ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 2 ตอนที่ 6-3

ภาค 1 เล่ม 2 ตอนที่ 6-3

“เอ่อ…”

อีอูยอนเงยหน้าขึ้นเพราะเสียงของใครบางคนที่เรียกตนเอง เป็นหนึ่งในพยาบาลที่แอบชำเลืองมาทางนี้ตั้งแต่เมื่อกี้นี้นั่นเอง

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรจะช่วยเซ็นลายเซ็นให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันเป็นแฟนคลับตัวจริงของคุณเลย”

อีอูยอนที่เอียงตัวและเท้าคางอยู่แสดงสีหน้าไม่ดีออกมาครู่หนึ่ง ถ้าเป็นเวลาปกติเขาจะเซ็นลายเซ็นให้สองสามแผ่นด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะทำแบบนั้น

“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวไว้ผมเซ็นให้ทีหลังนะครับ”

แม้แต่คำตอบของเขายังไม่อ่อนโยน

“งั้นช่วยถ่ายรูป…”

“…”

โอ๊ย ไอ้เหี้ย เป็นถึงพยาบาล แต่มาพูดเรื่องพรรค์นั้นตอนนี้เนี่ยนะ

อีอูยอนจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่สักพัก สุดท้ายพยาบาลที่เดินไปเดินมาอยู่สักพักก็ทนไม่ไหวและกลับไปยังที่ของตนเอง

อีอูยอนก้มลงมองหน้าของผู้จัดการส่วนตัวที่นอนอยู่บนเตียง เขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นว่ามีแผลอยู่ทั่วสันจมูกและแก้มของอีกฝ่าย

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกแปลกในตอนที่ได้ยินคนอื่นเล่าเรื่องของผู้จัดการส่วนตัวที่กระโดดลงไปในทะเลสาบที่เย็นเป็นน้ำแข็งเพื่อช่วยชีวิตของตนไว้ นั่นเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเชื่ออีกว่าชเวอินซอบเกลียดตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะจับตามองอินซอบอยู่ข้างๆ เพราะรู้สึกแปลกๆ กับการกระทำที่ขัดแย้งกันของอีกฝ่าย

แต่แล้ววันนี้ก็เกิดเหตุการณ์ที่อีอูยอนไม่เข้าใจอีกจนได้ เกิดอุบัติเหตุสายบังเหียนถูกตัดในฉากที่เขาจะต้องขี่ม้าและล้มลงเมื่อผู้กำกับให้สัญญาณ อีอูยอนสูญเสียการทรงตัวทันทีที่สายบังเหียนขาดก่อนที่ขาของม้าจะทันได้แตะพื้น ทันทีที่อีอูยอนร่วงลงบนพื้น คนที่อยู่รอบๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้อง

ม้าเองก็เริ่มเตลิดตั้งแต่ตอนนั้น แม้จะได้รับการฝึกมาดีแค่ไหน แต่โดยพื้นฐานแล้วม้าก็ยังเป็นสัตว์ที่ขี้กลัว ซ้ำร้ายม้าของอีอูยอนยังตื่นตกใจและเริ่มดิ้น เพราะม้าของคังยองโมที่ตามหลังมาไม่ยอมลดความเร็วลงเลยและโฉบผ่านหน้าไป

เท้าของอีอูยอนติดอยู่ในโกลน[1] และเขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ รองเท้าที่มีผ้าพันไว้ตรงข้อเท้าและช่วยล็อกเท้าของเขาไว้เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถขี่ม้าได้อย่างมั่นคงกลับไม่ช่วยอะไร แม้เขาจะเพิ่มแรงลงไปมากแค่ไหน เท้าของเขาก็ไม่ยอมหลุดออกมา ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามวิ่งเข้ามา เนื่องจากม้าตกใจมาก ตอนที่อีอูยอนพยายามเกร็งตัวและดึงเท้าออกมา เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อตรงไหล่ เขาไม่สามารถขยับได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะไหล่ของเขากระแทกลงมาก่อน และคงหลุดในตอนที่ตกจากหลังม้า

ตอนนั้นเองอีอูยอนก็เห็นใบหน้าซีดเผือดของชเวอินซอบที่วิ่งมาทางตนเอง อีอูยอนมองชเวอินซอบที่หวาดกลัวเหมือนจะเอื้อมมือไปที่โกลนที่ติดอยู่กับม้าที่กำลังดีดตัวพร้อมกับคิด

จะช่วยชีวิตฉันในขณะที่ตัวสั่นเทาขนาดนี้เหมือนกับก่อนหน้านี้เหรอ ด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวขนาดนั้นเนี่ยนะ คิดจะช่วยฉันด้วยสภาพที่น่าสงสารและน่าสมเพชสุดนั่นน่ะเหรอ

‘ไป!’

อีอูยอนตะโกนออกไปอย่างนั้น แต่อินซอบกลับใช้มือที่สั่นเทาจับโกลนไว้และดึงเท้าของอีอูยอนออกมาได้ในท้ายที่สุด แต่ม้าที่หวาดกลัวและตื่นตกใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับตั้งแต่ตอนที่อินซอบเดินเข้ามาก็สะบัดขาหน้าไปทางอีอูยอนและพุ่งตัวไปข้างหน้า อีอูยอนหลับตาและก้มหน้าลง แต่สิ่งที่ตะครุบเขาไว้กลับไม่ใช่ขาหน้าของม้า แต่เป็นร่างกายผอมแห้งของชเวอินซอบ เขารู้สึกถึงน้ำหนักที่หนักพร้อมกับเสียงดัง ปัก ที่ดังอย่างต่อเนื่อง เขาได้ยินเสียงร้องของอินซอบ และอีอูยอนก็กลิ้งตัวไปด้านข้างได้อย่างหวุดหวิดในขณะที่เอื้อมมือออกไปดึงตัวของอีกฝ่ายเข้ามากอด

คนเลี้ยงม้าที่ได้ยินข่าวก็วิ่งมาหาเพื่อทำให้เหตุการณ์สงบลง แต่ม้ากลับไม่สามารถสงบอารมณ์ลงได้และดีดตัวอยู่อีกพักหนึ่งอย่างน่าประหลาด อีอูยอนมองสตาฟสองสามคนวิ่งเข้ามาและลากม้าออกไปได้อย่างยากลำบาก หลังจากนั้นเขาก็หันมาดูชเวอินซอบที่อยู่ใต้ร่างของตน

“เป็นอะไรไหมครับ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

อินซอบที่หวาดกลัวตัวสั่นทึมในขณะที่หมอบตัวไว้ และไม่สามารถตอบอะไรออกมาได้ อีกฝ่ายมีสภาพที่น่าสงสารและน่าเวทนามากเสียจนยากที่จะทนดู อีอูยอนระงับความโกรธที่อยากจะถามว่า ‘ถ้าจะเป็นแบบนี้แล้วจะเข้ามาสอดทำไม’ เอาไว้พร้อมกับดึงไหล่ของอินซอบเข้ามากอด ทันทีที่เขากอดอีกฝ่ายเอาไว้และพยายามจะลุกขึ้น อินซอบก็กรีดร้องพร้อมกับมีน้ำตาไหลลงมา ทันใดนั้นไฟก็ลุกโชนขึ้นในหัวของอีอูยอนที่เห็นว่านิ้วมือสองนิ้วของอินซอบบิดเบี้ยวเป็นรูปร่างประหลาดๆ

อีอูยอนตะโกนบอกให้สตาฟเตรียมรถและหาโรงพยาบาลใกล้ๆ แม้เขาจะคิดว่านี่เป็นปฏิกิริยาที่ไม่เป็นตัวเองเลย แต่ตอนนั้นเขาไม่สามารถข่มความโกรธเอาไว้ได้ ไม่สิ เขาไม่แม้แต่จะคิดแบบนั้นด้วยซ้ำ เขาคิดแค่ว่าต้องย้ายชเวอินซอบที่กำลังร้องไห้และตัวสั่นระริกอยู่ในอ้อมกอดของเขาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

‘ไม่เป็นไรนะครับ คุณไม่ต้องกังวลนะ คุณจะไม่เป็นอะไร’

อีอูยอนช่วยเอาผ้าห่มมาห่มให้อินซอบพร้อมกับพูดแบบนั้น แม้อินซอบจะยังน้ำตาร่วง แต่เขาก็พยักหน้าเบาๆ เพราะเข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย

ผู้กำกับวิ่งเข้ามาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า อีอูยอนตอบว่าน่าจะต้องเลื่อนวันถ่ายทำออกไปก่อน เพราะน่าจะต้องไปโรงพยาบาลก่อนจะขึ้นรถออกไป

แม้จะขึ้นรถไปแล้วเขาก็ยังปลอบอินซอบที่กำลังร้องไห้พร้อมกับคิดว่าทำไมตนถึงโมโหขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถตอบได้ว่าทำไม สุดท้ายทันทีที่อินซอบอ้วกและหมดสติไป อีอูยอนก็ขึ้นเสียงใส่สตาฟที่รอสัญญาณไฟจราจรอยู่ว่า ‘ทำอะไรอยู่กันแน่’

แม้แต่คนที่แบกชเวอินซอบขึ้นหลังเข้าไปในห้องฉุกเฉินก็ยังเป็นอีอูยอน ทั้งหมอ พยาบาล และคนไข้ต่างรู้สึกตกใจทันทีที่อีอูยอนปรากฏตัวในห้องฉุกเฉินอย่างกะทันหัน

แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่อยู่ในสายตาของอีอูยอนเลย เขากอดอกและยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ ชเวอินซอบจนกระทั่งได้ยินหมออธิบายว่าอินซอบไม่ได้มีปัญหาอะไรนอกไปจากกระดูกหัก และเขาหมดสติไปเพราะตกใจมากเท่านั้น

อีอูยอนที่แน่ใจกับความจริงที่ว่าอินซอบกำลังหลับอยู่แล้วก็หันไปบอกกับสตาฟที่ตามมาโรงพยาบาลด้วยกันอย่างสุขุมว่าให้กลับไปก่อนก็ได้ เพราะเดี๋ยวตนจะเป็นฝ่ายอยู่ที่นี่เอง ตอนที่ผู้กำกับโทรศัพท์มาเขาก็บอกให้ผู้กำกับไม่ต้องกังวล เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจริงๆ

ตอนนั้นเองคังยองโมก็โทรศัพท์มาหา

[บาดเจ็บขนาดนั้นจะทำยังไงล่ะ แล้วผู้จัดการส่วนตัวเป็นอะไรหรือเปล่า โชคร้ายสุดๆ เลยเนอะ ทำไมต้องมาเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ถ้าหากนายต้องการถอนตัวออกตอนนี้ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่รีบๆ หายก็ดี เพราะคนอื่นเขาเป็นห่วง ไว้เจอกันที่กองถ่ายนะ]

อีอูยอนตอบกลับไปสั้นๆ ว่า ‘ไม่ต้องกังวลหรอกครับ’ และวางสายไป ทันทีที่เขานึกถึงใบหน้าของคังยองโมที่เฉียดหน้าตัวเองไปอย่างหวุดหวิดราวกับจงใจทำแบบนั้น คำด่าทอต่างๆ ก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

อีอูยอนโทรศัพท์ไปบอกให้กรรมการผู้จัดการคิมมาที่นี่ทันที อีอูยอนเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินหลังจากที่โทรศัพท์เสร็จ และนั่งข้างเตียงที่อินซอบกำลังนอนอยู่

อินซอบกำลังหลับพร้อมให้น้ำเกลือที่ผสมยาระงับประสาทและยาแก้ปวด เขาไม่ตื่นขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียว ไอ้นี่มันยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม อีอูยอนคิดพลางเอามือไปอังไว้ที่ใต้จมูกของอินซอบ

กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชากระหืดกระหอบเข้ามาในห้องฉุกเฉินหลังจากนั้นสองสามชั่วโมง

“กำลังหาคนไข้อีอูยอนอยู่เหรอคะ”

“คุณอีอูยอนอยู่ตรงนั้นค่ะ…”

พยาบาลชี้ไปที่ผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงตรงมุมห้อง

“อูยอน! เป็นอะไรหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหนไหม”

กรรมการผู้จัดการคิมเดินมาหาเขาและเอ่ยถาม

“เขามีปัญหามากกว่าผมอีกครับ”

อีอูยอนชำเลืองไปทางผู้จัดการส่วนตัวที่นอนอยู่บนเตียงพลางตอบกลับ

“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง อินซอบเป็นอะไรหรือเปล่า บาดเจ็บมากไหม แล้วนั่นอะไรน่ะ กระดูกหักเหรอ”

เนื่องจากกรรมการผู้จัดการคิมถามไม่ยอมหยุด สุดท้ายพวกเขาก็ได้รับคำเตือนจากพยาบาลว่าคนเฝ้าไข้สามารถอยู่ได้แค่คนเดียวเท่านั้น

“ออกไปแล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ”

“เดี๋ยวผมอยู่ที่นี่เองครับ”

หัวหน้าทีมชาลากเก้าอี้มานั่งพลางเอ่ยพูด อีอูยอนเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับกรรมการผู้จัดการคิมและเดินไปตรงที่ที่ไม่ค่อยมีคนในส่วนด้านในของโรงพยาบาล

“เป็นแบบนี้ได้ยังไงกันแน่”

“ตกลงมาในตอนที่มีฉากขี่ม้าครับ”

“ใคร? อินซอบเหรอ”

“เปล่าครับ ผมเอง”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมมองหน้าอีอูยอนด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากอีอูยอนที่เขารู้จักมีประสาทสัมผัสเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ดีมากถึงขนาดถูกเรียกว่าเป็นนักกีฬาที่เก่งรอบด้าน

“บังเหียนข้างหนึ่งหลุดเพราะมาติงเกล[2] หลวมน่ะครับ แล้วจู่ๆ ม้าก็ดีดตัวอย่างกับเป็นบ้า แม่งเอ๊ย นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะเนี่ย”

แค่นึกถึงเหตุการณ์นั้นความโมโหของอีอูยอนก็พุ่งขึ้นมาจนเขาถึงกับพ่นคำด่าที่เจือความรำคาญออกมา กรรมการผู้จัดการคิมรีบหันไปมองรอบๆ พร้อมกับทำมือสั่งให้เขาพูดเบาๆ ไม่บ่อยนักที่อีอูยอนจะแสดงความรู้สึกในแง่ลบออกมาตรงๆ ด้วยวิธีแบบนี้

“แล้วทำไมอินซอบถึงบาดเจ็บล่ะ”

“เพราะผมหัวทิ่มลงมา เท้าของผมเลยติดอยู่กับโกลนและถูกลากไปเรื่อยๆ ครับ”

“…”

ตอนนั้นเองกรรมการผู้จัดการคิมถึงได้เห็นว่าบริเวณไหล่กับหลังของอีอูยอนเปื้อนโคลน ก่อนที่เขาจะทันได้ตกใจกับความจริงที่ว่าอีอูยอนผู้มีนิสัยรักสะอาดยังปล่อยสิ่งนั้นไว้แบบนั้น อีอูยอนก็เปิดเผยความจริงที่น่าตกใจขึ้นไปอีกออกมา

“แล้วตอนนี้ไอ้โง่นั่นก็อยู่มาอยู่ในสภาพนี้เพราะวิ่งเข้ามาช่วยผมครับ”

“อะไรกัน เรียกผู้จัดการส่วนตัวว่าไอ้โง่เนี่ย”

“ต้องแก้ให้ถูกสินะครับ ผู้จัดการส่วนตัวที่โง่เง่า”

“…ว่าแต่อินซอบกระโดดเข้าไปช่วยนายเหรอ อีกแล้วเหรอ”

“ครับ”

อีอูยอนเดาะลิ้นเหมือนกับไม่พอใจในขณะที่ตอบ กรรมการผู้จัดการคิมมองภาพของอีกฝ่ายที่เสียสติสัมปชัญญะและโมโหอย่างไม่ใช่ตัวเองพลางขมวดคิ้ว

“ถึงแม้นายจะซ่อนมันได้อย่างดีมาตลอด แต่ฉันก็คิดว่าต้องมีสักช่วงที่นิสัยเน่าเฟะนั่นเปิดเผยออกมา ยิ่งพอเห็นนายช่วงนี้แล้วฉันก็ยิ่งคิดแบบนั้น”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพราะต่อให้โดนเปิดเผย มันก็น่าจะถูกเปิดเผยหลังจากที่จดหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว”

กรรมการผู้จัดการคิมเบี่ยงประเด็นหลังจากกระแอมอยู่ครั้งสองครั้ง เพราะเขารู้สึกว่าถูกอ่านความคิดภายในหัว

“ถึงการพูดเรื่องแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้มันจะดูเกินไปหน่อย แต่ว่า…ไล่อินซอบออกดีไหม”

“ครับ?”

“อืม แม้ฉันจะพูดเรื่องนี้กับหัวหน้าทีมชาไปแล้วเมื่อกี้ก็เถอะ เด็กนั่นน่ะเป็นเด็กดีนะ แต่เหมือนจะทำให้เกิดเรื่องโชคร้ายกับอุบัติเหตุอยู่เรื่อยเลย”

เสียงของกรรมการผู้จัดการคิมค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ท้ายประโยคของเขาเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ เพราะอีอูยอนมองตนด้วยสายตาเยือกเย็น

“ว้าว ถึงกรรมการผู้จัดการจะไม่ได้ดูเป็นแบบนั้น แต่ก็เป็นคนที่ชั่วร้ายจริงๆ นะครับเนี่ย”

อีอูยอนยิ้มพร้อมกับทำตายิ้มไปด้วย

“ว่าไงนะ”

“พูดแบบนั้นออกมาในตอนที่เขายังนอนอยู่แบบนั้นน่ะเหรอครับ”

“เปล่านะ ที่ฉันจะพูดก็คือ…”

“เป็นคนชั่วร้ายจริงๆ นะครับ ชั่วร้ายมาก”

เขาไม่หยุดเพียงเท่านั้น อีอูยอนยิ้มในขณะที่วิจารณ์กรรมการผู้จัดการคิมอย่างรุนแรงไปด้วย

“คุณพูดว่าจะไล่อินซอบซึ่งเป็นผู้มีพระคุณในชีวิตของผมออกได้ยังไงครับ บอกว่าโชคร้ายเหรอครับ คนที่โชคร้ายไม่ใช่คุณชเวอินซอบเหรอครับ เขาก้าวข้ามจุดวิกฤตระหว่างความเป็นกับความตายเพราะผมมาตั้งสองครั้งแล้วนะครับ”

อีอูยอนที่เพิ่งเรียกผู้จัดการส่วนตัวที่กระโดดเข้ามาช่วยตนเองว่าคนโง่เมื่อสักครู่นี้กัดฟันกรอดและติเตียนกรรมการผู้จัดการคิม

“เฮ้ย ไอ้นี่นิ ฉันรู้แล้ว ก็แค่ลองพูดสักครั้งเท่านั้นเอง”

“ถ้าคุณจะไล่เขาออกก็ต้องไล่ผมออกด้วยสิครับ เพราะช่วงนี้ผมโชคร้ายจริงๆ ไม่ใช่เหรอครับ”

“นี่อีอูยอนทำไมนายถึงเป็นแบบนี้ล่ะ การไล่ชเวอินซอบออกเป็นเรื่องที่นายจะต้องโมโหขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หา? นี่มันไม่ใช่ตัวนายเลย”

ทันทีที่กรรมการผู้จัดการคิมทำสีหน้าเคร่งขรึมพลางเอ่ยถาม อีอูยอนก็ฉีกยิ้มสวยและตอบด้วยน้ำเสียงที่หวานเหมือนกับสารภาพรัก

“เพราะตอนนี้ผมอารมณ์เสียครับ”

[1] โกลน ห่วงที่ห้อยลงมาจากอานม้าทั้งสองด้านสำหรับสอดเท้าเวลาขึ้นม้าหรือขี่ม้า

[2] มาติงเกล สายที่คล้องระหว่างบังเหียนกับอุปกรณ์ที่ใส่ไว้ตรงหน้าของม้าเพื่อควบคุมม้า

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท