อินซอบมองนาฬิกาขณะวิ่งเข้าไปในร้านกาแฟ อีกไม่นานอีอูยอนก็จะออกกำลังกายเสร็จและออกมาแล้ว เขาว่าจะคุยโทรศัพท์กับแม่แค่ครู่เดียว แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาคุยจนไม่สามารถมาตรงเวลาได้
เขาเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้ว่าอีอูยอนชอบดื่มกาแฟหลังจากออกกำลังกายเสร็จ อันที่จริงอินซอบได้รู้หลังจากที่ฟังหัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย แม้ตอนนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องดูดีสำหรับอีอูยอนอีกต่อไปแล้ว แต่อินซอบก็ยังซื้อกาแฟมาวางไว้พอดีกับเวลาที่อีกฝ่ายออกกำลังกายเสร็จอย่างเป็นนิสัยอยู่ดี
“สวัสดีค่า”
พนักงานพาร์ทไทม์จำเขาได้ และทักทายเขาด้วยความยินดีทันทีที่เขาเข้ามาด้านในคาเฟ่ พอเห็นนักศึกษาหญิงผมสั้นหน้าตาน่ารัก อินซอบก็มักจะยิ้มออกมาเพราะทำให้นึกถึงน้องที่อยู่ที่อเมริกา
“ครับ สวัสดีครับ เอา…”
“อเมริกาโน่เย็นหนึ่งแก้ว ไม่ใส่ไซรัป น้ำแข็งบด ถูกต้องไหมคะ”
“ครับ”
“รอสักครู่นะคะ”
เมื่อเห็นว่าใช้เวลาเพียงครู่เดียว อินซอบก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เขาจ่ายเงินก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์เพื่อรอกาแฟที่สั่ง แต่พนักงานพาร์ทไทม์กลับถือกาแฟออกมาหาเขาเอง
“กาแฟที่สั่งค่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
เขารับกาแฟมาและกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ ขณะที่กำลังจะเดินออกจากร้านพนักงานพาร์ทไทม์คนนั้นกลับจับชายเสื้อของเขาไว้
“ขอโทษนะคะ”
“ครับ”
”ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังคะ”
“…เอ่อ”
อินซอบหาคำพูดที่เหมาะสมไม่เจอ และได้แต่ก้มหน้าอย่างตื่นตระหนก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงจู่โจมด้วยวิธีแบบนี้
“ขอโทษ…ครับ”
“อ๋า มีคนที่กำลังคบแล้วสินะ ฉันสิคะที่ต้องขอโทษที่กวนใจโดยไม่จำเป็น”
“ไม่เลยครับ ไม่ใช่ว่ามีคนที่คบอยู่หรอกครับ…”
“งั้นพูดแบบนั้น เพราะไม่ถูกใจฉันเหรอคะ เฮ้อ เป็นฉันเองสินะคะที่ได้รับบาดแผล”
อินซอบขอโทษและโบกมืออย่างลนลานให้กับการกระทำของฝ่ายหญิงที่ดูขี้เล่น
“ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะไม่ถูกใจ แต่ก็แค่สถานการณ์ของผมตอนนี้มัน…”
“สถานการณ์มันทำไมเหรอคะ ฉันไม่ใช่พวกน่ารำคาญหรอกนะคะ แค่ให้เบอร์โทรติดต่อเฉยๆ ก็ไม่ได้เหรอคะ”
หญิงสาวผมสั้นอ้อนอินซอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ดูน่ารัก เขาไม่แน่ใจว่าจะต้องกลับอเมริกาตอนไหน จึงไม่สามารถให้เบอร์โทรติดต่อกับอีกฝ่ายได้ อีกทั้งเขาไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ให้อีกฝ่ายฟังได้ทีละเรื่องเช่นกัน
“ผมมีเหตุผลนิดหน่อยน่ะครับ”
“เหตุผลอะไรเหรอครับ”
มือใหญ่เอื้อมมาฉวยกาแฟไปจากด้านหลังพลางเอ่ยถาม อินซอบตกใจและหันกลับไปมอง จึงพบกับอีอูยอนที่ออกกำลังกายเสร็จแล้วกำลังดื่มกาแฟพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหตุผลอะไรเหรอครับ”
เขาถามอีกครั้ง ชเวอินซอบพูดอะไรไม่ออก และยืนกะพริบตาอยู่อย่างนั้น ในขณะที่พนักงานพาร์ทไทม์ผมสั้นที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับชี้อีอูยอน
“มะ ไม่มีทาง ตัวจริงเหรอเนี่ย…?!”
