ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 7-10

ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 7-10

“ท้องไส้เป็นยังไงบ้างครับ”

“ดีขึ้นแล้วครับ”

“แต่คุณดูไม่ดีขึ้นเลยนะครับ”

“ดีแล้วครับ ดีมากๆ เลยด้วย”

เมื่ออินซอบบอกว่ารู้สึกท้องไส้ไม่ค่อยดี เขาจึงพาอีกฝ่ายไปห้องน้ำ แต่เจ้าตัวกลับไม่อ้วกอย่างที่ควรทำ อินซอบยื่นหน้าไปตรงอ่างล้างหน้าอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและบอกว่าจะไปเต้น นี่เราบ้าหรือเปล่าที่พาคนโง่อย่างนี้มาคลับ อีอูยอนคิดก่อนที่จะค่อยๆ ลากอินซอบออกไปในที่สุด

ถึงอย่างนั้นเรื่องที่โชคดีที่สุดก็คืออีอูยอนสามารถขับรถได้ เพราะเขาออกมาจากคลับก่อนที่จะได้ดื่มเหล้า ขณะขับรถอีอูยอนก็รู้สึกได้ว่าสภาพของอินซอบต่างไปจากปกติชอบกล เขาจึงเอ่ยถาม

“เมาเหล้าเหรอครับ“

“เปล่าครับ ไม่ได้เมาครับ”

“…”

อินซอบพูดได้ชัดเจนเกินไป

ถ้าเป็นชเวอินซอบตัวจริงจะต้องพูดอ้อมแอ้มพลางสังเกตท่าทีของตน และถ้าสบตากัน เจ้าตัวก็จะหันหน้ากลับไปทำหน้าเศร้าๆ เสมอ แม้เขาจะไม่ได้ไม่ชอบที่อีกฝ่ายยิ้มหวานเหมือนคนโง่ แต่เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ

อีอูยอนเลือกที่จะจอดรถตรงข้างทางที่เงียบสงบก่อน

“คุณได้กินอย่างอื่นที่ไม่ใช่เหล้าหรือเปล่าครับ”

เมื่อเห็นว่าชเวอินซอบที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำไม่ยอมกลับมาเสียที อีอูยอนก็คิดว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นจึงลุกจากโต๊ะมา เขาตามหาอีกฝ่ายตามห้องน้ำทุกแห่ง เพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่จุดพักรถ แต่เขากลับหาอีกฝ่ายไม่เจอ เขาคิดว่าจะลองหาที่ชั้นสามดูก่อน จากนั้นก็ลองเคาะและเปิดประตูเข้าไปในห้องวีไอพีทีละห้อง

ในที่สุดเขาก็เจออินซอบที่กำลังดิ้นไปดิ้นมาเพราะถูกผู้ชายคนหนึ่งกอดในห้องที่ห้า ทันทีที่เห็นภาพนั้น อีอูยอนก็รู้ได้เลยว่าคราวนี้ตัวเองกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่

เขาโกรธสุดๆ

ดูเหมือนไอ้ผู้จัดการที่ผ่านๆ มาจะมีความสามารถในการเรียนรู้มากกว่าไอ้เวรนี่ โธ่เว้ย ถ้าช่วยไว้แล้วจะยังไงล่ะ พอละสายตาไปก็กลายเป็นไอ้โง่ที่มักจะโดนพวกคนลามกจับไว้ทุกที

เห็นได้ชัดเลยว่าไอ้คนที่อยู่กับอินซอบเป็นพวกชอบอวดรวย แล้วก็ชอบเกลี้ยกล่อมให้พวกผู้หญิงมีอะไรด้วยแบบวันไนท์แสตนในคลับ อีอูยอนกำลังอดทนต่อความรู้สึกที่อยากจะหักคออินซอบที่เดินตามคนที่ไม่รู้จัก แถมยังเป็นคนต่างชาติไปโดยไม่ระวังตัวอะไรเลยในคลับ

อีอูยอนเขย่าไหล่ของอินซอบก่อนจะถามอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง

“คนพวกนั้นได้เอาอะไรให้คุณอินซอบกินหรือเปล่าครับ”

“อ๋อ ครับ ใช่ยาลดความตื่นเต้นหรือเปล่าน้า…ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่ามันคืออะไร ผมบอกไปแล้วนะครับว่าผมไม่อยากกิน แต่เขาบังคับให้กิน…อื้อ”

พอนึกถึงเหตุการณ์นั้น อินซอบใช้แขนเสื้อถูปากอย่างแรง การกระทำนั้นทำให้อีอูยอนสามารถเดาได้ทันทีว่าอินซอบถูกทำอะไรในห้องนั้น

“เขาป้อนด้วยปากเหรอครับ เขาบังคับเหรอ”

“ครับ”

ถ้าเป็นปกติอีกฝ่ายจะต้องหน้าแดง และไม่สามารถตอบเขาได้อย่างเป็นปกติ แต่ตอนนี้อินซอบกลับพยักหน้าอย่างไม่ลังเล อีอูยอนจับคางของอีกฝ่ายไว้ เขายิ้มอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ย

“ต่อไปถ้าผมกำลังจะตายกรุณาอย่าผายปอดให้นะครับ ปล่อยผมไว้อย่างนั้นแหละ เข้าใจไหมครับ รู้ใช่ไหมครับว่าผมหมายความว่ายังไง”

“ครับ?”

“ผมสั่งห้ามไม่ให้คุณผายปอดผมด้วยปากที่ไปเที่ยวอ้าให้ใครต่อใครครับ”

อินซอบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขากะพริบตาอยู่สองสามครั้งก่อนจะส่ายหน้า

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”

“ว่าไงนะครับ”

“คนกำลังจะตายนะครับ…ผมจะปล่อยไว้เฉยๆ ได้ยังไง”

“ปล่อยไว้เถอะครับ”

“ปล่อยไว้ไม่ได้ครับ”

“ก็แค่ปล่อยไปเฉยๆ เอง”

“ก็ผมไม่อยากปล่อย!”

อินซอบแผดเสียง อีอูยอนพยายามคิดว่าไอ้เวรนั่นเอาอะไรให้หมอนี่กินกันแน่ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ เมื่อคิดว่าไม่ว่าจะมีคนเห็นหรือไม่ เขาก็น่าจะเอาส้อมแทงกบาลไอ้เวรนั่นให้เป็นรู ความเสียใจที่ไม่ได้ทำอย่างนั้นลงไปถาโถมเข้ามา

“ผมไม่อยากปล่อย! ไม่อยากปล่อยไว้! ผมจะช่วยชีวิตคุณครับ ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งผมก็จะช่วยคุณ แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ขอผมทำตามหัวใจตัวเองบ้างไม่ได้เหรอครับ”

“…”

“เพราะผมยอมทำตามคุณทุกอย่างแล้ว…ส่วนการช่วยชีวิตคุณน่ะ ปล่อยให้ผมได้ทำตามที่ผมอยากทำเถอะครับ”

อีอูยอนเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของอินซอบ ดูจากการที่อีกฝ่ายตัวร้อนแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน่าจะกินยาที่มีส่วนผสมของยากระตุ้นประสาทอะไรสักอย่างเข้าไป เดิมทีอินซอบเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาพูดจาไร้สาระออกมาไม่หยุด เพราะกินเหล้าที่ผสมยากระตุ้นประสาทเข้าไปจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

“คุณไม่ได้เห็นภาพหลอนใช่ไหมครับ”

อินซอบมึนงงกับคำถามของอีอูยอน เขามองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยตอบ

“ไม่ครับ ผมรู้สึกดีมากเลย เจ๋งสุดๆ”

“…”

คำว่าเจ๋งสุดๆ ของแกนี่มันไม่มีเหตุผลจริงๆ ไปเรียนคำที่ล้าสมัยอย่างนั้นมาจากไหนกันแน่เนี่ย

“อ่า ร้อน”

อินซอบปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเปิดประตูรถ

“ชเวอิน…เฮ้ย!”

ไม่ว่าอีอูยอนจะเรียกอย่างไร อินซอบก็วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว อีอูยอนลงจากรถด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘คงไม่จบแค่นั้นสินะ’

“คุณอินซอบ! เฮ้ย! ชเวอินซอบ!”

“ว้าว! ผมวิ่งได้ด้วย! ยะฮู้”

การได้วิ่งมันจะดีอะไรขนาดนั้น อินซอบตื่นเต้นเหมือนเด็กเล็กๆ และวิ่งฉิวไปทางสวนสาธารณะ อีอูยอนมองการกระทำนั้นจากด้านหลัง และขบฟันก่อนจะปิดประตูรถ เขาเริ่มวิ่งไล่ตามอีกฝ่ายไป แต่วิ่งไปได้ไม่นานอินซอบก็ถูกอีอูยอนจับผมเอาไว้ จึงล้มหงายหลัง

“โอ๊ย!”

ชเวอินซอบร้องเสียงแหลมพร้อมกับตะกายมือทั้งสองข้างไปมา อีอูยอนที่โดนนิ้วของอีกฝ่ายเสยกลืนคำด่าลงไป และกอดไหล่ของอินซอบเอาไว้

ร่างของทั้งคู่ล้มลงบนพื้นหญ้าในสภาพที่นอนทับกันอยู่ อินซอบผู้ซึ่งควรจะเอ่ยขอโทษเขาเสียงสั่นในยามปกติกลับยิ้มกว้าง และซบหน้าลงบนตัวของอีอูยอน

“กว้างจัง”

“…”

“กว้างมากเลยครับ ไหล่น่ะ”

“ผมรู้ครับ”

โชคดีมากที่ไม่มีคนผ่านไปผ่านมา เพราะที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีคน อีอูยอนไม่ซ่อนความรำคาญเอาไว้เลย เขาจับไหล่ของอินซอบ และบังคับให้อีกฝ่ายลุกขึ้น

“เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อน! ผมมีเรื่องจะคุยด้วยครับ”

เนื่องจากอีกคนเมาทั้งยาและเหล้า การใช้คำสุภาพของเขาจึงปนกันไปหมด รวมถึงน้ำเสียงก็เด็กลงและน่ารักต่างจากปกติด้วย อีอูยอนถามกลับว่า ‘อะไรเหรอครับ’

“คือว่านะครับ ผมขอถามอะไรสักข้อจะได้ไหมครับ”

อีอูยอนไม่กล้าตอบว่าให้อีกฝ่ายหุบปาก เพราะอินซอบถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเหมือนเด็กที่กำสายไหมไว้ในมือ

“ถามมาสิครับ”

“ทำไมถึงชวนผมทำสัญญาสามปีล่ะครับ”

“ทำไมน่ะเหรอครับ ก็…”

ดวงตากลมโตของชเวอินซอบจ้องมองอีอูยอนนิ่งๆ นี่ไม่ใช่การชำเลืองมอง หรือการหันกลับมามองเพียงแค่แวบเดียวเหมือนอย่างปกติ แต่เป็นสายตาที่มองเหมือนจะเค้นทุกอย่างที่มีออกมา

อีอูยอนคิดว่าตอนนี้ต่อให้ตนพูดโกหกอะไรไป อินซอบก็คงไม่เชื่อ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของอีอูยอน

“ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณมีเจตนาอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นคุณอินซอบ คุณคงไม่เอามีดมาแทงผมข้างหลังอย่างแน่นอน”

เพราะในตอนแรกเขาไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายวางแผนอะไรไว้ เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้ข้างตัว และคอยจับตาดู แต่พอจับตาดูไปแล้วเขาดันรู้สึกสนุกขึ้นมา นี่มันคืออะไรกัน

คนโง่คนนี้ทั้งยอมเสี่ยงอันตราย และช่วยชีวิตตนเอาไว้ ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งนั้นไปแล้ว แต่เพราะเขาไม่ใช่คนปกติ สิ่งนั้นจึงเพิ่มความสนุกให้เขามากขึ้น เขาเกิดความโลภขึ้น ถ้าเป็นอินซอบ ต่อให้เขาจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกไป อีกฝ่ายก็อาจจะยอมอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ก็เป็นได้ แม้จะไม่รู้ว่าชเวอินซอบต้องการอะไรจากตน แต่เขาก็หวังให้อีกฝ่ายหาสิ่งนั้นไม่เจอไปตลอดกาล

นี่เป็นคำตอบที่จริงใจที่สุดที่อีอูยอนสามารถตอบได้ในตอนนี้

แต่ใบหน้าของอินซอบที่ได้ยินคำตอบนั้นกลับยับยู่ยี่ เหมือนกำลังยิ้มแต่ก็เหมือนกับจะระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาในไม่ช้านี้ด้วย

“เชื่อ…เชื่อใจผมเหรอครับ”

“มีเหตุผลที่จะต้องไม่เชื่อด้วยเหรอครับ”

คำถามถูกตอบกลับด้วยคำถามอีกครั้ง น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาของชเวอินซอบทันที อีอูยอนมองหน้าของอินซอบที่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากอย่างไร้เสียงพลางเดาะลิ้นเบาๆ

แปลกมาก ถ้าร้องไห้ ใบหน้าที่ไม่สวยนั่นก็น่าจะดูขี้เหร่สิ แต่ทำไมถึงดูสวยขนาดนี้ล่ะ

อีอูยอนไม่คิดที่จะเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย เขาจ้องหน้าของอินซอบที่กำลังร้องไห้ต่อไป พออีอูยอนเห็นว่าอินซอบร้องไห้อยู่พักใหญ่และสะอึกสะอื้นพร้อมกับปาดน้ำตา เขาก็แตะเอวอีกฝ่ายและพูดต่อ

“ร้องไห้เสร็จหรือยังครับ ทีนี้คุณก็ลงไปจากตัวผม…”

จู่ๆ ชเวอินซอบก็กอดคอของอีอูยอนไว้ อีอูยอนจับจุดไม่ถูกเลยว่าเขาควรจะแสดงปฏิกิริยาแบบไหนให้กับการกระทำของชเวอินซอบที่ทำไปโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ปกติแค่เขาเอาปลายนิ้วไปโดน เจ้าตัวก็ทำหน้าตาซีเรียส และห่อตัวหนีแล้วแท้ๆ

อีอูยอนไม่ชอบดึงใครเข้ามากอด ตอนที่เขาดึงผู้หญิงเข้ามากอดก็มีแค่ตอนที่เล่นละคร หรือตอนมีเซ็กส์ด้วยเท่านั้น สำหรับเขาแล้วไออุ่นของมนุษย์ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการช่วยให้ประสิทธิภาพของอุณหภูมิสูงขึ้นเฉยๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ได้รับความปลอดภัยจากไออุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้คืออะไร แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นค่ำคืนในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ค่อนข้างเย็น ไออุ่นของอินซอบที่กำลังกอดตนอยู่จึงใกล้เข้ามาอย่างชัดเจน

“…”

การดันอินซอบออกไปเป็นเรื่องง่าย เพราะอีกฝ่ายกอดตนไว้ด้วยแรงเพียงเล็กน้อยถึงขนาดที่แค่เขาเพิ่มแรงอีกนิดก็สามารถโยนอีกฝ่ายทิ้งไปไกลๆ ได้

แต่เขากลับไม่มีความคิดที่จะดันตัวอีกฝ่ายออก ไออุ่นเล็กๆ นั่นกำลังกอดเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี อีอูยอนใช้มือตบหลังอินซอบพลางคิดว่านึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้

“ตอนนี้คุณหยุดร้องไห้แล้วใช่ไหมครับ”

“…”

อินซอบพยักหน้า ทันใดนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลอาบแก้มและหยดลงมา ชเวอินซอบยิ้มกว้างด้วยใบหน้าที่ร้องไห้มอมแมมก่อนจะเอ่ยพูด

“เป็นคนไม่ดีเนี่ยโชคดีจริงๆ นะครับ”

“ใครเหรอครับ”

“โชคดีนะครับ…แต่ทำไมถึงยอมแพ้ไม่ได้ล่ะ ผมอยากยอมแพ้ แล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนไม่รู้อะไร แต่ทำไม…”

“พูดอะไร…!”

อีอูยอนเป็นคนที่ไม่ค่อยตกใจ แม้จะตกใจ แต่มันก็เป็นเพียงประเภทของความรู้สึกที่มนุษย์รู้สึกเท่านั้น ตอนแรกพ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกชายที่สุขุมเกินไป แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ รู้สึกหนักใจมากขึ้น อีอูยอนไม่สามารถแกล้งทำเป็นตกใจได้ เพราะเขามักจะรักษาความเฉยชาที่ซ่อนอยู่ในความสุขุมกับทุกเรื่องเสมอ

แต่คราวนี้เขาตกใจจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาเขารู้สึกถึงความรู้สึกที่เหมาะกับคำว่าตกใจแทบจะนับนิ้วได้

ชเวอินซอบ ผู้จัดการส่วนตัวของเขาที่มักจะลังเล และไม่กล้าสบตาคนกำลังจูบเขาในสภาพที่เกาะเขาไว้สุดชีวิตเหมือนกับคนที่กำลังเกาะหน้าผาไว้ แม้จะจูบแต่อีกฝ่ายกลับไม่ชำนาญเอาเสียเลย

อีอูยอนเบลอไปพักหนึ่งเพราะรสจูบที่จืดชืด และไม่ขยับแม้กระทั่งลิ้น จากนั้นเขาก็ใช้มือจับผมของอินซอบไว้ ทันทีที่เขาเพิ่มแรงไปที่มือและดึงอินซอบออก อินซอบก็หวาดกลัว และก้มลงมองอีอูยอนเหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่าทำเรื่องไม่ดีมา วินาทีที่เห็นท่าทางที่หวาดกลัวและถอยหนีของอีกฝ่าย ความรู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างหนักก็กระจายไปทั่วอกของอีอูยอน

แกเป็นคนเริ่มก่อนนะ แล้วทำไมถึงมามองกันอย่างนั้นล่ะ น่าโมโหจริงๆ

อีอูยอนสบถคำด่าออกมาเบาๆ ก่อนจะรั้งศีรษะของอินซอบเข้ามาอีกครั้ง เขาบังคับให้อีกฝ่ายอ้าปาก และสอดลิ้นเข้าไป เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของอินซอบแข็งทื่อ เมื่อการจูบรุนแรงขึ้น อินซอบก็ดิ้นและพยายามยันตัวออก ยิ่งอีกฝ่ายทำแบบนั้น อีอูยอนก็ยิ่งเพิ่มแรงเหนี่ยวรั้ง และทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

อีอูยอนไม่ได้รู้สึกสนุกอะไรเป็นพิเศษ เพราะนี่เป็นการกระทำที่เกิดจากบังคับของเขาเอง ก่อนหน้านี้มีอะไรจำเป็นต้องบังคับกันล่ะ พวกผู้หญิงอ้าขาให้เขาเองด้วยซ้ำ แต่ในบรรดาคนที่ออกกำลังกายด้วยกันก็มีคนที่ถ้าไม่บังคับก็จะไม่รู้สึกสนุกอยู่ด้วยเหมือนกัน จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดของคนที่พูดโอ้อวดอย่างภูมิใจว่า ‘ถ้ามัดมือของแฟนสาวเอาไว้ และสอดใส่เข้าไปเธอก็เสร็จแล้ว’ ขึ้นมา นั่นเป็นเพราะปฏิกิริยาของอินซอบ ตอนที่ยื่นปากเข้ามาอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับปฏิเสธอย่างรุนแรง

พอเห็นอินซอบดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี อีอูยอนก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด อีอูยอนโลมเลียภายในปากของอินซอบทุกซอกทุกมุมด้วยความตั้งใจที่ว่า ‘ไหนมาลองทำอีกรอบซิ’ เขาดูดดุนลิ้นหยุ่นกับริมฝีปากของอีกฝ่ายพร้อมกับจับต้นคอบางระหงนั้นไว้ไม่ให้เจ้าตัวสามารถขยับคอได้ตามอำเภอใจ หากเขาเพิ่มแรงอีกหน่อย อีกฝ่ายก็เหมือนจะแตกหักไปทั้งอย่างนั้น พอเรี่ยวแรงค่อยๆ หายไปจากร่างของชเวอินซอบ เจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงมาในอ้อมกอดของเขาราวกับหมดแรง ตอนนั้นเองความเปลี่ยนแปลงที่มีความเป็นมนุษย์ก็เข้ามาหาอีอูยอน

นั่นก็คือความใคร่

สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นความต้องการที่ใกล้เคียงกับสัญชาตญาณ แต่สำหรับอีอูยอนแล้วสิ่งนั้นเป็นสัมผัสที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกที่สุด

อีอูยอนวางชเวอินซอบลงด้านล่าง และพลิกตัวเองขึ้นมาด้านบนพร้อมกับจูบอีกฝ่ายอย่างเอาจริงเอาจัง ท่าทางของอินซอบที่ร้องไห้หน้าแดงและหอบหายใจทำให้เขารู้สึกถึงความต้องการที่มีความเป็นมนุษย์นั้นอย่างมาก

ในตอนที่อีอูยอนกำลังจะสัมผัสกับความรู้สึกที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นอีกนิด อินซอบที่กำลังหอบหายใจก็ยกศีรษะขึ้นมาและจูบแก้มของอีอูยอนก่อนจะกระซิบอย่างแผ่วเบา หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็หมดสติไป

ตอนนั้นเองร่างกายของอีอูยอนก็เย็นเฉียบ เขารีบแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยความรู้สึกราวกับโดนน้ำเย็นๆ ราด

อีอูยอนพึมพำคำที่อินซอบกระซิบกับตัวเองเบาๆ ว่า

Goodbye. …Phillip

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท