หลังจากวันหยุดที่เหมือนกับน้ำผึ้งจบลง หัวหน้าทีมชาก็มาทำงาน เขาถือยาบำรุงสองห่อไว้ในมือ เป็นเพราะกรรมการผู้จัดการคิมกอดขากางเกงอ้อนวอนว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายและจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก เขาจึงช่วยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
และผลลัพธ์ก็น่าขมขื่นมาก
เขารู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัวแม้จะถูกอีอูยอนก่อกวนเพียงไม่กี่วัน ระหว่างที่รอคนขายปรุงยา เมื่อนึกถึงหน้าของอินซอบที่ต้องทำสิ่งนั้นทุกวันขึ้นมา เขาก็รบกวนให้ช่วยปรุงเพิ่มอีกห่อโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สงสารผู้จัดการส่วนตัวคนอื่นๆ ที่ผ่านมา เพียงแต่เขาเป็นห่วงชเวอินซอบเป็นพิเศษเท่านั้นเอง เขารู้สึกสงสารอีกฝ่ายที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนที่เหมือนปีศาจและโดดลงไปในทะเลสาบที่เย็นเป็นน้ำแข็งเพื่อช่วยชีวิตอีกฝ่าย และสงสารที่อินซอบต้องนอนโรงพยาบาลเพราะเรื่องนั้น ก่อนจะถูกเรียกกลับมาทำงานอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นที่บอกว่าเป็นแฟนคลับของอีอูยอนนี่หมายความว่าอะไร พอเขาเห็นภาพที่อีกฝ่ายยอมลดแม้กระทั่งเวลานอนของตนและวิ่งไปวิ่งมาเพื่อคนที่มีจิตใจเน่าเฟะแบบนั้นแล้ว เขาก็น้ำตาไหลโดยอัตโนมัติ
“รู้สึกว่าพออายุมากขึ้น น้ำตาก็เยอะขึ้นไปด้วย…เฮ้อ”
หัวหน้าทีมชาใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาขณะที่รอลิฟต์ วันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งชเวอินซอบมักจะเข้าบริษัทวันนี้ ปกติแล้วคนทั่วไปจะรับและตรวจสอบตารางงานใหม่ผ่านโทรศัพท์หรืออีเมล แต่ชเวอินซอบกลับมาที่บริษัทและตรวจสอบการอัปเดตตารางงานของอีอูยอนก่อนจะออกไป
“สวัสดีครับ”
“อ้อ คุณอินซอบ ดีขึ้นแล้วหรือยัง”
“ครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ”
แม้จะตอบว่าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่หน้าเขายังดูไม่มีแรงอยู่ชัดๆ แม้จะขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ชเวอินซอบก็เอาแต่ยืนอยู่ตรงมุมลิฟต์เงียบๆ และมองตัวเลขบนหน้าจอเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เท่านั้น
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับเสียง ติ๊ง หัวหน้าทีมชาก็เห็นว่าใบหน้าของชเวอินซอบดีขึ้น และเขาก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมา ทั้งๆ ที่อินซอบเป็นคนนิสัยดี แต่บางครั้งอีกฝ่ายก็ขีดเส้นระหว่างตัวเองกับคนอื่นๆ
เขาเห็นชเวอินซอบเดินไปมาพร้อมกับทักทายไปทีละคนทันทีที่เข้ามาด้านในห้องทำงาน หัวหน้าทีมชามองภาพที่อีกฝ่ายก้มหัวทักทายแม้แต่คุณป้าแม่บ้านที่ยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดในขณะเดียวกันก็คิดว่ามันประหลาด
“โอ้ ในที่สุดก็มาทำงานแล้วเหรอ”
กรรมการผู้จัดการคิมที่วันนี้ก็ใส่ใจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเช่นเคยตบไหล่ชเวอินซอบอย่างยินดี
“สวัสดีครับ”
เมื่อรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา อินซอบจึงค้อมหัวมาทางนี้
“ซอบ ขอคุยด้วยแป๊บหนึ่งนะ”
กรรมการผู้จัดการคิมเรียกอินซอบให้ไปที่ห้องของตน หัวหน้าทีมชาเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปโดยไม่พูดอะไร
ทันทีที่ชเวอินซอบเข้ามาในห้อง กรรมการผู้จัดการคิมก็ชี้นิ้วสั่งให้อีกฝ่ายนั่งลงบนโซฟา บนใบหน้าของอินซอบที่นั่งอยู่ที่โซฟาแสดงความไม่สบายใจออกมาชัดเจน
“นายตัวสั่นขนาดนั้นเหมือนคนทำความผิดอะไรมาทุกครั้งที่ฉันเรียกเลยนะ ฉันไม่จับนายกินหรอก”
กรรมการผู้จัดการคิมหยิบเครื่องดื่มให้เขาจากตู้เย็นพร้อมกับพูดต่อ
“ช่วงนี้อีอูยอนเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยุ่งครับ เขาต้องไปสัมภาษณ์อยู่เรื่อยๆ แล้วก็กำลังเตรียมตัวสำหรับถ่ายละครอยู่ด้วย นอกจากนั้นเขายังออกกำลังกายและฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอครับ ส่วนวันนี้มีงานสัมภาษณ์สองที่และงานเข้าร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์อีกหนึ่งงาน แล้วก็มีแพลนถ่ายรายการบันเทิงด้วยครับ”
อินซอบหยิบสมุดจดตารางงานออกมาจากกระเป๋าและอธิบายตารางงานของอีอูยอนอย่างใจเย็น กรรมการผู้จัดการคิมไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้ สุดท้ายจึงหัวเราะจนหัวเอนไปด้านหลัง
“ฮ่าๆๆ ที่ฉันถามคือสถานการณ์ในช่วงนี้ของอีอูยอนต่างหาก ไม่จำเป็นต้องตอบเป๊ะๆ ขนาดนั้นหรอก”
“ครับ? อ๋อ ขอโทษครับ”
แม้เขาจะสามารถสื่อสารได้อย่างลื่นไหล แต่ก็ยังยากที่จะแยกแยะความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบทสนทนาได้
”งั้นคืนนี้มีตารางงานอะไรหรือเปล่า”
“คุณอูยอนแพลนไว้ว่าจะกลับบ้านประมาณสี่ทุ่มครับ”
“ไม่ ไม่ใช่อูยอน ฉันหมายถึงนายอินซอบ”
“ผม…ก็จะกลับบ้านครับ”
“งั้นก่อนกลับบ้านแวะเข้ามาที่บริษัทก่อนนะ เข้าใจไหม”
“ครับ ทราบแล้วครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมชอบส่วนนี้ของชเวอินซอบ เมื่อคนที่อาวุโสกว่าสั่งงาน เขาจะไม่ถามเหตุผลและตอบตกลงทันที ดูเหมือนเขาจะคิดว่านี่เป็นหน้าที่หลักของผู้จัดการส่วนตัว
“งั้นวันนี้ก็พยายามเข้านะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ชเวอินซอบลุกขึ้นด้วยสีหน้าโล่งใจ สีหน้าที่ดูสบายใจนั้นคงอยู่จนกระทั่งถูกหัวหน้าทีมชาที่กำลังลุกขึ้นเรียกไว
“อินซอบ”
“ครับ?”
หัวหน้าทีมชารู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้เขาจะเรียกแค่ชื่อก็ตาม
“เอานี่ไปกินซะ”
ชาฮยอนคยูยื่นยาที่ซื้อมาจากศูนย์สุขภาพเมื่อสักครู่นี้ให้
“นี่คืออะไรเหรอครับ”
“ยาบำรุง ฉันเห็นว่านายยังไม่ค่อยมีแรงน่ะ ไหนๆ ก็สั่งของตัวเองมาแล้ว ก็เลยให้เขาทำเพิ่มอีกห่อหนึ่ง”
“แล้วของฉันล่ะ”
ทันทีที่กรรมการผู้จัดการคิมพูดแทรกขึ้นมาโดยไม่ลังเล หัวหน้าทีมชาแสดงสีหน้าไม่ชอบใจออกมาอย่างเปิดเผย คำพูดที่ว่า ‘โอ๊ย เจ้าคนไม่มีความเป็นผู้ใหญ่คนนี้นี่’ ก็พลุ่งขึ้นมาจุกคอหอย
“กรรมการผู้จัดการก็เอาเงินตัวไปซื้อกินสิครับ คนเราก็ต้องมีจิตสำนึกกันบ้างนะ”
“ฉันอะไรนะ! แล้วนั่นไม่ใช่เงินฉันเหรอ”
“งั้นนี่ไม่ใช่เงินผมเหรอครับ”
อินซอบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาในระหว่างที่คนทั้งคู่เถียงกัน
“เท่าไรเหรอครับ”
“อะไรนะ”
“ผมต้องให้เงินเท่าไรเหรอครับ”
ชเวอินซอบนับเงินสดในกระเป๋าสตางค์ของตนก่อนจะทำหน้าหมองอยู่แวบหนึ่ง เขารู้สึกกังวลขึ้นมาก่อนเพราะเขาประเมินไม่ถูกเลยว่ายาบำรุงจะแพงสักเท่าไร
“ถ้าคุณรอผมอีกสักเดี๋ยว ผมจะลงไปกดเงินมะ…”
“พูดอะไรของนายน่ะ ใครเขาขอเงินกัน ฉันแค่ให้เฉยๆ”
“ครับ?”
“กินซะ ฉันแค่ให้เขาทำมาด้วย เพราะไหนๆ เขาก็ต้องทำของฉันอยู่แล้ว”
“เอ่อ คือผม…”
อินซอบก้มหน้า แม้เขาจะรู้สึกขอบคุณในความใจดีของหัวหน้าทีมชาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็คิดว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับของแบบนี้
“…ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมแข็งแรงดี”
“ก็กินเพื่อให้แข็งแรงกว่าเดิมไง ไม่เป็นไรหรอก รับไปก็พอ”
หัวหน้าทีมชายื่นห่อใส่ยาบำรุงมาให้ หัวของอินซอบก็ก้มต่ำลงไปอีกหนึ่งระดับ
“ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี”
“รับไป ปกติถ้ามีคนให้ของแบบนี้ นายต้องรับนะ”
“ใช่ อย่าทำให้คนให้ต้องขายหน้า แล้วรับไปซะ”
เมื่อหัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมผลัดกันโน้มน้าว อินซอบก็ต้องรับห่อยานั้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอายขณะที่กล่าวขอบคุณ
“กินให้สม่ำเสมอด้วยล่ะ เพราะนี่เป็นยาที่ปรุงมาจากที่ที่ดี ต้องกินภายในสามสิบนาทีหลังอาหารเท่านั้น อุ่นให้อุ่นมากที่สุดเท่าที่จะอุ่นได้ แล้วค่อยกินนะ”
อินซอบพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงเล็กๆ อีกหลายครั้ง แต่สีหน้าของเขาก็ยังเศร้าหมองอยู่เหมือนเดิม
“พอกินยานี่จนมีแรงแล้วก็ฝากอีอูยอนหน่อยนะ สู้ๆ”
พอกรรมการผู้จัดการคิมพยายามตะโกนคำว่าสู้ๆ ด้วยน้ำเสียงสดใส ชเวอินซอบก็ตะโกนว่าสู้ออกมาเหมือนกันด้วยน้ำเสียงไม่มีแรง ทันทีที่เขาถือยาบำรุงออกไป หัวหน้าทีมชาก็ยักไหล่ให้เห็น
“นายทำอะไรไม่ดีกับเด็กนั่นหรือเปล่า”
“เปล่านะครับ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก”
“แล้วทำไมเขาถึงรับยาออกไปด้วยใบหน้าที่เศร้าขนาดนั้นล่ะ ไม่ใช่ว่าอีอูยอนสั่งให้นายใส่อะไรลงไปหรอกนะ”
“จะบ้าเหรอครับ! เห็นผมเป็นคนที่จะทำตามคำสั่งของอีอูยอนหรือไง”
“ก็เป็นไปได้นี่”
“ผมให้เพราะสงสารเฉยๆ หรอกครับ ผมปรุงยาบำรุงมาให้เขาห่อหนึ่งเพราะสงสารที่เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับของอีอูยอน แต่ที่ไหนได้กลับเบือนหน้าหนีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่ตลอดเลย กรรมการผู้จัดการพูดอย่างสงบสุขขนาดนี้เพราะไม่เคยลองเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนไงครับ”
“ฉันไม่คิดจะเข้าข้างอีอูยอนหรอกนะ แต่…ในบรรดาคนที่ลาออกไป ก็ไม่เห็นจะมีสักคนที่บอกว่าเหนื่อยเลยนี่”
“นั่นก็เพราะอีอูยอนแสดงผลงานชิ้นเอกได้อย่างมีชั้นเชิงไงล่ะครับ ถ้าไม่เชื่อ คุณก็ลองไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนสักวันสิ จะได้รู้ว่าเขาทำให้คนอกไหม้ไส้ขมได้มากแค่ไหน!”
หัวหน้าทีมชาที่ต้องคอยตามหลังเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้อีอูยอนอยู่หนึ่งสัปดาห์ในคราวนี้คิดใคร่ครวญถึงนิสัยแย่ๆ ของอีอูยอนราวกับไม่เคยประสบมาก่อน ในตอนนั้นเองเขาก็สงสารอินซอบที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยโดยไม่รู้อะไรเลยขึ้นมา แต่แน่นอนว่าเขาเองก็หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ลาออกโดยเด็ดขาดมากกว่า
“ยังไงก็ตามกรรมการผู้จัดการเองก็ต้องดูแลชเวอินซอบให้ดีนะครับ ถ้าเด็กนั่นลาออกไป จะหาคนมาแทนอีกครั้งก็คงลำบาก แล้วคนก็จะพูดถึงกันเยอะขึ้นด้วย เพราะผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนเปลี่ยนตัวบ่อยมากแล้ว”
“เข้าใจแล้ว ฉันบอกว่าฉันเข้าใจแล้วไง ฉันเองก็จะไม่ปล่อยชเวอินซอบให้หลุดมือไปเด็ดขาด อย่าห่วงไปเลย เพราะฉันเองก็เตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว”
“เตรียมอะไรไว้เหรอครับ”
“เตรียมว่าจะมีเรื่องแบบนั้นไง”
หัวหน้าทีมชาเดาะลิ้น และออกจากห้องทำงานของกรรมการผู้จัดการไปโดยทิ้งเสียงหัวเราะที่มีความหมายลึกซึ้งของกรรมการผู้จัดการคิมไว้ข้างหลัง
***
“กินอะไรอยู่เหรอครับ?”
“…!”
ชเวอินซอบที่นั่งอยู่ในรถ และกำลังดื่มยาบำรุงด้วยหลอดหันหน้ามาด้วยความตกใจ อีอูยอนที่ถ่ายละครเสร็จตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้กำลังใช้นิ้วเคาะกระจกรถอยู่
“มะ มาแล้วเหรอครับ”
ชเวอินซอบลดกระจกรถลง
“ผมถามว่ากำลังทานอะไรอยู่เหรอครับ”
“ยาบำรุงครับ”
“ปรุงของแบบนั้นทานด้วยเหรอครับ”
“หัวหน้าทีมให้ไว้ตอนที่ไปที่บริษัทวันนี้น่ะครับ”
แม้เขาจะกำลังพูดอยู่ แต่คอของชเวอินซอบกลับตีบตันด้วยความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่คนที่สมควรจะได้รับความใจดีแบบนี้
พอรับยาบำรุงอันสูงค่านี้มาแล้ว อินซอบก็ถือกล่องยาอยู่พักหนึ่งด้วยหัวใจที่ทั้งรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิด พร้อมกับเดินไปเดินมาอยู่นอกห้องทำงาน พอเขาจะเอามันไปคืนหัวหน้าทีมชา เขาก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะกลัวว่ามันจะดูเสียมารยาท พอจะกินเข้าไปเลย ก็ดูเหมือนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะติดอยู่ที่คอจนทำให้เขาไม่สามารถกลืนมันลงไปได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งของที่มีค่าและน่าเสียดายนี้ไปได้เหมือนกัน
ในที่สุดชเวอินซอบที่ถือห่อยาเดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกห้องทำงานมาสามสิบนาทีก็เปลี่ยนใจรับยาบำรุงนั้นไว้เป็นของขวัญ และคิดว่าเขาจะต้องตอบแทนหัวหน้าทีมในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน แน่นอนว่าเขาเขียนว่าจะต้องตอบแทนหัวหน้าทีมชาลงไปในสมุดโน้ตด้วยปากกาสีแดงซ้ำกันถึงสามครั้ง
“หัวหน้าทีมเหรอครับ”
“ครับ…”
อีอูยอนเปิดประตูทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับรถและขึ้นมานั่งข้างๆ เป็นเพราะรถตู้ที่เขาใช้ไปไหนมาไหนมาตลอดเกิดปัญหา วันนี้จึงต้องขับรถยนต์ที่ยืมมาจากบริษัทแทน แต่ชเวอินซอบก็อดที่จะรู้สึกงงไม่ได้เมื่อเห็นอีอูยอนขึ้นมานั่งที่ที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่เขินอาย อินซอบจับจ้องการกระทำของอีกฝ่ายที่เอาห่อยาที่วางอยู่ไปไว้ที่เบาะหลังด้วยสายตาไม่สบายใจ
“ทำไมเหรอครับ”
อีอูยอนที่สัมผัสได้ถึงสายตานั้นเอ่ยถาม
“ไม่นั่งที่เบาะหลังเหรอครับ”
“ผมโอเคครับ”
“…”
อินซอบไม่สามารถบอกออกไปว่า ‘แต่ผมไม่โอเค’ ได้ เขาจึงเอายาบำรุงที่กินไว้เข้าปากอีกครั้งและเริ่มดูดอย่างรวดเร็ว อีอูยอนที่เห็นว่าแก้มกลมๆ นั้นขยับขึ้นลงไปมาก็ยิ้มพลางเอ่ยพูด
“กินเก่งนะครับเนี่ย”
“ครับ เพราะมันเป็นของที่ได้มา”
“ร่างกายผมรับตะพาบหรือแพะดำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ไม่เป็นไรกับส่วนประกอบชนิดอื่นที่ใช้ปรุงยาครับ”
“…ครับ?”
ชเวอินซอบคิดว่าตนฟังผิด จึงทำตาโตพร้อมกับถามกลับไปอีกรอบ เขารู้สึกสับสนว่าคำว่าแพะดำกับตะพาบที่อีอูยอนพูดใช่ชื่อเรียกของของที่เขารู้จักหรือเปล่า
“ผมกินมันได้ไม่ค่อยเก่งเท่าไร ถึงผมจะไม่เคยไม่มีแรงถึงขนาดต้องปรุงยาบำรุงกินก็เถอะ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่เรื่องนั้น คุณบอกว่ากินอะไรไม่เก่งนะครับ”
“แพะดำกับตะพาบครับ”
“…”
ชเวอินซอบก้มลงมองห่อพลาสติกของยาบำรุงที่ตนกำลังดื่มอยู่ มีรูปของแพะดำกับตะพายกอดคอกันโดยมีพระอาทิตย์ที่กำลังเผาไหม้เป็นพื้นหลังถูกวาดไว้อย่างน่าชวนหัวเราะ
ของเหลวสีน้ำตาลข้นๆ ที่อยู่ในปากของชเวอินซอบไหลออกมา อินซอบที่ตั้งสติได้ตอนที่ของเหลวที่ทำให้ต้นคอของเขารู้สึกอุ่นกระจายไปทั่วนั้นรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า และเอามาเช็ดปาก
“ขอ ขอโทษครับ”
โชคดีที่เบาะรถปลอดภัยดี ชเวอินซอบให้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดยาที่ไหลออกมาจากปากของตนพร้อมกับพูดขอโทษอีอูยอนอีกครั้ง อีอูยอนที่ยิ้มจนตาโค้งเอ่ยถาม
“งั้นคุณนึกว่ามันเป็นอะไรกันแน่ครับ ถึงได้กินเอากินเอาอยู่แบบนั้น”
“…ยาครับ”
“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คิดถึงส่วนประกอบที่ใช้ปรุงยาเลยสินะครับ”
“…”
อินซอบไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนเลยสักครั้ง เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่เรียกว่ายาบำรุงนั้นคงมีส่วนประกอบที่น่าอัศจรรย์ของชาวเอเชียที่ดีต่อร่างกายใส่ไว้
“แพะดำดีต่อร่างกายนะครับ”
“แหวะ…”
อินซอบที่นึกถึงภาพของแพะดำในหัวยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับทำหน้าเหยเก ตาของอูยอนค่อยๆ โค้งขึ้นอย่างนุ่มนวล
“ถ้าหัวหน้าทีมทำให้ล่ะก็ จะต้องใส่ไปทั้งตัวแน่เลยครับ แพะดำตัวหนึ่ง ตะพาบอีกตัวหนึ่ง”
“อุก…”
“น่าอัศจรรย์มากเลยนะครับที่แพะดำหนึ่งตัวจะกลายเป็นของเหลวแบบนี้ได้”
ยิ่งอีอูยอนพูดมากขึ้นเท่าไร ใบหน้าของอินซอบก็ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นเท่านั้น อีอูยอนแกล้งทำเป็นไม่รู้และพูดต่อไปเรื่อยๆ
“เพราะใส่ตะพาบลงไปต้มด้วย เรี่ยวแรงจะต้องกลับมาอย่างแน่นอนครับ กินดีๆ นะครับ”
“…”
อินซอบที่ถือถุงยาที่ลดไปไม่ถึงครึ่งไว้ดูเหมือนคนที่ได้รับยาพิษ เมื่ออีอูยอนขยับมือบอกให้ดื่ม บริเวณดวงตาของชเวอินซอบก็แดงขึ้นมาทันที