“สวัสดีครับ”
ใบหน้าของอีอูยอนที่อยู่ภายใต้ปีกหมวกที่ถูกดึงลงต่ำส่องประกายแม้ในแสงสลัวของคาเฟ่ พอเขายิ้มโชว์ฟันที่เรียงตัวสวย บรรดาลูกค้าที่นั่งอยู่รอบๆ ก็หันหน้ามามองทางนี้ จากนั้นเสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้น
“ฉะ ฉันเป็นแฟนคลับค่ะ ขอลายเซ็นหน่อยนะคะ”
ความสนใจของพนักงานพาร์ทไทม์ผมสั้นเปลี่ยนไปที่อีอูยอนในทันที อินซอบไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือชอกช้ำกับเรื่องนั้นเลยสักนิด เพราะมันเป็นผลลัพธ์ที่แน่นอนอยู่แล้ว
“ขอโทษนะครับ ผมค่อนข้างสายแล้ว ไว้ผมจะให้ครั้งหน้านะครับ”
อีอูยอนยิ้มละมุนก่อนจะส่งสายตาชวนให้อินซอบออกไป อินซอบก้มหัวปลกๆ ให้พนักงานพาร์ทไทม์ จากนั้นคนทั้งคู่ก็ออกจากร้าน อีอูยอนที่ดื่มกาแฟพลางเดินตามหลังอินซอบมาเอ่ยถามอย่างกะทันหัน
“ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไปหรือเปล่าครับ”
“ครับ?”
“ก็เขาขอเบอร์โทรศัพท์ไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่ได้ให้ครับ”
อีอูยอนยิ้มพร้อมถามว่า ‘งั้นเหรอครับ’ อินซอบรู้ว่าความจริงแล้วนั่นไม่ใช่ใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความจริงใจของอีกฝ่าย แม้กระทั้งการรู้ถึงความแตกต่างที่ซับซ้อนแบบนั้นก็เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงนี้เหมือนกัน
“ดูๆ ไปแล้วคุณอินซอบเนี่ยป๊อปเหมือนกันนะครับ เท่าที่ผมเห็นก็ตั้งสามครั้งแล้ว”
“สามครั้งเหรอครับ”
เขาสาบานว่านี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ระหว่างที่เขาทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัว
“ที่ห้องน้ำหนึ่งครั้ง ที่คลับอีกหนึ่งครั้ง แล้วก็ที่นี่วันนี้อีกหนึ่งครั้ง”
หินก้อนใหญ่ถูกเอามาใส่ไว้ในหัวใจของอินซอบทุกครั้งที่อีอูยอนกางนิ้วขึ้นมาทีละนิ้วขณะที่พูด
“นั่นมัน…ไม่เหมือนกันนะครับ”
“นั่นก็เป็นการจู่โจมชนิดหนึ่งเหมือนกันนะครับ”
อินซอบที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดเดินอย่างกะทันหัน เขาสบตากับอีอูยอน อีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มน้อยๆ หรือทำสีหน้าขี้เล่นเหมือนกับปกติ ดูไม่เหมือนว่าเขาล้อเล่น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหตรงไหนสักที่
อย่าบอกนะว่าจะลากเราไปที่ไหนอีกแล้ว นี่เราจอดรถไว้ที่ไหนนะ …พรุ่งนี้มีงานแต่เช้าซะด้วย …ไม่สิ ทำไมเราถึงคิดว่าจะโดนทำเรื่องแบบนั้นไปก่อนแล้วล่ะ แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ นั่นแหละ เพราะเราโดนทำแบบนั้นตลอดเลยเวลาที่เขาทำหน้าแบบนั้น
ทุกครั้งที่กะพริบตา ความคิดต่างๆ ที่ชวนให้ไม่สบายใจก็โผล่มาในหัวของอินซอบ ขณะที่หัวของอินซอบเต็มไปด้วยสมมติฐานที่น่ากลัวจนไม่สามารถคิดอะไรได้อีก อีอูยอนก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้และจุดไฟ อีกฝ่ายสูบบุหรี่เข้าไปหนึ่งคำและพ่นควันยาวๆ ออกมาก่อนจะนิ่วหน้าแวบหนึ่ง ชเวอินซอบจับตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่สบายใจ หลังจากเอาก้นบุหรี่ยาวๆ ใส่ลงไปในกาแฟที่ดื่ม อีอูยอนก็ยิ้มอย่างสบายๆ ก่อนจะโยนกาแฟลงถังขยะ
“กาแฟที่นี่รสชาติไม่ค่อยดีเลยครับ คราวหลังไปที่อื่นนะครับ”
กาแฟนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ดื่มไปแม้แต่อึกเดียว
“แต่ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าถูกใจนี่ครับ…”
“ความถูกปากกับรสนิยมของคนเราเปลี่ยนได้ตลอดนี่ครับ”
สายตาของอีอูยอนหยุดอยู่ที่ใบหน้าของอินซอบ พอสบตากัน อีอูยอนก็หันหน้าหนีด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
อินซอบอยากจะพูดว่าความจริงแล้วคนที่เศร้าคือเขาต่างหาก การหาร้านกาแฟที่มีรสชาติถูกปากอีอูยอนใกล้ๆ ฟิตเนสเจอเป็นเรื่องโชคดีมาก จะต้องหาอีกครั้งเหรอเนี่ย…แล้วจะหาเจอเมื่อไหร่กันล่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนทั้งๆ ที่รสนิยมก็ซับซ้อนอยู่แล้วด้วยนะ
“ทำไมเหรอครับ เสียดายขนาดนั้นเลยเหรอครับที่จะไม่ได้ไปที่ร้านกาแฟนั้นแล้ว”
พอเห็นว่าสีหน้าของอินซอบดูไม่ดี อีอูยอนจึงเอ่ยถาม
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ…ผมแค่คิดว่าจะหาที่ใหม่เจออีกทีเมื่อไหร่น่ะครับ
“ไม่ต้องไปหาที่อื่นหรอกครับ เพราะผมไม่ได้จะเป็นจะตายกะอีแค่ไม่ได้ดื่มกาแฟแก้วเดียว”
อินซอบพึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า ‘นั่นสินะครับ’ ขณะเดินไปที่รถ เขาหยิบกุญแจจากกระเป๋ามาเปิดประตูรถ แต่จดหมายที่ถูกเหน็บไว้ตรงกระจกหน้ารถก็โผล่เข้ามาในสายตาของอินซอบ
“เอ๊ะ เหมือนจะเป็นจดหมายจากแฟนๆ เลยครับ”
“ทิ้งไปครับ”
“จดหมายจากแฟนๆ นะครับ”
“คิดว่าคนที่ตามผมมา แล้วเอาจดหมายมาเสียบไว้ที่กระจกหน้ารถในเวลานี้จะมีสติดีเหรอครับ”
สิ่งที่อีอูยอนพูดเป็นความจริง แต่เขาไม่สามารถเอามันทิ้งไว้ในที่จอดรถได้ อินซอบจึงเก็บจดหมายนั้นไว้ในกระเป๋า
“เก็บไว้ทำไมล่ะครับ ผมบอกให้ทิ้งไง”
อีอูยอนนั่งลงตรงที่นั่งข้างคนขับ บางครั้งเขาก็ไม่ได้นั่งที่เบาะหลัง แต่นั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ และนั่นก็เป็นนิสัยที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงนี้เหมือนกัน แม้อินซอบจะรู้สึกไม่สบายใจและกระวนกระวายอย่างมากทุกครั้งที่อีกฝ่ายทำแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกไปให้อีอูยอนเห็น
“ผมจะเอาไปทิ้งที่บ้านครับ”
อินซอบปิดประตูรถก่อนจะสตาร์ทเครื่อง แม้กระทั่งในที่จอดรถแคบๆ เขาก็ขยับพวงมาลัยได้อย่างสมบูรณ์แบบและขับรถออกไป พอเห็นว่าอินซอบขับรถออกมาได้อย่างแม่นยำ ไร้ข้อผิดพลาด อีอูยอนก็เอ่ยถาม
“ฝึกขับรถที่ไหนเหรอครับ”
“ก็ฝึกไปเรื่อย…”
แม้จะได้ใบขับขี่มาแล้ว อินซอบก็ยังจ่ายเงินเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมขับรถเมื่อมีโอกาส เนื่องจากกฎหมายบนท้องถนนและระบบของเกาหลีกับอเมริกาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาจึงพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการขับรถของเกาหลี
“นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ไม่ได้ทำเรื่องอื่นเลยเหรอครับ คุณเตรียมตัวอะไรบ้าง สำหรับการจะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวน่ะ”
อินซอบตอบอ้อมแอ้มว่า ‘ก็ไม่รู้สิครับ’ ด้วยความงงงวยกับโหมดสัมภาษณ์กะทันหันนี้
“ไม่ได้เรียนอะไรเลยเหรอครับ”
“ผมเรียนศิลปะป้องกันตัวมานิดหน่อยครับ แล้วก็คิดว่าจะเรียนนวดด้วยดีไหม แต่ก็ล้มเลิกไปเพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้…หัวเราะทำไมครับ”
“คุณชเวอินซอบชอบผมจริงๆ ด้วยสินะครับ”
“…”
ถ้าอีอูยอนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เขาก็จะสามารถซ่อนอาการหน้าแดงได้ เพราะแบบนี้เขาถึงเกลียดการที่อีอูยอนนั่งอยู่ข้างๆ จริงๆ
“ลองบอกว่าชอบหน่อยสิครับ”
“…”
เริ่มอีกแล้ว
“เวลาที่สัญญากันไว้เหลืออีกไม่มากแล้วนะครับ ในช่วงเวลานั้นคุณจะต้องตั้งใจโน้มน้าวผมไม่ใช่เหรอครับ”
เวลาหนึ่งเดือนที่สัญญากับอีอูยอนไว้เหลืออีกไม่ถึงสองสัปดาห์แล้ว อินซอบลังเลไปพักหนึ่งก่อนจะอ้าปากพูด
“ชอบนะครับ”
แม้จะพยายามพูดอย่างนิ่งเฉย แต่เขาก็หลีกเลี่ยงความร้อนที่เกิดขึ้นบริเวณติ่งหูเป็นระยะไม่ได้
“ชอบมากแค่ไหนครับ”
“ชอบมากเลยครับ”
“แล้วมากแค่ไหนล่ะครับ”
“มากๆ เลยครับ”
“เท่าแผ่นฟ้า เท่าผืนดินเลยไหมครับ”
“…ไกลกว่าจักรวาล…”
เป็นคำตอบที่เหมือนกับการเล่นคำของเด็กเล็กๆ อินซอบรู้สึกว่าความร้อนได้เกิดขึ้นในหัวใจของเขา แม้จะรู้ดีว่าอีอูยอนจงใจทำให้ตนลำบากจึงโยนคำถามแบบนี้มาให้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะตอบโต้ได้อย่างเฉยชา
“ชอบมากขนาดนี้ ผมคงไม่ต้องกังวลตอนนั่งเครื่องบินในสุดสัปดาห์นี้แล้วล่ะครับ”
“…?”
“เพราะคุณคงจะไม่ขโมยพาสปอร์ตแล้วหนีไป”
“อ๋อ พาสปอร์ต”
สุดสัปดาห์นี้อีกฝ่ายจะต้องไปถ่ายนิตยสารที่ฮาวาย ชเวอินซอบที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวจะต้องเดินทางไปเป็นเพื่อนด้วยอยู่แล้ว อินซอบนึกถึงพาสปอร์ตและสมุดโน้ตที่ถูกล็อคอยู่ในเซฟของอีอูยอน รูปที่อยู่ในนั้นก็ด้วย
“เห็นสีหน้านั้นแล้ว ผมคงจะต้องยึดไว้อีกครั้งหลังจากที่ออกนอกประเทศไปแล้วนะครับ”
“ไม่ครับ ผมจะไม่หนีครับ”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิครับ”
อีอูยอนเอื้อมมือมาลูบติ่งหูของอินซอบ อินซอบเบิกตาด้วยความตกใจ และถามทางสีหน้าว่า ‘คุณทำอะไรของคุณ’
“ติ่งหูนุ่มมากเลยครับ เหมือนไอ้นั่นของคุณอินซอบเลย”
“…!”
“คุณอินซอบรู้ไหมครับว่าตัวเองนุ่มจริงๆ เป็นแบบนั้นเพราะไม่เคยลองช่วยตัวเองหรือเปล่าครับ”
อินซอบมึนงงและคิดว่าจะต้องเปิดอะไรสักอย่าง เขาจึงรีบเปิดวิทยุ เขาหยิบแผ่นซีดีออกมา และใส่เข้าไปในเครื่องเล่นอย่างไม่รอช้า พอโฆษณาในวิทยุจบลง น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ลอยออกมาจากในนั้น
[“คำพูดต่างๆ ที่แม้จะใสซื่อ แต่สวยงามเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในใจของพวกเรา”]
เป็นโฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ที่อีอูยอนเป็นคนบรรยาย อีอูยอนยิ้มอย่างสดใสพลางพูดคำพูดที่ยอดเยี่ยมออกมาโดยมีเสียงโฆษณาที่งดงามนั่นเป็น BGM
“คงเป็นเพราะไม่ได้ใช้กับพวกผู้หญิง ส่วนนั้นของคุณชเวอินซอบถึงนุ่ม งั้นก็คงทำได้แค่โดนผมเสียบสินะครับ”
[“ลงมือทำเถอะครับ คำพูดที่ทำให้คุณกับคนรอบๆ ตัวของคุณงดงาม”]
“ได้ยินใช่ไหมครับ กำลังคิดว่าอยากโดนผมเสียบอยู่หรือเปล่าครับ”
โฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ดังออกมาซ้อนทับกับคำพูดลามกของอีอูยอนและแทรกซึมเข้าไปในใจของอินซอบอย่างเจ็บปวด เขากำพวงมาลัย และอยากจะร้องบอกให้อีกฝ่ายหยุด ชเวอินซอบปิดวิทยุ และส่ายหน้าเงียบๆ
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นครับ”
“ถึงตอนนี้ไม่ได้คิด แต่ถ้าใส่เข้าไปก็อาจจะเปลี่ยนความคิดนะครับ”
“…”
“ทำดีแล้วครับ ไม่อย่างนั้นคงได้ทำในรถจริงๆ”
“อะไรกันล่ะครับที่ว่าดี…!”
ตอนนั้นเองแท็กซี่จากเลนข้างๆ ก็ปาดเข้ามาและหยุดรถอย่างกะทันหัน แม้อินซอบจะรีบเหยียบเบรกแล้ว แต่กันชนด้านหน้าของรถตู้ก็ยังชนเข้ากับกันชนหลังของรถแท็กซี่อยู่ดี
อีอูยอนใช้มือจับไหล่ของอินซอบ และช่วยประคองตัวของอีกฝ่ายไว้
“ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหมครับ”
อินซอบสำรวจอีอูยอนพลางเอ่ยถาม
“ผมไม่เป็นไรครับ”
อีอูยอนมองแท็กซี่ที่จู่ๆ ก็ปาดเข้ามาพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชเวอินซอบปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมเอ่ยอย่างเด็ดขาด
“ห้ามลงมาจากรถเด็ดขาดเลยนะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”