ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 2 ตอนที่ 6-7

ภาค 1 เล่ม 2 ตอนที่ 6-7

ทันทีที่อินซอบจ้องหน้าอีอูยอนที่กำลังหลับตาอยู่ตรงหน้าตน เขาก็รู้สึกว่าหัวใจที่เขาทำให้สงบลงไปได้อย่างยากเย็นกำลังเต้นตึกตักๆ เหมือนจะเป็นบ้า

เขาเคยจินตนาการไปเรื่อยว่าถ้าได้จูบกับอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรในค่ำคืนที่แสนอบอุ่นอยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าเขาเคยจินตนาการถึงสัมผัสของริมฝีปากของอีกฝ่ายและหน้าแดงอยู่คนเดียวด้วย

แม้เขาจะเคยแตะริมฝีปากของอีกฝ่ายในตอนที่ผายปอดให้อีอูยอนที่เขางมขึ้นมาจากทะเลสาบ แต่เขาไม่สามารถคิดถึงเรื่องจูบ หรือสัมผัสของริมฝีปากนั้นได้ในช่วงเวลาที่คับขันแบบนั้น แม้หน้าของเขาจะร้อนขึ้นมานิดหน่อยในตอนที่เขานึกถึงภาพนั้นในหัวคนเดียวก็ตาม

แต่อีอูยอนก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสัมผัสนั้นเหมือนกัน และตอนนี้เขากำลังจะทำให้ความทรงจำใหม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเกิดขึ้นมา

ชเวอินซอบค่อยๆ ยื่นหน้าไปด้านหน้าพร้อมกับก้มตัวลง เขาอยู่ในระยะที่เกือบจะโดนสันจมูกเป็นคมของอีอูยอนที่ให้ความรู้สึกน่าหวาดเสียวแล้ว

ตายแน่ๆ เขารู้สึกว่ามันไม่เป็นความจริง เพราะอีกฝ่ายหล่อมากๆ สถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้ก็เหมือนกัน เขารู้สึกว่าวันนี้เขากำลังฝันอยู่ทั้งวัน

เขายื่นริมฝีปากไปข้างหน้าอีกนิด ทั้งตัวของเขาสั่นระริก นี่เป็นระยะที่ใกล้จนลมหายใจของอีอูยอนโดนริมฝีปากของเขาเองเลยด้วยซ้ำ อีกนิดสิ อีกนิด

ปลายริมฝีปากสัมผัสอย่างเฉียดฉิวเพียงครู่เดียว แม้จะเป็นการสัมผัสที่เล็กน้อยและบางเบา แต่แค่นี้ก็เกือบทำให้ชเวอินซอบตายอยู่ตรงนี้แล้ว

พระเจ้าช่วย แบบนี้หัวใจเราคง…

ในตอนนั้นเองอีอูยอนก็ลืมตาขึ้นมา

“…!”

“ผมล้อเล่นน่ะครับ คุณอินซอบนี่ล้อเล่นด้วยไม่ได้เลยนะครับเนี่ย แต่ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย มากกว่านี้คงไม่ได้แล้วครับ”

เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปลายริมฝีปากแตะโดนกันไปแล้วหรือยัง อีอูยอนจึงพูดล้อเล่นต่อ

“ขอโทษนะครับ คุณอินซอบก็ไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนกัน คุณคงจะลำบากใจใช่ไหมครับ”

“…”

“โอเคครับ ผมเชื่อคุณ ผมจะเชื่อคำที่คุณอินซอบพูดครับ ฮ่าๆๆๆ”

อีอูยอนทำตาโค้งอย่างอ่อนโยนและยิ้มกว้าง เป็นการแสดงออกที่บอกว่าเขาสนุกกับสถานการณ์นี้มาก

แต่วินาทีนั้นอินซอบรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นๆ สาด เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้เปิดเผยความรู้สึกต่อหน้าอีอูยอนไปแล้ว

“คุณอินซอบก็ล้อเล่นใช่ไหม…?”

อีอูยอนก้มลงมองใบหน้าของอินซอบที่ไหล่กำลังสั่นเบาๆ

“ร้องไห้เหรอครับ”

“…”

“คุณกำลังร้องไห้เหรอครับ คุณอินซอบ?”

อินซอบอยากจะปฏิเสธว่าเปล่า แต่น้ำตากลับหยดลงมาตามคางของเขาแล้ว

แม้จะแค่ครู่เดียว แต่เขาก็เกลียดตัวเองเหลือเกินที่หวั่นไหวกับคำพูดล้อเล่นที่อีอูยอนพูดออกมาอย่างสบายๆ เขาอยากตาย เขารู้สึกทั้งอับอายและขายขี้หน้า

“…ขอตัวนะครับ”

คราวนี้อีอูยอนจับแขนของอินซอบที่กำลังจะลุกขึ้นไว้ อินซอบเกร็งแขนเพื่อที่จะสะบัดออก ปลายนิ้วของเขากระแทกโซฟาก่อนที่เขาร้องออกมาโดยไร้เสียงพร้อมกับคู้ตัวลงไป

“…!”

“ขอโทษครับคุณอินซอบ”

อีอูยอนรีบจับให้เขาลุกขึ้นพร้อมกับสังเกตใบหน้าของอีกฝ่าย

“มือกระแทกเหรอครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมจะกลับบ้านครับ”

น้ำตาของเขาไหลไม่หยุด เขาเละเทะมาก ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าเขาอายเพราะตัวเองร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว หรืออายที่ตัวเองหลงกลให้กับคำพูดเล่นนั้นจนยื่นหน้าเข้าไปหาในขณะที่ตัวสั่นกันแน่

ชเวอินซอบแค่อยากกลับบ้าน เขาทั้งเจ็บนิ้วที่หัก รู้สึกคลื่นไส้ และหน้าก็แดงด้วย…เขาเกลียดตัวเอง

เขาเบื่อความโง่ของตัวเองที่ต่อให้ผ่านไปอีกกี่ปี ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่โดยไม่สามารถเรียนรู้อะไรเลย เขาอยากหยุด ขืนอยู่ข้างๆ อีอูยอนแบบนี้ต่อไป เขาอาจจะพบจุดจบแบบไหนก็ได้

อย่าว่าแต่ข้อเสียของอีอูยอนเลย เผลอๆ ตัวเขาเองที่ไร้ความสามารถอาจจะตกหลุมรักอีกฝ่ายอีกครั้ง เพราะขุดเจอแต่ข้อดีของอีกฝ่ายในระหว่างที่ตนคอยดูแลฝ่ายนั้นก็เป็นได้ โง่ โง่ที่สุดในโลก ขอโทษนะเจนนี่ ฉันเป็นคนโง่ที่เลวมากกว่าที่คิดซะอีก

“ผมคงล้อเล่นแรงเกินไป แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีนะครับ”

อีอูยอนใช้มือลูบใบหน้าของอินซอบที่น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ พร้อมกับขอโทษอย่างอ่อนโยน

นั่นเป็นความจริง

มันเป็นคำพูดล้อเล่นที่เขาพูดออกไปเพื่อความสนุกเท่านั้น ความรู้สึกของอีกฝ่ายอยู่นอกเหนือความสนใจของเขามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และเขารู้อยู่แล้วว่าคำพูดที่อินซอบพูดกับตนนั้นมาจากใจจริงๆ เขาเพียงแต่อยากจะแกล้งอีกฝ่าย อยากจะทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ อยากเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ทำตัวไม่ถูกเพราะตนอีกครั้งก็เท่านั้น

แม้ชเวอินซอบจะกัดริมฝีปาก และพยายามกลั้นน้ำตา แต่น้ำตาของเขากลับไหลออกมาเป็นสายทันทีที่มันเอ่อขึ้นมาในดวงตา

อีอูยอนมองและคิดว่าอีกฝ่ายร้องไห้ได้สวยมาก ในชีวิตนักแสดงเขาได้เจอกับนักแสดงผู้หญิงหลายคน และเขาก็ได้เห็นการแสดงฉากร้องไห้ของพวกเธอมามาก ซึ่งในบรรดาคนพวกนั้นมีนักแสดงหญิงที่ได้รับคำชมว่าใบหน้าตอนร้องไห้สวยกว่าตอนยิ้มอยู่ด้วย

แต่ภาพของชเวอินซอบที่เม้มปากและร้องไห้โดยไม่มีเสียงนั้นสวยกว่าพวกหล่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้อีกฝ่ายจะมีหน้าตาธรรมดาที่ออกจะหวานอยู่เล็กน้อยในเวลาปกติ แต่พอเห็นภาพที่อีกฝ่ายกำลังร้องไห้แล้ว อินซอบกลับดูสวยจนน่าประหลาดใจ

มีคนที่ร้องไห้ด้วยสีหน้าแบบนี้ด้วยเหรอ

อีอูยอนใช้มือเชยคางอินซอบขึ้นมา เขาค่อยๆ พิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายพลางคิดแบบนั้น

บอกตามตรงว่าการที่จะให้เขามองใบหน้าที่ร้องไห้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้แย่อะไร ยิ่งมองก็ยิ่งน่าสงสาร เขาเป็นคนที่ยอมนิ้วหักเพื่อช่วยเราวันนี้เลยนะ พอเท่านี้แล้วกัน

“ผมเชื่อแล้วครับว่าคำพูดที่คุณอินซอบพูดนั้นจริงใจ เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้เลยนะครับ”

อีอูยอนดึงไหล่อินซอบเข้ามากอด ชเวอินซอบผงะไปด้านหลังด้วยความตกใจ แต่อีกคนกลับเพิ่มแรงที่มือซึ่งจับอยู่ที่ไหล่ จากนั้นก็เอาหัวมาซบไหล่อินซอบ และใช้มืออีกข้างตบหลังเขาเบาๆ

“อย่าร้องไห้นะครับ นะ ผมรู้สึกผิดจริงๆ ครับ”

“…”

“ผมไม่ดีเองครับคุณอินซอบ”

น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังอยู่บริเวณไหล่เคลื่อนลงมาตามแนวกระดูกสันหลังและทิ้งความรู้สึกนั้นไว้ช่างฟังดูไม่สมจริง อินซอบจึงร้องไห้อยู่อย่างนั้นพักใหญ่ อีอูยอนปลอบอินซอบช้าๆ และแผ่วเบาว่า ‘อย่าร้องไห้เลยครับ’ ‘ทำไมถึงร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้ล่ะ’ ‘ผมเป็นคนไม่ดีเองครับ’ ‘ขอโทษนะครับ’ ‘ผมจะไม่แกล้งคุณแล้ว’ ‘ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ผู้มีพระคุณในชีวิตผมร้องไห้’ อยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น

“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่พูดเรื่องแบบนี้กับคนที่กำลังร้องไห้”

ธารน้ำตาที่แห้งไปอย่างยากลำบากกลับมาใหญ่ขึ้นอีกครั้งด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องน่ากลัวอะไรอีก ถ้าเป็นไปได้อินซอบก็อยากจะปิดหูไว้

อีอูยอนที่หยุดนิ่งไปพักหนึ่งพูดต่อ

“คุณจะเซ็นสัญญากับผมอีกครั้งได้ไหมครับ”

***

“เฮ้อ-”

“ถอนหายใจอะไรขนาดนั้นล่ะ กังวลอะไรหรือเปล่าคุณอินซอบ”

หัวหน้าทีมชาที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งของคนขับรถเพราะจะไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อหันมามองอินซอบพลางเอ่ยถาม

“เปล่าครับ”

“โอ๊ย แต่ความกังวลเต็มหน้าเลยนะ”

“ไม่มีความกังวลเลยครับ”

อินซอบพูดแบบนั้นพลางใช้ฝ่ามือถูหน้าเบาๆ แม้จะตอบไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลของความกังวล

เรื่องที่อีอูยอนถามตนว่าจะทำสัญญาระยะยาวกับอีกฝ่ายได้ไหมในวันนั้นติดอยู่ในใจของอินซอบเหมือนหินก้อนใหญ่ ถึงเขาจะตั้งความหวังดูว่าอีกฝ่ายอาจจะพูดไปตามมารยาทเพื่อปลอบเขา เพราะรู้สึกผิด แต่ในตอนที่กรรมการผู้จัดการคิมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ห้องทำงานในวันรุ่งขึ้น อินซอบก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายพูดจริง

ระยะเวลาที่เขาทำสัญญาในตอนที่เข้ามาทำงานที่บริษัทคือหนึ่งปี มันเป็นระยะเวลาสัญญาที่เกือบจะไม่ต่างอะไรกับตำแหน่งชั่วคราว แต่อินซอบก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเขาอาจจะทนได้แค่ไม่กี่เดือน แต่ในกระดาษที่กรรมการผู้จัดการคิมยื่นให้เขามีตัวเลขที่เขาไม่อยากจะเชื่อเขียนเอาไว้ว่าตั้งสามปี

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อีอูยอนบอกว่าจะทำสัญญาอย่างเป็นทางการกับผู้จัดการส่วนตัวด้วยตนเอง กรรมการผู้จัดการคิมก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันในขณะที่อีกฝ่ายยื่นเอกสารสัญญาให้ เงื่อนไขในสัญญานั้นดีมาก เป็นเอกสารสัญญาในฝันที่บอกว่าจะให้เงินโบนัสจำนวนมากพร้อมกับประกันชีวิตถึงสี่เท่ารวมไปถึงการรับประกันค่าใช้จ่ายในช่วงลาพักร้อนด้วยด้วย

แต่อินซอบกลับไม่สามารถเซ็นชื่อลงไปในนั้นได้ในทันที ระยะเวลาสามเดือนที่ตนเคยคิดเอาไว้เหลืออีกไม่มากแล้ว และเขาก็วางแผนว่าถ้าเขาไม่สามารถหาจุดอ่อนของอีอูยอนเจอได้ในระยะเวลานั้น ตนก็จะส่งรูปเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนของเขากับพวกผู้หญิงไปให้หนังสือพิมพ์ และจะออกจากประเทศเกาหลีไปเงียบๆ

แต่จู่ๆ ก็ได้สัญญาสามปีอย่างกะทันหันเนี่ยนะ

ชเวอินซอบว่า ‘ผมขอลองคิดดูก่อนครับ’ พร้อมกับยื่นเอกสารสัญญาคืนให้กรรมการผู้จัดการคิมเงียบๆ หัวหน้าทีมชาที่จับตามองอยู่ข้างๆ ก็สั่งให้เขาคิดดูให้ดี และได้รับสายตาจากกรรมการผู้จัดการคิม

ตอนนั้นอีอูยอนที่นั่งอย่างหมิ่นเหม่อยู่ตรงขอบโต๊ะก็แย้มยิ้มพลางเอ่ยพูด ‘ผมก็ต้องรับผิดชอบที่คุณอินซอบช่วยชีวิตผมไว้สอง ไม่สิ ตั้งสามครั้งสิครับ’

และความรู้สึกผิดที่คิดว่าเขาไม่ควรช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้หรือเปล่าก็ซัดเข้ามาเหมือนกับน้ำทะเลที่กำลังขึ้น แม้เขาจะรู้ว่าต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้เขาก็ยังจะทำแบบเดิม แต่ตอนนี้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“เฮ้อ…”

ทันทีที่อินซอบถอนหายใจ หัวหน้าทีมชาก็แอบดูท่าทีของเขา และเปิดฝาขวดน้ำแร่ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อยื่นให้อินซอบ

“แล้วมือหายดีหรือยัง ต้องไปโรงพยาบาลอีกเมื่อไหร่ล่ะ”

“อีกสิบห้าวันถึงจะต้องไปดูอาการอีกทีครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หมอก็ให้ผมใส่เฝือกไว้อย่างนี้ก่อนครับ”

“โล่งอกไปทีนะ”

หัวหน้าทีมชาพูดอย่างนั้นพลางยื่นน้ำให้กับอีอูยอนที่อยู่ด้านหลัง อีอูยอนใช้สองมือรับน้ำมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพ

เมื่อความเห็นที่ว่า ‘ต่อให้ตายแล้วฟื้น ผมก็จะไม่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนอีกแล้ว’ ‘แล้วนายจะให้คนที่แขนทั้งสองข้างบาดเจ็บทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวได้ยังไงหา?’ ‘ผมไม่อยากได้ผู้จัดการส่วนตัวคนอื่นที่ไม่ใช่ชเวอินซอบ’ และ ‘…ผมลองทำดูก่อนก็ได้ครับ’ รวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว หัวหน้าทีมชาจึงตัดสินใจยอมเป็นโร้ดเมเนเจอร์ให้กับอีอูยอน งานที่เขาทำมีแค่การขับรถ หรืองานที่ต้องใช้แรงงานเท่านั้น ส่วนการปรับตารางงาน หรือการดูแลอีอูยอนอย่างละเอียดนั้น ชเวอินซอบเป็นคนทำเหมือนกับก่อนหน้านี้

หัวหน้าทีมชาจับพวงมาลัยหลังจากให้สัญญากับกรรมการผู้จัดการคิมว่าตนจะทำงานหนักเหมือนเป็นคนขับรถแทนเท่านั้น อันที่จริงเขาทำงานอย่างสบายใจมากๆ เพราะเขาไม่สนใจอะไรก็ได้นอกจากการขับรถ แต่แน่นอนว่าเขาวางแผนจะใช้เรื่องนี้รีดไถโบนัสพิเศษจากกรรมการผู้จัดการคิม

หัวหน้าทีมชาที่อารมณ์ดีเพราะคิดถึงโบนัสฮัมเพลงพร้อมกับเปิดวิทยุ อีอูยอนที่กำลังอ่านบทอยู่ด้านหลังนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ชเวอินซอบรีบปิดวิทยุพร้อมกับส่ายหัว

อีอูยอนไม่ชอบให้เปิดวิทยุหรือพูดคุยด้วยตอนที่เขากำลังอ่านบท ด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะรบกวนการใช้สมาธิของเขาถ้าหากมีเสียงคนเข้ามาแทรก หัวหน้าทีมชาที่ไม่รู้ถึงเหตุผลนั้นถามว่า ‘มีอะไรเหรอ’ อย่างคนที่ไม่สังเกตบรรยากาศ และเปิดวิทยุขึ้นมาอีกครั้ง

หัวหน้าทีมชาฮัมเพลงทันทีที่เสียงเพลงแดนซ์ที่ดังตึงตังดังออกมาจากวิทยุก่อนจะเริ่มขับรถ อีอูยอนเพียงแค่เหลือบศีรษะด้านหลังของหัวหน้าทีมชาและไม่พูดอะไร

“เปิดซีดีที่ผมเอามาได้ไหมครับ”

“อ้อ ตามสบายเลย”

อินซอบเปิดลิ้นชักหน้ารถและหยิบซีดีออกมาฟังเพลง มันเป็นซีดีที่เขาเลือกเพลงต่างๆ ที่อีอูยอนชอบมาอัดเก็บไว้ หัวหน้าทีมชาทำเสียงไม่พอใจพลางบ่นพึมพำทันทีที่เพลงเบาๆ ดังขึ้นในรถตู้

“ความรู้สึกที่อยากจะขับรถของฉันไม่ออกมาหรอกนะ ถ้าฟังเพลงแบบนี้ตอนขับรถน่ะ รสนิยมของคุณอินซอบนี่พิเศษจริงๆ ผู้ชายอะไรจะมาฟังเพลงแบบนี้”

ชเวอินซอบยิ้มเจื่อนพลางสังเกตท่าทางของอีอูยอนที่นั่งอยู่ด้านหลัง อีอูยอนไม่ได้เบนสายตามาทางนี้และอ่านบทต่อไป เพราะอีกฝ่ายคงไม่คิดที่จะสนใจหัวหน้าทีมชาตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นบรรยากาศที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับการที่อีกฝ่ายพูดนั่นพูดนี่กับอินซอบในตอนที่อยู่บนรถตู้ด้วยกันตามลำพัง ดูเหมือนคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมที่บอกว่าดวงของหัวหน้าทีมชากับอีอูยอนไม่ค่อยสมพงศ์กันจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท