ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 7-5

ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 7-5

อินซอบนึกถึงเรื่องราวน่าขมขื่นต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก่อนจะลุกขึ้น ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของเขาก็ส่งเสียงร้อง อินซอบมองชื่อที่ขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ และรู้สึกเหมือนเลือดของเขาเย็นวาบขึ้นมา

จะรับหรือไม่รับดีนะ อินซอบลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะกดรับสาย

“ครับ ชเวอินซอบครับ”

[นี่ผมเองนะครับ]

เขาได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลและไพเราะจากปลายสาย อินซอบภาวนาให้อีอูยอนไม่ทันสังเกตว่าตนกำลังสั่นเทา

“ครับ มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

แม้เขาจะแกล้งทำเป็นเฉย และถามไปอย่างนั้น แต่ใจกลับเต้นตึกตักเหมือนมีใครกำลังตอกตะปูอยู่ พอนึกถึงภาพของอีอูยอนที่เดินออกมาจากซอย เขาก็รู้สึกว่าปลายนิ้วที่กำโทรศัพท์อยู่เย็นเฉียบ

[ผมโทรมาเพราะนึกถึงเฉยๆ ครับ]

เมื่อได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึง อินซอบก็ร้อง ‘อ้อ’ และนิ่งไป ไม่ยอมพูดอะไรอยู่พักหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไรดี

[ทำไมครับ ผมโทรศัพท์หาผู้จัดการส่วนตัวเฉยๆ ไม่ได้เหรอครับ]

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็แค่คาดไม่ถึงเฉยๆ…”

แม้ระยะเวลาที่เขาทำงานอยู่ข้างๆ อีอูยอนจนถึงตอนนี้จะเป็นระยะเวลาที่จะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น แต่เขาสาบานได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่เคยโทรศัพท์หาเขาเป็นการส่วนตัวสักครั้ง แล้วทำไมวันที่อีกฝ่ายโทรศัพท์หาเขาเป็นการส่วนตัวครั้งแรกจะต้องเป็นคืนที่อีกฝ่ายทำให้คังยองโมเป็นแบบนั้นด้วยล่ะ

ยิ่งน้ำเสียงของอีอูยอนที่ได้ยินจากปลายสายอ่อนโยนมากเท่าไร อินซอบก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น เขาจะต้องมีสมาธิเพื่อที่จะไม่ทำให้เสียงสั่นในขณะที่พูด

[ผมกำลังกลับบ้าน ดาวสว่างนะครับ]

“ครับ”

[ยากมากเลยนะครับที่จะมองเห็นดาวในโซล ถ้าตอนนี้คุณอยู่บ้าน ก็ออกมาดูดาวสักครั้งสิครับ]

อีอูยอนเคยจัดรายการวิทยุอยู่พักหนึ่ง เป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่นักแสดงที่กำลังรุ่งจะมาจัดรายการวิทยุ แม้จะเป็นเรื่องเล่าในตอนที่อีกฝ่ายเป็นนักแสดงหน้าใหม่ก็ตาม การจัดรายการวิทยุนี้เป็นเรื่องที่บริษัทต้นสังกัดรู้สึกอึดอัดใจ เพราะเขาได้รับมอบหมายให้จัดรายการวิทยุตอนตีสองที่ไม่ค่อยมีผู้ฟังเท่าไรนัก อีอูยอนให้สัญญาว่าเขาจะทำแค่ครึ่งปีเท่านั้น เพราะนี่เป็นงานที่ตนอยากลองทำ จากนั้นก็เริ่มเข้าไปทำ แต่ผลลัพธ์กลับน่าตกใจมาก มีโฆษณาเข้ามาพร้อมกันถึงห้าตัวในขณะที่เขาออกอากาศรายการวิทยุตอนตีสอง และหลังจากนั้นผู้บริหารของสถานีวิทยุก็ยอมรับความสามารถของเขาด้วยตัวเอง แถมยังมอบโล่ขอบคุณให้ด้วย แต่เนื่องจากพวกนักเรียนหญิงไม่ยอมนอน เพราะรอฟังการออกกาศของเขา และมาสัปหงกในตอนเช้า พ่อแม่ของพวกนักเรียนจึงประท้วงกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

น้ำเสียงของเขาทั้งหวานและนุ่มนวลถึงขนาดชวนให้คิดว่าอีอูยอนเกิดมาเพื่อรายการวิทยุหรือเปล่า พอตอนนี้อินซอบได้ยินเสียงนั้นกับหูของตัวเอง เขาก็เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของพวกนักเรียนหญิงจำนวนมากที่สามารถอดหลับอดนอนฟังการจัดรายการของอีกฝ่ายได้ขึ้นมาบ้างแล้ว

“ครับ ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอกครับ”

[ไม่ได้อยู่บ้านเหรอครับ]

“ผม…ออกมาตรงดาดฟ้าแถวๆ บ้านน่ะครับ”

[อย่างนั้นเหรอครับ งั้นตอนนี้ผมก็กำลังมองท้องฟ้าผืนเดียวกันกับคุณอินซอบอยู่สินะครับ]

เขาลองใช้มือลูบแก้มดู เพราะรู้สึกว่าใบหน้าของตนเห่อร้อนกับคำว่าท้องฟ้าผืนเดียวกัน ปลายนิ้วของเขาไม่เย็นเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว เพราะอากาศอุ่นขึ้นกว่าสองสามวันก่อน อินซอบตอบกลับไปอย่างอ่อนแรงว่า ‘นั่นสินะครับ’ พร้อมกับห่อตัว

[ร่างกายคุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ]

ถ้าเขาทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและฟังน้ำเสียงนั้น มันคงเป็นน้ำเสียงที่ใจดีและอ่อนโยนมาก

ชเวอินซอบกลัว เขากลัวเพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเห็นเหตุการณ์นั้น และเขาก็กลัว เพราะเขาไม่อาจรับรู้ถึงจิตใจของอีอูยอนได้เลยว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงโทรศัพท์มาหาเขาหลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป…และเขาก็กลัวตัวเองที่เผลอคิดไปว่าชอบเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยของอีอูยอนมาก

“ครับ ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

[แต่มือคุณบาดเจ็บอยู่นะครับ คุณต้องระวังตัวหน่อยสิครับ]

“ขอโทษครับ”

เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ทันทีที่เขาตอบอย่างนั้น อีอูยอนหัวเราะเหมือนกับพอใจจริงๆ ก่อนจะพูดต่อ

[โอเคครับ ถ้าอยากจะขอโทษ คราวหน้าก็ต้องระวังตัวนะครับ]

ระวังตัวนะครับ

ขณะที่คำพูดนั้นวนเวียนอยู่ในหู เขาก็นึกถึงใบหน้าเย็นชาของอีอูยอนที่ยืนอยู่หน้าซอยโดยอัตโนมัติ อินซอบใช้ฝ่ามือกอดไหล่ที่เย็นเฉียบเอาไว้ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นเหมือนกับว่าคนที่อยู่ในสายกำลังยืนอยู่ตรงหน้า

“ครับ ผมจะทำแบบนั้นครับ”

[งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ]

โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาอย่างกะทันหันก็ถูกวางสายไปอย่างกะทันหันเช่นกัน อินซอบถอนหายใจพร้อมเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า

ดีจริงๆ แม้เขาจะรู้สึกผิดกับคังยองโมที่บาดเจ็บจนล้มหมอนนอนเสื่อ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก

“มันจบลงแล้ว”

ชเวอินซอบพึมพำเหมือนกับยืนยันกับตัวเอง คำพูดที่เขาพูดคนเดียวจนสลักลงไปในใจทำให้อินซอบลุกขึ้นมาได้

***

“สายแล้ว สายแล้ว”

หัวหน้าทีมชาบ่นพึมพำขณะขับรถ อินซอบที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าวขอโทษอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเล็กๆ

“ไม่ ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอก นี่เป็นนิสัยของฉันเฉยๆ น่ะ”

หัวหน้าทีมชาเปลี่ยนเลนไปเลนข้างๆ พลางเอ่ยตอบ เนื่องจากเมื่อวานเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นต่อหน้าต่อตา ชเวอินซอบจึงไม่มีเวลาและลืมเอากุญแจรถตู้ไปฝากไว้ที่จุดตรวจ สุดท้ายอินซอบที่เก็บกุญแจไว้ก็ต้องนั่งรถแท็กซี่มาหา และหัวหน้าทีมชาที่ต้องรอจนกว่าเขาจะมาถึงก็สายโดยไม่ได้ตั้งใจ หัวหน้าทีมชาที่เข้มงวดกับการมาสายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หุบปากลงเมื่อเห็นหน้าของอินซอบ แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องก็ตาม และถึงเขาจะถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่อินซอบก็ตอบเพียงว่าตนล้มเท่านั้น หัวหน้าทีมชาที่เคยเห็นภาพที่สกปรกของแวดวงนี้มามากตบไหล่อีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร อินซอบรู้สึกขอบคุณในความเอาใจใส่ของอีกฝ่าย แต่ก็รู้สึกหนักใจขึ้นไปอีกเช่นกัน

“เพราะอีอูยอนเขาไม่ชอบสายน่ะ”

“…ครับ”

“ถ้าจะทำงานนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ขอให้จำสิ่งหนึ่งไว้ในใจนะ อย่ามาสายเด็ดขาด โอ๊ย ให้ตายสิ เขาส่งข้อความมาถามอีกแล้วว่าอยู่ไหน”

หัวหน้าทีมชาทำหน้าเหยเกทันทีที่ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ อินซอบพยายามมองออกไปนอกหน้าต่าง

ดูเหมือนจะยังไม่มีข่าวอะไรไปถึงบริษัท หรือสภาพของคังยองโมแย่มากจนตำรวจสั่งไม่ให้พูดหรือเปล่านะ

ขณะที่ความคิดที่น่าเศร้าและน่ากลัวต่างๆ ผุดขึ้นมาจนหน้าของอินซอบซีดเผือด รถตู้ก็มาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินของสถานที่ที่อีอูยอนอาศัยอยู่พอดี

“มาสายนะครับ”

อีอูยอนที่กำลังยืนรอรถอยู่พูดขณะเปิดประตู

“‘โทษที ‘โทษที รถติดน่ะ”

“มันก็แน่นอนอยู่แล้วนี่ครับที่รถจะติดในเวลานี้”

แม้จะเป็นเสียงนุ่มๆ แต่หัวหน้าทีมชาที่รู้จักนิสัยของอีอูยอนดีกลับเหงื่อตกขณะพยายามแก้ตัว

“ไม่ใช่ คือมันติดมากกว่าปกติน่ะ คงเกิดอุบัติเหตุที่ไหน…”

“คือ…เพราะเมื่อวานผมเอากุญแจรถยนต์กลับไปน่ะครับ ก็เลยสาย”

อินซอบเป็นฝ่ายพูดความจริงก่อน แม้หัวหน้าทีมชาจะรีบส่งสายตามาให้ แต่ก็เปล่าประโยชน์

“อย่างนั้นเหรอครับ แปลกนะครับเนี่ย สำหรับคนที่รอบคอบอย่างคุณ”

อีอูยอนหยิบบทออกมาจากกระเป๋าพลางตอบอย่างไม่สำคัญอะไร

“โอเค งั้นเราออกเดินทางกันเถอะ”

หัวหน้าทีมชาคิดว่าคงดีกว่าที่จะจบการคุยเรื่องนี้ไว้แค่นี้พลางหมุนพวงมาลัยและเอ่ยพูด ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นอีกครั้ง

“โอ๊ย อะไรเนี่ย ตอนเช้ามืดแบบนี้ตาแก่นั่นจะโทรมาทำไมนะ”

พอเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากกรรมการผู้จัดการคิม เขาก็พยักพเยิดหน้าให้อินซอบก่อนจะพูด

“รับให้หน่อยสิคุณอินซอบ”

“ครับ? ผม…ผมเหรอครับ”

ถ้าเป็นโทรศัพท์จากกรรมการผู้จัดการคิมที่โทรเข้ามาในเวลานี้ เขาจะต้องโทรมาคุยเรื่องเกี่ยวกับคังยองโมอย่างแน่นอน เป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่ไม่มีความสามารถในการหลอกคนอื่น หรือการแสดงที่จะแกล้งทำเป็นตกใจขณะพูด

“ฉันกำลังขับรถอยู่นี่ แล้วฉันก็ไม่มีแฮนด์ฟรีด้วย รับให้หน่อย เร็วเข้า”

อินซอบเหลือบมองอีอูยอนที่นั่งอยู่ด้านหลัง อีกฝ่ายเพียงแต่มองบทด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเท่านั้น

นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เราจะแกล้งทำเป็นว่ารู้แล้วไม่ได้เด็ดขาด

อินซอบหยิบโทรศัพท์มือถือของหัวหน้าทีมชาขึ้นมา และเริ่มคุยโทรศัพท์

“ครับ โทรศัพท์ของหัวหน้าทีมชาฮยอนคยูครับ”

[หัวหน้าทีมชาอยู่ที่นั่นหรือเปล่า]

เสียงจากปลายสายร้อนรนมาก เพียงได้ยินเสียงนั้น อินซอบก็เหงื่อแตกและรู้สึกคลื่นไส้

“ครับ เขาอยู่ข้างๆ ครับ แต่กำลังขับรถอยู่ พูดกับผมก็ได้…”

[อีอูยอนอยู่ที่นั่นด้วยหรือเปล่า]

“…ครับ ตอนนี้เขาขึ้นรถมาแล้วครับ”

[ดี งั้นนายเปิดสปีกเกอร์โฟนเลย]

ชเวอินซอบถือโทรศัพท์ไว้ในมือและมองหัวหน้าทีมชา แม้จะไม่ได้เปิดสปีกเกอร์โฟน แต่หัวหน้าทีมชาก็รู้สึกได้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติจากเสียงของกรรมการผู้จัดการคิมที่ดังลอดออกมา เขาจึงพยักหน้า

ชเวอินซอบกดปุ่มสปีกเกอร์โฟน และค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง

[ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหน]

“จะอยู่ที่ไหนล่ะครับ ตอนนี้พวกเรากำลังออกจากบ้านของอีอูยอนเพื่อไปกองถะ…”

กรรมการผู้จัดการคิมเริ่มรัวคำพูดเหมือนกับปืนกลก่อนที่หัวหน้าทีมชาจะพูดจบประโยค

[เกิดเรื่องวุ่นแล้ว เขาบอกว่าคังยองโมโดนทำร้ายเมื่อวาน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล! ถึงแม้ตอนนี้เรื่องจะยังไม่ถึงหูพวกนักข่าว แต่จะเป็นข่าวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นแหละ อ๊าก โธ่เว้ย แล้วละครจะทำยังไงล่ะเนี่ย ฉิบหายหมดแล้ว!]

“อะไรนะครับ”

หัวหน้าทีมชาที่กำลังขับรถออกจากลานจอดรถเผลอเหยียบคันเร่งแทนที่จะเหยียบเบรกเพราะความตกใจ รถจึงส่งเสียงดังหึ่งและลอยข้ามลูกระนาดไป อินซอบที่ตอบสนองได้ช้าเพราะมือที่บาดเจ็บ จึงหัวโขกเข้ากับเพดานรถเสียงดัง

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

อีอูยอนนิ่วหน้าเพียงครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอินซอบ อินซอบพยักหน้า หัวหน้าทีมชาขยับมือเพื่อสั่งให้เงียบก่อนจะจอดรถไว้ข้างทาง

“กรรมการผู้จัดการครับ นี่คุณพูดว่าอะไรนะครับ ช่วยพูดอย่างใจเย็นอีกทีได้ไหมครับ แล้วก็ดื่มน้ำเย็นๆ เข้าไปสักแก้วด้วยนะครับ!”

ทันทีที่หัวหน้าทีมชาแผดเสียง พวกเราก็ได้ยินเสียงดื่มน้ำจากปลายสาย

[ฮ่า…ฉันเองก็ไม่ได้ฟังมาจากกรรมการผู้จัดการของบริษัทนั้นโดยตรงหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจนด้วยเพราะได้ยินต่อๆ กันมา แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้คังยองโมนอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยหนัก]

ชเวอินซอบรู้สึกว่าหน้าของเขาไร้สีเลือด

ห้องผู้ป่วยหนักอย่างนั้นเหรอ นี่เราไม่ควรใช้โทรศัพท์สาธารณะ แต่ควรใช้โทรศัพท์มือถือโทรแจ้งหรือเปล่านะ

“บาดเจ็บหนักเลยเหรอครับ”

[ก็ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตหรอกนะ เขาผ่าตัดด่วนไปแล้วเมื่อวาน และตอนนี้ก็กำลังพักฟื้นอยู่ แต่ยังไม่ได้สติหรอก]

ปลายนิ้วของอินซอบสั่นระริก เพราะเขานึกถึงเลือดที่กำลังไหลบนพื้น อีอูยอนที่นั่งอยู่ด้านหลังเดาะลิ้นพลางพับบทเก็บ

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอครับ”

[ฉันจะไปรู้เหรอ! ถ้าตำรวจรู้เรื่องนั้น เขาจะอยู่เฉยเหรอ]

“ตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ”

หัวหน้าทีมชาเอ่ยถาม

[ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะต้องเข้าไปคุยกับผู้กำกับก่อนน่ะ ต่อให้ไปกองถ่ายตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ในสถานการณ์ตอนนี้จะถ่ายละครอะไรกันล่ะ ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันเนี่ย]

“ว่าแต่คังยองโมโดนใครทำร้ายเหรอครับ แอนตี้แฟนเหรอ หรือว่าสตอล์กเกอร์?”

[เพราะไม่รู้ยังไงล่ะ! ถ้าเป็นแอนตี้แฟน ก็คงจะเป็นแอนตี้แฟนที่บ้ามาก ใช้อิฐตีหัวจากทางด้านหลัง…]

จู่ๆ กรรมการผู้จัดการคิมที่พูดมาถึงตรงนี้ก็เงียบไป เพราะรู้อะไรบางอย่าง และความคิดแบบเดียวกันก็โผล่เข้ามาในหัวของหัวหน้าทีมชา

หัวหน้าทีมชามองอีอูยอนที่กำลังสีหน้าเหนื่อยล้าอยู่ที่เบาะหลัง

[อีอูยอน…]

กรรมการผู้จัดการคิมเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงสั่นเทา อีอูยอนที่เดาได้ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอะไรเอนตัวมาด้านหน้าก่อนจะเอ่ยตอบ

“ครับ กรรมการผู้จัดการ ผมฟังอยู่ครับ”

[อย่าบอกนะว่า…]

“ไม่มีทางหรอกครับ”

[…ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ ต้องไม่ใช่เรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะ]

“อย่ากังวลไปเลยครับ”

หัวหน้าทีมชาที่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดคุยราวกับเป็นการพูดคุยกันอย่างสบายๆ กระแอมก่อนจะพูดขัด

“กรรมการผู้จัดการคิมครับ ไว้ไปคุยกันอย่างละเอียดที่บริษัทนะครับ”

[ก็ได้ มาที่บริษัทตอนนี้เลย]

สายถูกตัดไปแล้ว

หัวหน้าทีมชาปลดเบรกมือก่อนจะออกรถ ภายในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปที่บริษัทนั้น ไม่มีใครอ้าปากพูดเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงแค่เสียงลมหายใจของหัวหน้าทีมชาที่ดังขึ้นเป็นระยะเท่านั้น

ชเวอินซอบมองออกไปนอกหน้าต่างพลางทำใจให้สงบ

เริ่มขึ้นแล้วสินะ

***

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท