หลังจากขึ้นรถมาแล้วเจนนี่พูดโดยไม่หยุดพักสักนิด นี่เป็นหลักฐานว่าเธอกำลังประหม่าสุดๆ สถานที่จัดงานปาร์ตี้คือบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านของฟิลลิปไปไม่ถึงสองช่วงตึก พ่อของฟิลลิปเป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงถึงขนาดที่มีชื่อลงในหนังสือพิมพ์ แม้เขาจะเพิ่งมาอยู่ในเขตนี้ แต่เขาก็มีบ้านถึงสามหลัง บ้านหลังหนึ่งในสามหลังนั้นถูกใช้ประโยชน์ด้วยการปล่อยให้ยืมพักอาศัยชั่วคราวในตอนที่มีแขกมาพักนานๆ แต่บางครั้งก็มีการจัดปาร์ตี้แบบนี้ขึ้นเหมือนกัน
“ขอให้ทั้งคู่เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ”
“ขอบคุณนะคะคุณป้า”
“ขอบคุณครับ ถ้าเสร็จแล้วผมจะโทรหานะ”
ปีเตอร์เปิดประตูรถลงไปก่อน เขาจับมือของเจนนี่ และช่วยพาเธอออกมาก่อนจะปิดประตู พอเห็นว่ารถของแม่ขับไปไกลแล้วปีเตอร์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
ถึงตาที่ตนจะต้องช่วยดูแลเจนนี่จริงๆ แล้ว
“เจนนี่ถ้าบรรยากาศมันแปลกไปแม้แต่นิดเดียว เธอก็ออกมาได้นะ เข้าใจไหม”
“นายนี่ขี้กลัวจริงๆ เป็นแบบนี้แล้วนายจะเข้ารับการผ่าตัดที่จะมีในอาทิตย์หน้าได้ยังไงล่ะ”
“ก็การผ่าตัดฉันไม่ได้เป็นคนทำนี่ คุณหมอเป็นคนทำให้ต่างหาก”
“แบบนั้นน่ากลัวกว่าอีก การที่นายฝากตัวเองไว้ในมือคนอื่นตั้งแต่แรกน่ะ ถ้าไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยจะทำยังไงล่ะ”
“อย่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลสิ แต่ถ้าฉันตายเธอจะเสียใจไหม”
การผ่าตัดที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าเป็นการผ่าตัดที่สำคัญจริงๆ มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยอย่างที่เจนนี่พูด อันที่จริงแล้วการผ่าตัดที่เขาได้รับทุกครั้งก็เป็นแบบนั้น การผ่าตัดในครั้งนี้เป็นการผ่าตัดที่ยากและอันตรายมากกว่าการผ่าตัดทั้งหมดที่เขาเคยได้รับจนถึงตอนนี้มารวมกันเสียอีก เขารอมาตั้งสี่ปีเพื่อจะได้รับการผ่าตัดจากอาจารย์หมอจอห์นสัน ผู้เป็นหนึ่งในห้าของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาการศัลยกรรมทรวงอกในอเมริกา ถึงขนาดที่มีเสียงเล่าลือว่าแม้จะมีลิสต์ของผู้ป่วยที่จะรับการผ่าตัดยาวเหยียด และเขาจะผ่าตัดให้แค่ผู้ป่วยที่รอเขาเท่านั้น แต่ก็ยังมีจำนวนผู้ป่วยเหลือจนสามารถยัดเข้าไปในเมืองเมืองหนึ่งของอเมริกาได้เลยทีเดียว แม้สภาพร่างกายของปีเตอร์จะยังไม่ดีพอที่จะสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ แต่เขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว ปีเตอร์ตัดสินใจว่าจะผ่าตัด เพราะคำพูดที่ว่าถ้าพลาดโอกาสคราวนี้ ลำดับที่จะได้เข้ารับการผ่าตัดของเขาจะถูกเลื่อนออกไปอีกยี่สิบปี
“ทำไมนายจะต้องตายด้วยล่ะ นายต้องอยู่ให้นานกว่าฉันสิ ไหนนายบอกว่าพอผ่าตัดแล้วก็จะแข็งแรงขึ้น และสามารถไปโรงเรียนได้ไง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ”
“เอาล่ะ นั่นเป็นเรื่องที่เอาไว้ทีหลังได้อีกนาน ปีเตอร์เราเข้าไปในงานกันไหม”
“อืม…ได้สิ”
แม้จะตอบไปอย่างนั้น แต่ปีเตอร์กลับทำแค่จ้องมองกริ่งตรงหน้าประตูทางเข้า และไม่สามารถเอานิ้วไปแตะได้ สุดท้ายเจนนี่ก็ทนไม่ไหว เธอผลักเขาออกไปก่อนจะกดกริ่งอย่างไม่ลังเล ประตูถูกเปิดออกโดยไม่มีใครถามมาว่ามาปาร์ตี้หรือเปล่า หรือถามว่าพวกเขาเป็นใครด้วยซ้ำ
ปีเตอร์ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ทันทีที่เดินเข้าไป ในบรรดาคนที่กำลังดื่มเหล้าและสนุกสนานกันอยู่นั้นไม่มีใครปลอมตัวเลย แน่นอนว่าเจนนี่ซึ่งสวมหน้ากากแคทวูแมนจะต้องดึงดูดสายตาของทุกคนไว้
“…เจนนี่ไปกันเถอะ”
“ไม่ ไม่เป็นไรหรอก”
แม้เจนนี่เองก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรแปลกๆ แต่เธอก็ยังดื้อรั้นเพราะคิดแค่ว่าเธอจะต้องไปเจอฟิลลิปให้ได้
“เจนนี่มีแค่เธอที่…”
“ตายแล้ว ใครกันน่ะ ใช่เจนนี่ เบทหรือเปล่า”
“เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
ปีเตอร์รู้ว่าผู้หญิงที่กำลังพูดอยู่นั้นเป็นใคร ผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม สูง และแต่งหน้าจัดคือซานดร้า ผู้หญิงผมบลอนด์ที่มีหน้าอกใหญ่และสวยเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ที่นิสัยไม่ดีก็คือเคลลี่ และผู้หญิงที่ดูเหมือนจะชอบวางยาใส่อาหารที่เพื่อนนางแบบกินข้างๆ นั่นก็คือเรเชล เป็นลักษณะรูปร่างหน้าตาที่เขาได้ยินจากเจนนี่จนจำขึ้นใจถึงขนาดที่เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นใครด้วยการมองเพียงปราดเดียว
“ก็มาเพราะถูกเชิญน่ะสิ”
“ถูกเชิญเหรอ จากใครล่ะ”
“จากฟิลลิป”
เมื่อเจนนี่เงยหน้าขึ้นมาอย่างมั่นใจ พวกเธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นคนอื่นที่อยู่รอบๆ ก็มองมาที่เจนนี่และร่วมหัวเราะเยาะด้วย
เขาสังหรณ์ใจว่ามีอะไรบางอย่างไม่ดี ปีเตอร์จับมือเจนนี่และกระซิบชวนเธอให้ออกไปจากที่นี่เงียบๆ
“ทำไมฉันจะต้องออกไปด้วยล่ะ ฉันได้รับเชิญมางานปาร์ตี้นี้นะ ฟิลลิปอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ที่สระน้ำตรงสนามหลังบ้านตรงโน้น”
เจนนี่เดินตัดห้องนั่งเล่นไปทันทีที่ซานดร้าพูดจบ ปีเตอร์รีบตามเธอเข้าไป และจับแขนของเจนนี่เอาไว้
“เจนนี่ไปกันเถอะ ฉันว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”
“พูดอะไรของนายน่ะ”
“ฉันคิดว่า…”
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังความคิดของนายหรอกนะ”
เจนนี่แผดเสียง แม้ปีเตอร์จะอยากกลับบ้านไปเสียด้วยความโมโห แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งเจนนี่ไว้ที่นี่คนเดียวได้
“ช่วยฟังที่ฉันพูดหน่อยเถอะเจนนี่”
“อยู่นั่นไง!”
พอเจนนี่เห็นฟิลลิป เธอก็สะบัดแขนปีเตอร์ทิ้งและวิ่งไปหาเขา สวนที่เชื่อมไปยังสระว่ายน้ำต้องเดินลงไปอีกครึ่งชั้น ปีเตอร์มองเจนนี่วิ่งลงบันไดไปก่อนจะถอนหายใจ และเดินตามเธอไป
“ฟิลลิป! ฟิลลิป!”
เจนนี่เรียกชื่ออีกฝ่ายพลางวิ่งไปจนถึงประตูที่เชื่อมกับสวนหลังบ้าน แม้กระทั่งตอนนั้นปีเตอร์ก็ยังคิดแค่ว่าเขาจะต้องพาเธอกลับบ้านให้ได้ เขาไม่อยากให้เจนนี่ได้รับความอับอายต่อหน้าฟิลลิปอีกต่อไปแล้ว
“เจนนี่กลับกันเถอะ”
“นายก็กลับไปสิ”
“เจนนี่!”
“ฉันบอกให้นายกลับไปไงปีเตอร์”
เจนนี่ออกแรงเพื่อเปิดประตู ประตูที่ถูกปิดเอาไว้ขยับอย่างฝืดๆ ก่อนจะเปิดออกพร้อมกับเสียงดังตูม
“ฟิล…!”
วินาทีที่เจนนี่เรียกชื่ออีกฝ่ายและก้าวขาไปข้างหน้า อะไรบางอย่างก็เทลงมาราดศีรษะของเธอ ปีเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถูกสิ่งนั้นสาดไปด้วยอย่างไม่อาจเลี่ยง
เมื่อเห็นแล้วว่าทั้งคู่เปียกโชก ซานดร้าและพรรคพวกก็โห่ร้องอย่างชอบใจจากบนระเบียง คนที่อยู่รอบๆ และเห็นภาพนั้นก็พลอยขำไปด้วย
ปีเตอร์ยืนค้างอยู่กับที่ น้ำที่เทลงมาจากด้านบนส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มันเป็นน้ำที่มีของกินหลายชนิดกับเหล้าผสมเข้าด้วยกัน พอใช้มือเช็ดเศษอาหารที่เปื้อนหน้า ปีเตอร์ก็สามารถมองเห็นฟิลลิปได้อย่างชัดเจน
ฟิลลิปกำลังนอนอยู่บนเตียงริมสระเคียงข้างกับเมลินดา เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าคล้ายจะถามว่ามีเรื่องอะไรกัน เขาสวมกางเกงยีนสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีขาว บนใบหน้ามีความงงงันปนรำคาญเล็กน้อย ด้วยความไม่พอใจกับความวุ่นวายนี้
“มีอะไรกัน”
สิ้นคำถามของฟิลลิป เจนนี่ที่กำลังตัวสั่นก็พูดว่า ‘ฉันเอง’ และมองไปที่อีกฝ่าย ฟิลลิปมองเธอด้วยสายตาสงสัย ปีเตอร์เข้าใจความหมายของสายตานั้นได้ทันทีในเวลาสั้นๆ
ฟิลลิปไม่รู้จักเจนนี่ นั่นเป็นสายตาที่บอกว่าเขาไม่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
“ฉันมาเพราะนายเชิญ…”
ริมฝีปากของเจนนี่สั่นระริก เพราะเธอสวมชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังซ้ำยังโดนน้ำที่ผสมน้ำแข็งสาด พอมาสคาร่าเลอะน้ำ ใบหน้าของเธอก็เหมือนหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่อยู่รอบๆ ก็มองเธอที่กำลังพูดกับฟิลลิปอย่างกระท่อนกระแท่นด้วยสีหน้าสนใจ
“เพราะฉะนั้นฉันก็เลย…”
“ขอโทษนะ ที่นี่มีแต่คนที่ได้รับเชิญเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ”
แม้ฟิลลิปจะช่วยอธิบายให้เจนนี่ฟังอย่างนุ่มนวล แต่เจนนี่ก็ยังหยิบกระดาษที่เปียกโชกออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้เขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
พูดจบ ฟิลลิปก็เดินกลับไปยังที่ที่เขานั่งอยู่ตอนแรก พอเพื่อนๆ ที่อยู่รอบๆ ถามว่า ‘ใครเหรอ’ ฟิลลิปก็ยักไหล่ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่รู้สิ เพิ่งเคยเห็นหน้าสองคนนั้นเป็นครั้งแรกเลย”
ปีเตอร์หน้าแดงราวกับเลือดทั้งตัวไหลขึ้นมากองที่หน้า
เขาช็อคกับคำพูดของฟิลลิปมากกว่าที่โดนน้ำทิ้งสกปรกๆ นี่สาดใส่เสียอีก เขาเดินออกจากบ้านหลังนั้นเหมือนกับวิ่งหนี เจนนี่ที่ตามออกมาเรียกชื่อปีเตอร์ไว้ แต่ปีเตอร์อยู่จมอยู่กับความอับอายเรียบร้อยแล้ว
สำหรับฟิลลิปแล้ว เจนนี่กับปีเตอร์เป็นได้แค่คนที่ไม่รู้จัก และปีเตอร์ก็รู้แล้วว่าการที่เขากลัวและกังวลว่าอีกฝ่ายจะจำตัวเองได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่โง่ขนาดไหน
“ปีเตอร์! ปีเตอร์!”
เจนนี่จับแขนของเขาไว้
“ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ เขาทำแบบนั้นเพราะเข้าใจผิดน่ะ ฟิลลิปต้องเป็นแบบนั้นเพราะเขายังไม่รู้ว่าฉันเขียนจดหมายอันไหนแน่ๆ ถ้าฉันเข้าไปอธิบายเหตุผล ฟิลลิปต้องหายเข้าใจผิดแน่ๆ…”
“เข้าใจผิดอะไรเหรอ”
“ว่าไงนะ”
“ฉันถามว่ามีเรื่องเข้าใจผิดอะไร เธอยังคิดว่าหมอนั่นได้อ่านจดหมายของเธออยู่อีกเหรอ”
“งั้นจดหมายตอบกลับพวกนั้นคืออะไรล่ะ ของพวกนั้นฟิลลิปเขียนให้ฉัน…”
“แล้วเธอคิดบ้างไหมว่าซานดร้าเตรียมน้ำเอาไว้สาดเธอได้ถูกเวลาได้ยังไง”
“ว่าไงนะ เดี๋ยวนะ นายหมายความว่ายังไง งั้นซานดร้าคือคนที่อ่านจดหมายที่ฉันเขียนเหรอ ไม่มีทางหรอกน่า ฉันเขียนด้วยภาษาเกาหลีนะ ฟิลลิปจะต้องตอบแน่ๆ…”
“ฟิลลิปบอกว่ารู้ชื่อของเธอเหรอ เขาไม่รู้จักหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาไม่รู้อะไรเลย!”
ปีเตอร์ตะโกนอย่างโมโหจนคนที่เดินผ่านไปมาหยุดดู
สำหรับฟิลลิปแล้วเจนนี่หรือแม้แต่ปีเตอร์เองก็เป็นได้แค่แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรคนอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในโลกของอีกฝ่ายได้ เพราะคนอย่างเรากับเขามันต่างกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
วินาทีที่โดนน้ำเย็นๆ ราดลงมาบนหัว ปีเตอร์ก็ได้รู้ความจริงนั้นอย่างน่าเศร้า สิ่งที่ตามมาหลังจากที่ได้รู้ความจริงมีเพียงความอับอาย ความอัปยศ และความโกรธตัวเองเท่านั้น
“หมอนั่นไม่รู้อะไรเลย ไม่แม้แต่จะสนใจด้วย เขาไม่สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ปีเตอร์พูดทุกอย่างที่ไม่แน่ใจว่าจะพูดกับใครดีใส่เจนนี่
“นายจะไปรู้อะไรถึงมาพูดแบบนั้น หา!”
เจนนี่ตะโกนออกมาด้วยใบหน้าแดงเถือก
“นายจะไปรู้อะไร คนที่เขียนจดหมายให้ฟิลลิปคือฉันนะ นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าตู้เก็บของของฟิลลิปอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะนายแปลอะไรแปลกๆ ลงไปหรอกเหรอ”
ปีเตอร์อึ้งจนพูดไม่ออก จนสุดท้ายได้แต่บอกไปว่าพอแล้ว และเดินออกมา เจนนี่เห็นดังนั้นก็ไล่ตามหลังมาอย่างไม่ยอมแพ้
“นายเขียนอะไรลงไปในจดหมายกันแน่ ฉันถามว่านายเขียนอะไร”
“ฉันก็เขียนตามที่เธอเขียน”
“นายจะบอกว่าฉันเขียนอะไรแปลกๆ เหรอ เพราะอย่างนั้นฟิลลิปก็เลยโมโห….แล้วก็ทำอะไรแบบนั้นใช่ไหม”
“พอซะทีเถอะได้โปรด!”
ปีเตอร์สะบัดแขนของเจนนี่ก่อนจะพูดต่อ
“ตั้งสติซะ เจนนี่ เบท ได้โปรดตั้งสติหน่อย”
“…”
“ฟิลลิปไม่รู้จักเธอ เขาเป็นแบบนั้นมาเสมอ และจะยังคงเป็นแบบนั้นต่อไป”