หลังจากได้รับโทรศัพท์ กรรมการผู้จัดการคิมถึงกับกรีดร้องออกมา และสาดความโกรธทั้งหมดใส่อีอูยอน ‘นี่นายยังมีสติอยู่ไหม บรรยากาศยิ่งไม่ดีอยู่ นายไม่รู้หรือไงว่าคนเขาจะพูดกันว่ายังไง ถ้านายไปในที่แบบนั้น นายควรจะไว้อาลัย ไม่สิ แสดงความรัก ไม่ ไม่ นายควรจะต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ที่บ้านด้วยหัวใจที่โศกเศร้าต่อเพื่อนร่วมงานที่บาดเจ็บสิ เครียดงั้นเหรอ น่าตลกสิ้นดี! คนอย่างนายจะมาเครียดอะไร สมองของนายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดหรือเปล่า เอานิ้วของฉันเป็นเดิมพันอะไร นายจะตัดนิ้วฉันเหรอ เฮ้ย ไอ้ตัวดี! นี่แก! อย่าวางสายนะ เอาอินซอบมาคุย เอาชเวอินซอบมาคะ…!’
ฟังมาถึงตรงนี้ อีอูยอนก็ยิ้มบางๆ ก่อนจะปิดเครื่อง จากนั้นเขาก็โกหกชเวอินซอบที่กำลังมองมาด้วยสายตาเป็นกังวลอย่างอ่อนโยนว่ากรรมการผู้จัดการบอกให้เที่ยวให้สนุก
แม้แต่ตอนที่กำลังไปคลับ อินซอบก็ถามอีอูยอนอยู่หลายรอบว่า ‘จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ’ แม้จะเป็นช่วงกลางดึก แต่อีอูยอนซึ่งสวมแว่นกันแดดกับชุดลำลองสบายๆ ก็ยังดูสะดุดตาจนทำให้คนที่จำเขาได้เหลียวหลังและหยุดเดิน
เป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดเรื่องขึ้น เพราะเดิมทีที่คลับก็มีคนเยอะอยู่แล้ว ถ้าเป็นผู้จัดการส่วนตัวจริงๆ สิ่งที่ถูกต้องคือเขาต้องห้ามไม่ให้อีอูยอนไปคลับ
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ เรามาเพื่อทำให้ผู้จัดการส่วนตัวของผมหายเครียดนี่นา”
“…”
ชเวอินซอบกัดริมฝีปากเบาๆ
นี่เราต้องจ่ายค่าเสียหายที่เปิดเพลงในรถผิดหนึ่งครั้งอย่างสาสมเลยสินะ
แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเครียด หลังจากนี้พอเขากลับอเมริกาแล้ว เขาจะต้องส่งมอบหลักฐานที่บอกว่าอีอูยอนเป็นคนชั่วช้าที่สุดในโลก แต่ก่อนหน้าที่เขาจะทำแบบนั้นได้ เขามีปัญหาที่ต้องแก้เต็มไปหมด และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะไปคลับกับอีอูยอนด้วย เขาอยากจะต่อยหน้าอีอูยอนเพื่อให้ถูกไล่ออกกะทันหันอย่างที่ใจคิดจะได้ตัดขาดกับอีกฝ่ายทันที แม้เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้นได้ก็ตาม…
“รู้สึกดีจังครับ ผมไม่ได้มาที่แบบนี้มานานแล้ว”
“…”
“คลับที่คุณอินซอบไปบ่อยๆ คือที่ไหนเหรอครับ”
“อ๋อ แถวๆ นี้แหละครับ แต่อยู่ตรงไหนน้า”
อินซอบพยายามมองไปรอบๆ พร้อมกับพึมพำไปด้วย อีอูยอนกอดอกมองท่าทางของอีกฝ่ายที่กลอกตาไปมาอย่างร้อนรนพลางคิดว่า ‘ดูซิว่าจะหาเจอเมื่อไหร่’
“คลับชื่ออะไรเหรอครับ”
“ชื่อเหรอครับ ผมจำได้รางๆ เองครับ…”
“แต่คุณอินซอบความจำดีนี่ครับ ไม่ได้จดไว้ในสมุดโน้ตเหรอครับ“
อีอูยอนรู้จักนิสัยของชเวอินซอบที่มักจะจดทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ ลงในสมุดโน้ตดี จึงเอ่ยถามราวกับประหลาดใจ
“วันนี้ผมไม่ได้เอาสมุดโน้ตมา…”
“น่าเสียดายจังนะครับ”
ทันทีที่อีอูยอนหยุดเดินกลางทาง คนก็เริ่มมามุงรอบๆ แต่อีอูยอนไม่สนใจ เขายืนมองอินซอบเหมือนจะสั่งให้จำชื่อคลับให้ได้
“คือว่า…ไปที่ไหนก็ได้ครับ”
“ทำไมล่ะครับ ไปที่ที่คุณอินซอบเคยไปจะไม่รู้สึกสบายใจกว่าเหรอครับ”
”…”
ปัญหาก็คืออินซอบไม่มีที่ที่เคยไป นี่เขาทำอะไรลงไปถึงทำให้เรื่องยุ่งเหยิงขนาดนี้ ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
ขณะที่อินซอบเริ่มกังวลใจเกี่ยวกับทุกเรื่องในชีวิตอยู่กลางทาง อีอูยอนก็จับไหล่ของเขาและกระซิบอย่างนุ่มนวล
“คนเยอะแล้วนะครับ เราไปที่ใกล้ๆ กันไหมครับ”
“ครับ! ดีครับ”
อินซอบพยักหน้าราวกับรอคำพูดนี้อยู่ อีอูยอนจึงลูบศีรษะนั้น เมื่อพวกผู้หญิงเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาเบาๆ ในบรรดาผู้หญิงพวกนั้นมีคนที่มองอินซอบซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาอยู่พอสมควร ยิ่งสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของอีอูยอนมากเท่าไร อินซอบก็ยิ่งรู้สึกว้าวุ่นมากเท่านั้น
“ตามมาครับ”
อีอูยอนจับมืออินซอบ อินซอบไม่สามารถสะบัดมือออกได้ เนื่องจากอยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาจึงเดินไปตามแรงดึงของอีกฝ่าย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมากขนาดนี้ แต่เขากลับสนใจข้อมือที่ถูกอีอูยอนจับไว้มากกว่าเรื่องนั้น
พวกผู้หญิงไม่กล้าขวางทางอีอูยอนจึงทำได้แค่จ้องมองมาและส่งเสียงวี้ดว้าย หรือถ่ายรูปคนทั้งคู่เอาไว้ เมื่ออีอูยอนมาถึงหน้าคลับ พนักงานของคลับก็จำเขาได้ทันทีและติดต่อหาผู้จัดการคลับ ไม่นานผู้จัดการก็รีบวิ่งออกมา
เนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ หน้าคลับจึงแออัดไปด้วยผู้คนที่พยายามจะเข้าไป อินซอบมองอีอูยอนคุยกับผู้จัดการคลับพลางคิดว่า ‘หรือเราจะหนีไปตอนนี้ดี’
“มานี่เร็วครับ”
อีอูยอนขยับนิ้วสั่งให้เขาเข้าไปใกล้ๆ คนที่จำอีอูยอนได้กรีดร้องออกมาและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป เมื่อพวกเขาเดินผ่านทางเข้าเข้ามาด้านใน เสียงเพลงก็เริ่มดังขึ้นอย่างน่าหนวกหู
“คนเยอะเลย คุณตามผมมาดีๆ นะครับ”
“ครับ?”
“ผมบอกให้ตามผมมาดีๆ ครับ”
อีอูยอนตะโกนอยู่ข้างหูอินซอบ อินซอบใช้มือกดหูที่ร้อนผ่าวขึ้นมาพลางพยักหน้า หลังจากที่นั่งลงตรงที่ที่ผู้จัดการคลับช่วยพามาแล้ว อินซอบก็มองไปรอบๆ และอ้าปากค้าง
ผู้คนจำนวนมากกำลังเต้นไปตามเสียงเพลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะอยู่ที่นี่หรือไม่ เพราะที่นี่มีแต่คนสวยหล่อจนทำให้เขาเสียกำลังใจ
“ไปเต้นกันไหมครับ”
“ตะ เต้นเหรอครับ”
“จะมานั่งเฉยๆ ที่คลับเหรอครับ”
อันที่จริงอินซอบคิดว่าโชคดีมากที่ในคลับมีที่นั่ง เขาไม่มีทางรู้เลยว่าความจริงแล้วอีอูยอนจองห้องวีไอพีซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวบริเวณเวทีเอาไว้ พวกเขาถึงได้ที่นั่งตรงนี้
“ดื่มสักแก้วแล้วค่อยออกไปนะครับ”
อีอูยอนหยิบขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมารินใส่แก้วของอินซอบ อินซอบรับแก้วมาโดยไม่พูดอะไร และดื่มลงไปทันที เขารู้สึกมึนหัว เพราะแค่แก้วเดียวก็ทำให้ความมึนเมาของเขาพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่เขากลับไม่มีความกล้าที่จะออกไปเต้นบนเวทีเลยแม้แต่ปลายเล็บ
“จะดื่มอีกแก้วไหมครับ”
“…ครับ”
เขาดื่มแบบนั้นไปอีกสองถึงสามแก้ว อีอูยอนเพียงแต่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟาด้วยความตั้งใจที่ว่าตนจะมาจับตาดูสิ่งที่อินซอบจะทำเท่านั้น
ชเวอินซอบรู้สึกลำบากใจกับช่วงเวลานี้เหลือเกิน เพราะเขาเคยคิดไว้ว่าก่อนจะลาออกจากงาน เขาจะไม่อยู่กับอีอูยอนแบบเป็นส่วนตัวเด็ดขาด
เขาพยายามที่จะไม่ดื่มแม้แต่ชาด้วยกัน แต่มาคลับด้วยกันในคืนวันเสาร์เนี่ยนะ ถ้านี่เป็นเกมล่ะก็ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ต้องเป็นเกมตาหนึ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างแน่นอน
อินซอบลุกขึ้นและพยายามจะออกไปนอกห้องราวกับจะหนี แม้จะออกมาสูดอากาศเล็กน้อย แต่เขากลับรู้สึกมึนงงเพราะเสียงเพลงที่ดังพอที่จะทำให้หัวของเขาหมุน และคนที่แออัดจนไม่มีที่ให้ขยับเท้าแทน
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าเขาจะพยายามมองไปรอบๆ อย่างไร เขาก็หาไม่เจอว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน เขาจึงต้องกวาดตาอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ตอนนั้นเองใครบางคนก็แตะไหล่เขา
“เป็นอะไรไปครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
ชายผมทองที่หล่อเหลาและเจาะคิ้วเอ่ยถาม อินซอบรู้สึกโล่งอกจึงถามชายคนนั้นว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน ชายคนนั้นขยับมือเหมือนจะบอกให้ตามมา
ระหว่างที่ไปห้องน้ำ ชาวต่างชาติคนนั้นก็ยิงคำถามใส่อินซอบไม่หยุด ‘มาคนเดียวเหรอ สำเนียงภาษาอังกฤษดีจัง เรียนมาจากไหนล่ะ แล้ววันนี้มาทำอะไรที่นี่’
อินซอบพยายามจะไม่ชนคน ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามตอบคำถามไปด้วย หน้าห้องน้ำมีคนอยู่ไม่น้อย พวกเขาจึงต้องเข้าแถวรอ ชาวต่างชาติที่นำทางมาห้องน้ำก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วย อินซอบจึงคิดว่าอีกฝ่ายก็คงมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหลบไปด้านหนึ่งและหาที่ให้อีกฝ่าย
“มาคลับครั้งแรกเหรอ”
อินซอบงงกับคำถามของชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง หรือจะมีมารยาทของคลับที่เขาไม่รู้แล้วเผลอทำผิดไปหรือเปล่านะ
“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะครับ”
“เปล่าหรอก ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะ นายดูซื่อมากจริงๆ นะ”
ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าการมาคลับแล้วได้ยินคำว่าซื่อจะเป็นคำชมหรือเปล่า แต่อินซอบก็พูดขอบคุณไว้ก่อน แม้เขาจะทำธุระเสร็จและออกมาจากห้องน้ำแล้ว ชายคนนั้นก็ยังตามอินซอบมาติดๆ
“ไปเต้นด้วยกันหน่อยไหม ที่นี่น่ะเด็ดสุดๆ ไปเลย”
“ผมมากับคนอื่นด้วย…”
“ผู้หญิงเหรอ หรือว่าผู้ชาย?”
“ผู้ชายครับ”
ชาวต่างชาติคนนั้นยิ้มราวกับจะบอกว่ากะแล้วเชียว ฝ่ายนั้นเข้ามาคล้องแขนอินซอบก่อนจะลากขึ้นบันไดไป
“ผมต้องไปทางโน้น…”
“มาเถอะ ฉันจะแนะนำนายให้เพื่อนๆ ของฉันรู้จัก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีคนมาด้วย…”
“ใครเขาพาแฟนมาด้วยในที่แบบนี้กัน ไปเล่นให้สนุกกันเถอะ ฉันจะทำให้นายสนุกสุดๆ ไปเลย”
แม้อินซอบจะพยายามสะบัดมือของผู้ชายคนนั้นออกด้วยความงงงวย แต่ผู้ชายที่เมาเหล้านั้นกลับดื้อรั้น เขาลากอินซอบไปยังห้องที่ตัวเองจองไว้
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาก็เจอกับภาพของชายหญิงนัวเนียกันจนดูน่าสงสาร
ชเวอินซอบตะโกนว่า ‘ขอโทษครับ’ ด้วยความตกใจ และปิดประตูห้องลง ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะคิกคักและฉีกยิ้มให้ ทันทีที่เขาเปิดประตูอีกครั้ง คนที่อยู่ในนั้นก็หันหน้ามา
“อะไรกันโทนี่ เด็กน้อยใสซื่อนั่นเป็นใครน่ะ”
“เพื่อนฉันเอง”
คนที่อยู่ในห้องเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด ถึงจะมีคนเกาหลีปะปนอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ใช้ภาษาอังกฤษกันอย่างเป็นธรรมชาติ
“ฉันจะแนะนำให้นะ นายชื่ออะไรล่ะ”
เดิมทีระหว่างพวกเขาต่างไม่ได้บอกชื่อแซ่กัน อินซอบครุ่นคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี และตอบออกไปว่าปีเตอร์
“โอเค นี่คือปีเตอร์ ส่วนนั่นริค เควิน แจ็ค แล้วก็คีธ”
พวกผู้ชายยกมือกันทีละคนสองคนและทักทาย แน่นอนว่าเกินกว่าครึ่งไม่ยอมหันหน้ามาเพราะมัวแต่จูบกับผู้หญิงอยู่
“ฉันโทนี่ เป็นบอสของคนที่เท่มากๆ พวกนั้น”
“…ครับ”
“โทนี่ เด็กน้อยนั่นจะร้องไห้แล้วนะ ควรพาเขาไปส่งที่บ้านหรือเปล่า”
“ปล่อยไปเถอะ เขาตรงสเปคโทนี่เลยนี่นา”
อินซอบถอนหายใจ ทำไมเขาต้องมาเจอพวกอันธพาลกระทั่งตอนมาที่คลับด้วยล่ะเนี่ย
“อย่าไปสนใจคำพูดของคนพวกนั้นเลย เรามาดื่มและเต้นด้วยกันดีกว่า”
“ไม่ล่ะครับ ผมต้องกลับแล้ว ผมมีคนมาด้วย”
“น่าอึดอัดจริงๆ ให้ตาย ใครเขาพาแฟนมาเที่ยวเล่นด้วยในที่แบบนี้กัน การเล่นสนุกกับคนแปลกหน้าน่ะ สนุกกว่าเยอะนะ”
“ไม่ใช่แฟนหรอกครับ…เป็นคนที่ทำงานด้วยน่ะ”
“บอสในที่ทำงานเหรอ ฉันเองก็เป็นบอสของคนพวกนี้เหมือนกัน อย่าสนใจเลย ทำตัวดีขนาดนั้นต่อหน้าบอสแล้วบอสจะให้โบนัสเหรอ”
พอได้ยินคำว่า ทำตัวดี อินซอบก็ถึงกับคอตก ก็จริงอย่างที่ผู้ชายคนนี้พูด เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำตัวดีกับอีอูยอนเลยแม้แต่ข้อเดียว กลับกันการที่เขาออกมานอกสายตาของอีกฝ่าย และโดนไล่ออกเร็วๆ กลับดีกว่าเสียอีก
“ดีเลย งั้นเรามาดื่มกันเถอะครับ”