้นยังรู้จักนายเลย”

เมื่อได้ยินหัวหน้าทีมชาโยนคำพูดล้อเล่นฝืดๆ มาให้ อีอูยอนก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

คนที่เจอดาราข้างนอกและเข้ามาหาเรื่องมีอยู่บ่อยๆ ฝ่ายที่โดนหาเรื่องแล้วเสียหายส่วนมากจะเป็นดารา เพราะฉะนั้นการอดทนเอาไว้เป็นเรื่องที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องกับคนนิสัยไม่ดี มักจะลามไปถึงขั้นถูกคุกคามเป็นประจำ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยง

อีอูยอนใช้ผ้าเปียกเช็ดเหล้าออกพอเป็นพิธี เขาเห็นผู้ชายที่แสดงธาตุแท้ออกมาเมื่อสักครู่นี้ผ่านไปตรงด้านนอกประตู

“ผมไปล้างหน้าหน่อยนะครับ”

“จะออกไปทั้งอย่างนี้เหรอ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ห้องน้ำอยู่ด้านหน้านี่เอง”

คล้อยหลังอีอูยอน หัวหน้าทีมชาก็ถอนหายใจและเอ่ยขึ้น

“โอย เขาอ่อนโยนขนาดนี้ ผมชักกังวลแล้วนะครับว่าต่อไปเขาจะออกไปเผชิญโลกที่โหดร้ายนี้ได้หรือเปล่า”

“ไม่หรอก ถึงจะดูเป็นแบบนั้น แต่ฉันขอบอกไว้เลยนะว่าหมอนั่นดื้อพอสมควรเลยล่ะ เขาจะเติบโตขึ้นแน่นอน”

แม้จะได้แคสติ้งบทตัวประกอบเล็กๆ ในละคร แต่กลับได้กระแสตอบรับมากมายจากผู้ชม ในที่สุดคนเขียนบทก็ต้องปรับบทจนหมอนั่นก็กลายเป็นตัวประกอบที่มีความสำคัญ เขาได้รับความสนใจมากกว่านักแสดงนำ ถึงขนาดที่มีเรื่องซุบซิบไปทั่วว่านักแสดงที่รับบทนำคนหนึ่งหลุดปากพูดว่าจะไม่ทำงานกับอีอูยอนอีกแล้ว

กรรมการผู้จัดการคิมที่ทำงานอยู่ในวงการนี้มานานเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง อีอูยอนเป็น ‘ปลาใหญ่’ และมันก็น่าจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้

“เพราะรอบนี้กระแสตอบรับดีมาก คราวหน้าก็จะมีผลงานที่ดีกว่าเข้ามาใช่ไหมครับ”

“ก็ต้องเลือกให้ดีก่อนส่งเขาออกไปสิ ถ้ารับงานทั้งหมดมาทำมันจะได้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม เพราะคนก็จะเสพแต่ภาพลักษณ์ของเขาเท่านั้น”

“นั่นสินะครับ ในอนาคตก็จะมีบทใหญ่ๆ เข้ามาหาอีอูยอนเยอะเลยใช่ไหมครับ”

“มีเข้ามาอยู่สองสามชิ้นนะ แต่ก็ต้องลองพิจารณาดูก่อน”

“ถึงจะได้ถ่ายหนังดีๆ แค่ส่วนเดียวก็ไม่แย่นะครับ…ว่าแต่ทำไมเขายังไม่มาอีกล่ะ ไม่ใช่ว่าโดนหาเรื่องอีกแล้วหรอกนะครับ”

ทันทีที่หัวหน้าทีมชาพูดจบกรรมการผู้จัดการคิมก็ลุกขึ้น มันหยุดแค่ที่การสาดเหล้าเพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่เขาไม่รู้เลยว่าถ้าอีอูยอนอยู่คนเดียว นักเลงพวกนั้นจะหาเรื่องอีกฝ่ายด้วยวิธีไหน

คนทั้งคู่วิ่งไปทางห้องน้ำ แต่พวกเขากลับไม่เจออีอูยอนที่คิดว่าจะอยู่ในห้องน้ำเลย

“ลองโทรหาดูซิ”

หัวหน้าทีมชาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายหาอีอูยอนอย่างรวดเร็ว เขาติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ และแม้จะพยายามต่อสายด้วยความกระวนกระวายใจอยู่อีกสองสามครั้ง แต่ก็เปล่าประโยชน์

“โธ่เว้ย ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ เรียกผู้จัดการร้านมาที่นี่ที ถ้าพาเจ้านั่นมาทันทีไม่ได้ ก็บอกมันไปว่าจะแจ้งตำรวจ…”

ก่อนที่กรรมการผู้จัดการคิมจะพูดจบ พวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกดังมาจากหลังประตูฉุกเฉินที่อยู่สุดทางเดิน คนทั้งคู่วิ่งไปทางด้านนั้นทันที หัวหน้าทีมชาหน้าเสีย และพึมพำว่าไม่ควรปล่อยให้อีอูยอนไปห้องน้ำตามลำพัง

กรรมการผู้จัดการคิมดันประตูเหล็กหนักๆ เข้าไป และเรียกชื่ออีอูยอนออกมา

 

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท