ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 7-7

ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 7-7

“ไม่มีทางหรอกครับ ก็คุณอินซอบเขาเป็นแฟนคลับของผมนี่นา”

ความมีชีวิตชีวากลับมาบนใบหน้าของอีอูยอนอีกครั้ง กรรมการผู้จัดการคิมถอนหายใจ ตอนนี้เองเขาถึงรู้สึกว่ากำลังคุยกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่

“นะ นั่นสินะ วะ…ว่าแต่ คังยองโมน่ะ นาย”

กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาสุมหัวกันในห้องของกรรมการผู้จัดการ และหารือถึงวิธีการช่วยเหลือตัวเองกันในนั้น เช่น ถ้าอีอูยอนลอบทำร้ายหัวคังยองโมจริงๆ ควรจะจัดการอย่างไร และจะโน้มน้าวอีอูยอนให้ไปรายงานตัวตามความต้องการของตำรวจอย่างไร …สุดท้ายแล้วอีอูยอนจะฟังคำพูดของพวกเขาไหม เป็นต้น

และข้อสรุปก็คืออีอูยอนคงไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ให้มีเรื่องที่ต้องไปพบตำรวจแน่นอน

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ”

กรรมการผู้จัดการคิมทำหน้ากลุ้มใจพลางลูบเคราแข็งๆ ที่เริ่มยาวเพราะยังไม่ได้โกนไปด้วย

“อะไรเหรอครับ”

“เรื่องคังยองโมน่ะ”

“แล้วผมควรจะทำอะไรล่ะครับ ผมเป็นหมอหรือไง”

“…”

“งั้นก็ซื้อกุหลายแดงไปเยี่ยมไข้เขาสิครับ”

“อีอูยอน!”

“ฮ่าๆๆๆ คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมจัดการเองครับ”

“นายจะไปไหน! ฉันถามว่าจะไปไหน!”

กรรมการผู้จัดการคิมแผดเสียงออกมาทันทีที่เห็นว่าอีอูยอนกำลังจะลุกออกไป ตอนนี้เขากังวลใจกับทุกตราบาปของอีอูยอน

“ไปคลินิกดูแลผิวครับ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ผิวของผมจะสากขึ้น เพราะต้องถ่ายละครโต้รุ่งตลอดเลยน่ะครับ แล้วนักข่าวก็น่าจะโผล่มาอย่างกะทันหันด้วย”

“…”

“งั้นไว้เจอกันนะครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมมองด้านหลังของอีอูยอนที่โบกมือเบาๆ ก่อนจะหายลับออกไป เขาสาปแช่งตัวเองในตอนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่แคสติ้งเด็กหนุ่มที่มาหาอย่างกะทันหันโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลย

***

มรสุมถาโถมเข้ามา

ทันทีที่เรื่องคังยองโมซึ่งอยู่ในช่วงถ่ายทำละครถูกคนร้ายโจมตีระหว่างทางกลับบ้านหลังเสร็จจากงานเลี้ยงจนต้องนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักกระจายออกไป พวกนักข่าวต่างก็พูดว่า ‘นี่เป็นข่าวพิเศษที่จะมีเข้าสักครั้งในรอบร้อยปีเลยนี่นา’ และกระโจนเข้าใส่อย่างคลุ้มคลั่ง

ถึงแม้จะไม่เป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อการใช้ชีวิต แต่ก็เป็นการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ทำให้กะโหลกศีรษะร้าว และกระดูกซี่โครงหักถึงสี่ซี่ มีคนพูดกันว่าอิฐที่ถูกใช้เป็นอาวุธก่อเหตุก็ตกอยู่ข้างๆ แน่นอนว่าแม้แต่คังยองโมเองก็ไม่รู้ว่าใครเดินเข้ามาจากด้านหลัง เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา

นักข่าวแต่ละคนมักจะนำเสนอข่าวด้วยการลงพาดหัวข่าวที่เร้าใจพร้อมกับใส่คำพูดว่าเป็นข้อมูลจากคนรู้จักที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ลงไปด้วย เช่น [นี่เป็นอาชญากรรมของพวกสตอล์กเกอร์หรือเปล่า] [โศกนาฏกรรมที่เรียกว่าความรักที่รุนแรงเกินไป] [อาวุธฆาตกรรมที่กำลังรอเขาอยู่ในซอยมืดๆ] [ก่อนที่คังยองโมจะสมองตาย!] [10 เหตุผลที่ไม่สามารถเผยตัวคนร้ายได้ง่ายๆ] การถ่ายทำละครทั้งหมดหยุดชะงัก และตอนเย็นวันนั้นผู้กำกับและสถานีโทรทัศน์ก็ถูกเรียกตัวไปประชุมด่วนกับบรรดาผู้ผลิตละคร

แม้คังยองโมจะได้สติแล้ว แต่เนื่องจากเขายังไม่อยู่ในสภาพที่จะเคลื่อนไหวตัวได้ การถ่ายทำจึงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทางสถานีโทรทัศน์จึงตัดสินใจใส่ละครเรื่องอื่นที่เตรียมเอาไว้ลงไปในตารางออกอากาศแทนเป็นการด่วน

ข่าวเกี่ยวกับคังยองโมกลายเป็นประเด็นในอินเทอร์เน็ตถึงวันละสิบข่าว บริษัทต้นสังกัดของคังยองโมรวมไปถึงบริษัทต้นสังกัดของนักแสดงที่ถ่ายละครด้วยกันได้รับความสนใจจากพวกนักข่าวอย่างมหาศาลจนทำให้โทรศัพท์ใช้การไม่ได้เลยทีเดียว

ส่วนทางตำรวจเองก็แถลงอย่างง่ายๆ ว่านี่ดูเหมือนจะเป็นการกระทำของโจรที่จ้องจะชิงทรัพย์ แน่นอนว่าผู้คนไม่ตั้งใจฟังความจริงที่ไม่สำคัญพวกนั้น พวกนักข่าวที่รู้ดีกว่าใครว่าประชาชนชอบเรื่องราวที่ดราม่าและน่าสนใจจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะขุดคุ้ยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่

พวกนักข่าวมาออกันอยู่รอบตัวอีอูยอนอย่างที่กรรมการผู้จัดการคิมคาดการณ์ไว้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน พวกนักข่าวก็จะตามไปทุกที่จนเขาไม่สามารถกินข้าวดีๆ ได้ เขาจึงตัดสินใจกินขนมปังรองท้องทั้งสามมื้อ แม้แต่อินซอบที่ต้องดูแลตารางงานของอีอูยอนก็พลอยยุ่งไปด้วย เนื่องจากต้องเลื่อนตารางงานอื่นที่ถูกการถ่ายละครเลื่อนออกไปกลับเข้ามา เขาจึงต้องแก้ไขตารางงานใหม่ตั้งแต่ต้น และเพราะไม่รู้ว่าละครจะกลับมาถ่ายทำได้เมื่อไหร่ เขาจึงไม่สามารถวางแผนระยะยาวได้ อินซอบไม่สามารถปล่อยมือจากโทรศัพท์ได้เลย เพราะวันๆ เขาต้องรับโทรศัพท์เป็นสิบๆ สายจากพวกนักข่าว และต้องคอยโทรเช็กอีกเป็นสิบๆ สาย

ในระหว่างนั้นอินซอบก็จัดการสิ่งต่างๆ รอบตัวไปด้วย เขาติดต่อหาเจ้าของบ้านเพื่อขอให้ช่วยประกาศปล่อยเช่าบ้านให้ และยังโอนเงินให้คนที่ตนยืมชื่อมาด้วย เขาบริจาคของที่น่าจะพอใช้ได้ที่อยู่ในห้องบนชั้นดาดฟ้าไป ส่วนของที่เหลือที่ต้องทิ้ง เขาก็จดรายการแยกไว้ เขาจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วด้วย

สิ่งสุดท้ายที่เหลือมีเพียงแค่งานที่เขาจะต้องลาออกอย่างเงียบๆ เท่านั้น และนี่เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย อินซอบมองอีอูยอนที่กำลังเดินกลับมาที่รถ และตัดสินใจอย่างหนักแน่น

“เฮ้อ เหนื่อยจัง”

อีอูยอนเดินฝ่ากำแพงนักข่าวขึ้นมาบนรถ เขาพึมพำราวกับถอนหายใจขณะปิดประตูรถ เนื่องจากวันนี้หัวหน้าทีมชามีงานสำคัญ อินซอบจึงตัดสินใจขับรถเอง แม้อีอูยอนจะทำหน้าตาเคร่งเครียดและถามว่าเขาจะใช้คนที่กระดูกนิ้วยังไม่ประสานดีขับรถให้ได้อย่างไร แต่อินซอบก็ยืนยันว่าตนสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามเขาพิจารณาแล้วว่าถ้าอยากจะออกนอกสายตาของอีอูยอน การสร้างโอกาสตอนที่อยู่กันตามลำพังคงเป็นเรื่องที่ดีกว่า

“เหนื่อยเหรอครับ”

“ครับ คนมารุมผมเยอะเลยนี่ครับ ถึงผมจะคิดไว้แล้วก็เถอะ”

เนื่องจากมีเรื่องที่บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอีอูยอนกับคังยองโมในกองถ่ายดูไม่ค่อยปกติกระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต เขาจึงถูกรัวคำถามเพื่อเก็บข้อมูลอย่างอุ่นหนาฝาคั่งมากกว่าคนอื่นๆ ถึงสองสามเท่า แม้สตาฟกับผู้กำกับจะอธิบายแล้วว่าไม่มีเรื่องแบบนั้น แต่พวกคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นกลับตั้งใจฟังเรื่องซุบซิบมากกว่าคำอธิบาย

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ก็มีข่าวที่เชื่อมโยงอีอูยอนเข้ากับคังยองโมอย่างชอบกลถูกเผยแพร่ออกมาอยู่เรื่อยๆ และต้นสังกัดเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเป็นอย่างมากอีกด้วย อินซอบสามารถเดาได้ว่าใครคือคนที่ปล่อยข่าวเล็กๆ ที่ไม่สำคัญอะไรพร้อมกับรูปภายในกองถ่าย แม้จะใช้นามแฝง แต่นี่ต้องเป็นผลงานของนักข่าวคิมแฮชินอย่างแน่นอน อีอูยอนเองก็เหมือนจะรู้ความจริงข้อนั้นเหมือนกัน แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใส่ใจเท่าไรนัก ไม่สิ เขายังคงทำท่าทีราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองเลยมาตั้งแต่แรกเช่นเคย

ยิ่งเวลาผ่านไป อินซอบก็ยิ่งคิดว่านิสัยที่แท้จริงของอีอูยอนสามารถดำมืดได้มากกว่าที่ตนคิด ถ้าเขาไม่ได้เห็นสถานที่เกิดเหตุกับตา เขาก็ไม่กล้าคิดว่าอีอูยอนจะลอบทำร้ายคังยองโมเหมือนกัน

อีอูยอนเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดงมากกว่าที่ทุกคนรู้ แต่อีอูยอนในวันนี้กลับทำหน้าตาบึ้งตึงขณะที่ขึ้นมาบนรถ อินซอบมองเห็นรอยย่นเล็กๆ ที่หว่างคิ้วของอีกฝ่ายที่เอนตัวนอนพิงเบาะรถ นั่นหมายความว่าอีอูยอนรู้สึกรำคาญจริงๆ ในวันแบบนี้เขาจะต้องระมัดวังการกระทำมากกว่าปกติ

แต่อินซอบกลับไม่มีความรู้สึกที่อยากจะทำแบบนั้นเลย เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ และเริ่มชวนอีอูยอนคุย

“ให้ผมเปิดเพลงไหมครับ”

“ครับ ดีเลยครับ”

รสนิยมในการฟังเพลงของอีอูยอนซับซ้อน แต่เจ้าตัวก็พยักหน้า เพราะรู้ว่าอินซอบฟังเพลงตรงกับรสนิยมของตน ตอนที่เหนื่อยใจแบบนี้ เพลงเบาๆ จะช่วย…

ตึก ตึก ตึก ตึก *เสียงสแครชแผ่น*

“…”

เสียงเพลงในคลับที่ดังขึ้นในรถตู้ ทำให้อีอูยอนคิดอยู่วูบหนึ่งว่าหูของเขาไม่ดีหรือเปล่า เสียงเพลงที่น่าหนวกหูถึงขั้นที่คนขับรถในเลนข้างๆ ต้องหันกลับมามองดังออกมาจากลำโพง

“คุณอินซอบ…ฟังเพลงแบบนี้ด้วยเหรอครับ”

“ครับ ผมชะ ชอบมากเลยครับ”

อินซอบตอบด้วยน้ำเสียงที่ฝืนธรรมชาติ นี่นายกำลังจะทำอะไรของนายอีก อีอูยอนคิด เขามองอินซอบจากทางด้านหลังแทนที่จะขอให้อีกฝ่ายปิดเพลง

เสียงดนตรีในคลับที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานดังเป็นระลอกท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัดใจของคนทั้งคู่ แต่อินซอบผู้บอกว่าชอบเพลงแบบนี้กลับเกร็งไหล่จนแข็งเป็นหิน และพยายามมองไปข้างหน้าอย่างเดียว

“คาดไม่ถึงเลยนะครับเนี่ย”

อีอูยอนเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน

“ครับ?”

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะฟังเพลงแบบนี้ด้วย ดูเหมือนคุณจะชอบไปคลับนะครับ”

อินซอบจดบัญญัติสิบประการที่จะทำให้เขาไม่ถูกอีอูยอนไล่ออกเอาไว้ในสมุดโน้ต แต่ตอนนี้เขาสามารถทำเรื่องพวกนั้นได้แล้ว อินซอบพยักหน้าเล็กน้อย เขาแค่จงใจหาเพลงที่เสียงดังหนวกหูมาเท่านั้น อันที่จริงเขาไม่เคยไปที่หน้าประตูคลับเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบไปอย่างนั้น

“คุณไปคลับหรือเปล่าครับ”

“เอ่อ ครับ ไปบ้างครับ”

“ไปแถวไหนเหรอครับ ชองดัม? หรือว่าอีแทวอน?”

“…ก็ไปเรื่อยน่ะครับ”

ถ้าจะให้พูดอย่างละเอียด คำโกหกของตนต้องถูกเปิดเผยแน่ๆ อินซอบจึงกุเรื่องให้ฟังดูคลุมเครือขึ้นมา

“อย่างนั้นเหรอครับ งั้นเราไปด้วยกันสักครั้งสิครับ”

“ครับ…ครับ?!”

เขาเกือบจะหยุดรถอย่างกะทันหันแล้ว อินซอบทำสีหน้าเป็นเชิงถามว่า ‘เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะครับ’ พร้อมกับมองอีอูยอนผ่านกระจกมองหลัง

“ช่วงนี้คุณคงจะเครียดมาก ก็ต้องไปปลดปล่อยความเครียดกันสักหน่อยสิครับ”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมงานยุ่งมาก แล้วช่วงนี้สถานการณ์ก็เป็นแบบนั้นด้วย อีกอย่างคุณอีอูยอนเป็นดารานะครับ ถ้าไปในที่แบบนั้น คนจะแอบด่าเอาได้นะครับ”

เขาพูดอะไรก็ได้ไปเรื่อยตามใจชอบ อินซอบตั้งใจพยักหน้าทันทีที่อีอูยอนถามว่า ‘แอบด่าเหรอครับ’

“ช่วงนี้มีคนทำแบบนั้นด้วยเหรอครับ”

“…”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าแค่ไปดื่มเอาสนุกเบาๆ สักแก้ว ไม่มีใครเขาสนใจหรอกครับ”

“…”

แต่ผมสนครับ ผมเอง! เป็นผมเองที่สนใจ

ชเวอินซอบอยากจะกรีดร้อง เขาไม่สามารถยกเลิกคำพูดที่พูดออกมาแล้วได้ และมันก็แย่มากจนเขาอยากจะตาย ไม่สิ วันที่อีอูยอนผู้ซึ่งยุ่งมากจะพาผู้จัดการส่วนตัวไปคลับคงจะอีกนาน ถ้าเขาถูกไล่ออกก่อนหน้านั้น มันก็…

“ตารางงานของสัปดาห์นี้เป็นยังไงครับ”

“ครับ?”

“ตอนแรกผมมีถ่ายละครใช่ไหมล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมมีเวลาว่างเยอะมากเลย นั่นจะโอเคหรือเปล่าครับ“

“ครับ ใช่ครับ แต่คุณมีตารางงานอื่น…”

“แต่ว่าผมโอเคนะครับ”

“…”

เพราะงั้นผมถึงบอกว่าไม่โอเคไงครับ

เป็นอย่างนี้สู้เขาเปิดเพลงทร๊อต[1] เสียยังจะดีกว่า แม้จะเสียใจที่ทำลงไป แต่นี่เป็นก้าวที่ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว เขาวาดภาพตนเองกำลังขยับร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมชาติในคลับเรียบร้อยแล้ว

“คุณอินซอบ”

“ครับ”

อีอูยอนมองอินซอบที่ตอบรับอย่างหดหู่พลางกลั้นขำเอาไว้

ใครใช้ให้เปิดเพลงแบบนั้นในรถกันล่ะ พอคนที่ไม่เคยเป็นแบบนั้นมาทำตัวเหมือนอ่านสถานการณ์ไม่ออก เขาเองก็ไม่อยากแกล้งแล้วเหมือนกัน

“แล้วคุณจะเซ็นสัญญาเมื่อไหร่เหรอครับ”

“ครับ? เอ่อ ครับ ผมว่าจะลองคิดให้รอบคอบดูอีกสักหน่อย…”

“มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องการหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีครับ ผมโอเคแล้ว”

“คุณเป็นแฟนคลับของผม แถมยังทำงานเก่งด้วย และเงื่อนไขของสัญญาเองก็น่าจะโอเคสำหรับแวดวงนี้แล้วแท้ๆ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมเซ็นสัญญาสักที”

“ผมยัง…ยังอยากลองคิดให้เยอะกว่านี้ก่อนตัดสินใจน่ะครับ”

อินซอบวางแผนว่าจะกลับอเมริกาภายในสัปดาห์หน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องหาข้ออ้างและเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปให้ได้

“อย่าบอกนะครับ…”

อีอูยอนหรี่ตาและลดโทนเสียงให้ต่ำลง เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาคำพูดที่จะตามมาของอีอูยอนได้ ชเวอินซอบจึงใจเต้นตึกตัก และจ้องไปข้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

“อย่าบอกนะครับว่าคุณเกลียดผม”

“ครับ?”

“คุณเกลียดผม ก็เลยไม่อยากเซ็นสัญญา เพราะไม่อยากทำงานกับผมหรือเปล่าครับ”

“ไม่นะครับ ผมแค่…”

เมื่อนั่งอยู่ด้านหลัง อีอูยอนก็ได้เห็นหลายอย่าง เขามองใบหูที่แดงขึ้นของอินซอบที่มึนงงจนพูดจาแก้ตัวอย่างตะกุกตะกัก และปลายนิ้วสั่นๆ ที่กำลังกำพวงมาลัยอยู่อย่างเพลิดเพลิน

เอาล่ะ ถ้าเราไปต่ออีกสักหน่อย ต้นคอก็จะแดงด้วยสินะ

“เกลียดผมเหรอครับ”

ต้นคอของอินซอบกลายเป็นสีแดงเหมือนโดนย้อมด้วยสีของดอกไม้ทันทีที่เขาจู่โจมอีกครั้ง ก็ว่าทำไมลมที่พัดผ่านช่องของหน้าต่างที่เปิดไว้ถึงอุ่น ที่แท้ตรงนี้มีดอกไม้บานอยู่เหรอเนี่ย

“เปล่านะครับ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”

ช่างเป็นการปฏิเสธที่ซับซ้อนเกินบรรยาย มันไม่ใช่ความรู้สึกเกลียด แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกชอบด้วย

แม้อีอูยอนจะยิ้ม แต่เขากลับอารมณ์ไม่ดีอย่างประหลาด เขาอยากจะบีบคออินซอบและเขย่าพร้อมกับสั่งให้รีบพูดออกมาไวๆ แม้เขาอาจจะฉีกปากนั่นทิ้งถ้าหากอีกฝ่ายตอบกลับมาว่าเกลียดก็ตาม

“งั้นก็เซ็นสัญญาสิครับ”

“…ผมขอลองคิดอีกหน่อยนะครับ”

ท่าทางของอินซอบที่เอาแต่บอกปัดจนถึงที่สุดจุดไฟในใจที่บิดเบี้ยวของอีอูยอนขึ้นมา

“คุณอินซอบครับ เย็นนี้หลังเลิกงานแล้วคุณจะทำอะไรครับ”

อีอูยอนกระซิบเสียงหวานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล

***

[1] ทร๊อต คือ เพลงลูกทุ่งของเกาหลี

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท