“…”
“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นห้ามออกมาเด็ดขาดเลยนะครับ”
เมื่อเดาจากการที่จู่ๆ ก็แซงและหยุดรถอย่างกะทันหันแล้ว นี่ต้องเป็นการจ้องจะปล้นกันอย่างแน่นอน มีกลุ่มคนที่จ้องจะหาเรื่องดาราที่ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่โตอยู่พอสมควร ชเวอินซอบได้ยินเรื่องนี้จากหัวหน้าทีมชามาก่อน ฝ่ายนั้นกำชับซ้ำๆ ว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ห้ามให้อีอูยอนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการหาเรื่องเด็ดขาด นั่นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวอีอูยอนเอง และเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและคู่กรณี
“ผมจะจัดการเองครับ”
ชเวอินซอบพูดแบบนั้น และออกไปนอกรถตู้ พอเขาออกมา คนขับรถแท็กซี่ก็กุมต้นคอออกมาจากรถ
“ขับรถเหี้ยอะไรขนาดนั้นหา! ไอ้หนุ่มนี่!”
“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“แม่งเอ๊ย ฉันดูไม่เป็นอะไรในสายตานายหรือไง โอ๊ย เจ็บคอ”
“ก่อนอื่นลองไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล แล้วติดต่อบริษัทประกัน…”
พออินซอบหยิบนามบัตรของตัวเองกับเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทประกันออกมาจากกระเป๋าสตางค์ คนขับรถแท็กซี่ก็ทำตาลุกวาวและส่งเสียงดัง
“ตรวจอย่างละเอียดงั้นเหรอ จะบอกว่าฉันกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อที่รีดไถเงินจากนายหรือไง”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”
“นายชนท้ายรถฉันเองนะ ที่ฉันตั้งใจทำมาหากินมาทั้งวันสูญเปล่าก็เพราะนาย แถมยังต้องซ่อมรถด้วย นายจะจ่ายค่าเสียหายยังไง!”
“ส่วนนั้นบริษัทประกันจะเป็นฝ่าย…”
คนขับรถแท็กซี่คว้าคอเสื้ออินซอบ
“เฮ้ย อะไรทำให้นายคิดว่าการขับรถราคาแพงจะทำให้นายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวะ ค*ยเอ๊ย นี่แก นั่นน่ะรถของดาราใช่ไหม ให้ตายเถอะ ถ้าชนท้ายคนอื่น จะดาราหรือว่าไอ้บ้าที่ไหนก็ต้องออกมาขอโทษไม่ใช่เหรอ!”
“เป็นความผิดของผมเองครับ เพราะผมไม่ดูข้างหน้าให้ดี เป็นความผิดของผมทั้งหมดเลยครับ ส่วนค่าเสียหายผมจะไปคุยกับทางบริษัท…”
ชายคนนั้นใช้มือฟาดหัวของอินซอบอย่างแรง
“ฟังที่คนเขาพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ จะเป็นดาราหรือเป็นอะไรก็ต้องออกมาขอโทษ…!”
เขาได้ยินเสียงประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับถูกปิดอย่างแรง อินซอบหันไปมองด้านหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด และพบอีอูยอนยืนอยู่ สีหน้าของเจ้าตัวไม่ได้ยิ้มแย้ม หรือแสดงท่าทางสุภาพนอบน้อมเหมือนปกติ ฝ่ายนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนขับรถแท็กซี่ด้วยท่าทางดุดัน
“อะไรกันเนี่ย ไอ้คนที่โผล่มาในโทรทัศน์บ่อยๆ นี่นา”
แววตาของคนขับรถแท็กซี่เป็นประกาย และเริ่มคิดคำนวณด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘นั่นแหละ แกติดกับเข้าเต็มๆ เลย’
“โอ๊ย ชีวิตหาเช้ากินค่ำของฉัน จู่ๆ ก็โดนชนท้ายแบบนี้ แล้วจะจ่ายค่าซ่อมรถ ค่าโรงพยาบาลกับค่าเช่ารถแท็กซี่ยังไงล่ะเนี่ย! กว่าเงินจากบริษัทประกันจะออก ฉันจะ…!”
อีอูยอนแกะมือของคนขับรถแท็กซี่ที่กำลังกำคอเสื้อของอินซอบอยู่ออกโดยไม่พูดอะไร คนขับรถแท็กซี่ร้องโวยวายเสียงดัง ก่อนจะล้มลงไปด้วยแรงจากมือที่รุนแรง แม้จะเป็นการกระทำที่แฝงไว้ด้วยการเสแสร้งแกล้งทำ แต่อินซอบก็รู้ดีว่าแรงมือของอีอูยอนรุนแรงแค่ไหนจึงอดแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าไม่ได้
“โอ๊ย ดาราตีฉัน เขาตีคน!”
“คุณคนขับรถครับ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะครับ คุณอีอูยอนเขา…”
“ให้ตีจริงๆ ไหมครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามยิ้มๆ คนขับรถแท็กซี่เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ามึนงงกับปฏิกิริยาที่ไม่คาดคิด
“ถ้าต้องการเงินชดเชย ผมสามารถช่วยได้นะครับ”
สัญญาณเตือนภัยสีแดงถูกเปิดขึ้นในใจของชเวอินซอบ เขารู้ว่าอีอูยอนที่กำลังยิ้มอยู่นั้นไม่ได้ยิ้มจริงๆ
“คุณคนขับรถ ขอโทษนะครับ นี่ครับ นามบัตรของผม ถ้าติดต่อมา ผมจะคำนวณค่าโรงพยาบาล ค่าซ่อมรถกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้ และส่งเงินไปให้โดยเร็วครับ
แม้อินซอบจะรีบเข้ามาแทรกกลาง แต่ความสนใจของคนขับรถแท็กซี่พุ่งไปที่อีอูยอนแล้ว
”หา? ว่ายังไงนะ ไอ้ดารานี่”
“เขาบอกว่าจะช่วยครับ”
อินซอบจับแขนอีอูยอนเอาไว้
ไม่นะ อย่าทำแบบนั้นนะครับ ขอร้อง
อีอูยอนอ่านคำพูดที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของอินซอบได้อย่างกระจ่าง เขาแอบอมยิ้มพลางเอ่ยกับคนขับรถแท็กซี่
“ลำบากแย่เลยนะครับ แต่อุบัติเหตุไม่หนักแบบนี้คงไม่ได้รับเงินชดเชยก้อนใหญ่หรอกครับ”
สำหรับอินซอบที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนดี เขาอ่านเจตนาร้ายที่ซ่อนอยู่ในทุกคำที่อีกฝ่ายพูดออกมาได้ และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ฉะ ฉันไม่ใช่คนที่หวังค่าชดเชยนะ ในฐานะมนุษย์ ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ก็ต้องออกมา…”
คนขับรถแท็กซี่พูดพึมพำต่อไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก อีอูยอนหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้
“ติดต่อมาที่นี่นะครับ”
“นี่คืออะไร”
“ถ้าติดต่อมาที่นี่ ผมจะจัดการเองทั้งหมดภายในวันนี้ครับ จะไม่ให้คุณผิดหวังเลย”
คำที่อีอูยอนพูดเสริมในตอนท้ายฟังดูมีความหมายลึกซึ้งมากสำหรับอินซอบ แต่คนขับรถแท็กซี่ที่ไม่มีทางรู้ความหมายโดยนัยของอีอูยอนกลับอ้าปากกว้าง และเก็บนามบัตรใส่กระเป๋า
“งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ นี่ครับ รับนามบัตรของผม…”
อีอูยอนดึงมืออินซอบไว้ คนขับรถแท็กซี่คิดว่าตัวเองได้รับตั๋วทองคำจึงเข้าไปในรถแท็กซี่โดยไม่หันหลังกลับมามอง คนทั้งคู่กลับขึ้นไปในรถตู้อีกครั้ง ขณะที่กำลังออกเดินทาง อินซอบก็พูดราวกับซักไซ้ไล่เลียงอีอูยอน
“ผมกำลังจะให้นามบัตรของผมแล้ว ทำไมคุณถึงทำแบบนั้นล่ะครับ แล้วคุณให้นามบัตรใครไปกันแน่เหรอครับ”
“ของทนายครับ เพราะในรถนี้มีกล้องติดหน้ารถ ผมจะดึงไฟล์ออกไปส่งให้เขา พอใจหรือยังครับ”
“แล้วออกไปทำไมครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ให้ออกมาเด็ด…”
“คุณชเวอินซอบอยู่ในฐานะที่สั่งผมได้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”
แม้น้ำเสียงของอีอูยอนจะทิ่มแทง แต่อินซอบก็กดความกลัวที่พุ่งขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างสุขุม
“แต่ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นปัญหาที่ผมจะต้องจัดการนะครับ เขาเป็นคนที่ขับรถแบบนั้นเพื่อจงใจจะหาเรื่อง ไม่รู้เหรอครับว่าถ้าคุณออกไปมันจะเกิดปัญหา”
“ก็รู้ไงครับถึงได้ออกไป”
อีอูยอนพิงร่างกับหน้าต่างรถ เขามองอินซอบพลางยิ้มน้อยๆ อินซอบไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดเล่นอยู่เลยสักนิด
“เป็นเพราะผมประมาทเองครับ ผมจะต้องมองทางข้างหน้าให้ดี ปัญหาแบบนี้จะได้…”
“คุณอินซอบจะบอกว่าเพราะประมาทไปครู่หนึ่ง ตัวเองจะถูกไอ้เวรนั่นจับคอเสื้อ แล้วก็ตบหัวยังไงก็ได้เหรอครับ”
“นั่นเป็นปัญหาของผมครับ”
อินซอบตอบอย่างราบเรียบ
“มันเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะผมเป็นผู้จัดการส่วนตัว เพราะฉะนั้นต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ถึงตอนนั้น…”
“ได้ครับ ในเมื่อเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ก็เชิญออกไปให้ถูกจับคอเสื้อเลยครับ”
มือของอีอูยอนไล้ลงมาตามต้นคอของอินซอบ จากนั้นก็กล่าวเสริมด้วยคำพูดป่าเถื่อน
“งั้นผมก็จะหักข้อมือของไอ้หมอนั่นอย่างช่วยไม่ได้เหมือนกัน”
“คุณอีอูยอน!”
“ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่ครับ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ คนอื่นๆ เขารู้จักคุณอีอูยอนกันหมดนะครับ ถ้าทำแบบนั้น…”
“ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะทำไมเหรอครับ”
อีอูยอนถามด้วยท่าทียิ้มๆ แต่อินซอบรู้ว่าแววตาของอีกฝ่ายจมดิ่งอย่างน่าหวาดกลัว จึงตอบออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
“ทำแบบนั้น…ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมล่ะครับ คุณอินซอบไม่ได้เริ่มมาทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวเพื่อที่จะได้รู้เรื่องพวกนั้นเหรอครับ ดีแล้วนี่ครับ ถ้าอยากจี้นิสัยที่แท้จริงของผม ผมก็ควรจะคว้าคอเสื้อของคนคนนั้น แล้วอัดเขาดูสักหน่อย ผมจะทำในสิ่งที่คุณอินซอบต้องการไงครับ”
“ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นเพราะผมครับ”
“ว่าไงนะครับ”
“ผะ ผมหวังว่า…คุณจะไม่ทำแบบนั้นเพราะผมครับ ผมไม่ต้องการ”
เขากลัวว่าอีอูยอนจะแสดงนิสัยที่แท้จริงต่อหน้าคนอื่น แต่ถ้าเหตุผลนั้นคือตัวเอง…เขาคงจะรู้สึกผิดจนไม่สามารถทนได้ เขาไม่ต้องการแบบนั้น
อีอูยอนมองด้านข้างของอินซอบ สายตาของเขาช่างดูเด็ดเดี่ยว เขามองอินซอบด้วยสายตาที่ร้ายกาจเหมือนกับจะจับปลายผมนั้นไว้และดึงออกมาเพื่อค้นหาจิตใจที่แท้จริงที่ถูกกดเอาไว้
“ถ้าเป็นเพราะคุณ ก็ไม่ต้องการเหรอครับ”
“…ครับ”
“โอเคครับ สิ่งที่คุณอินซอบต้องการคืออย่างอื่นสินะครับ ผมลืมไปเลยว่าคุณอินซอบน่ะ ต้องการแค่การอ้าขาให้ผมเสียบเท่านั้น ขอโทษทีนะครับที่รู้สึกช้าไปหน่อย”
“มะ ไม่ครับ…ไม่ใช่แบบนั้น…”
อินซอบมองอีอูยอนและพูดไม่เป็นประโยค เพราะขับรถอยู่
“แล้วอยากได้อะไรอีกเหรอครับ ใช่แล้ว อยากอมไอ้นั่นของผมใช่ไหมล่ะ ตอนแรกทำเป็นมารยาว่าไม่ชอบ แต่สุดท้ายก็กินอย่างตะกละตะกลามจนเกลี้ยงเลยนี่ครับ ไม่ว่าจะข้างล่างหรือข้างบนก็กินอย่างเอร็ดอร่อยจนเกลี้ยง จนผมต้องคิดทุกครั้งเลยครับว่าจะยัดตรงไหนดี”
อีอูยอนพูดต่อด้วยท่าทีสบายๆ ในขณะที่ยังพิงหน้าต่างรถและหรี่ตา
“วันนี้จะให้ยัดตรงไหนดีครับ? ตรงไหนถึงจะดี”
“…”
“ให้กระแทกเข้าไปที่นี้ตอนนี้เลยดีไหมครับ ที่พูดฉอดๆ อยู่เนี่ย เพราะอยากขับรถโดยที่ถูกผมสอดใส่ไปด้วยต่อหน้าคนอื่นๆ ใช่ไหมล่ะครับ”
ชเวอินซอบหน้าซีด และกำพวงมาลัยเอาไว้ ถ้าเป็นที่นั่งในตอนนี้ไม่ใช่ที่เบาะหลังจะต้องโดนคนเห็นอย่างชัดเจนแน่ และเขาอยากจะหลีกหนีจากเรื่องนั้นให้ได้
“ไม่ครับ…ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“งั้นผมจะทำตามที่คุณชเวอินซอบต้องการครับ เพราะคุณอินซอบเป็นผู้จัดการที่ดี เป็นคนที่บอกว่าต่อให้โดนไอ้เฮงซวยนั่นต่อยเพราะผม ก็ช่วยไม่ได้เพราะมันเป็นงาน ผมจะทำตามที่คุณต้องการเองครับ บอกมาสิครับ”
นิ้วของอีอูยอนลูบลงไปตามคางของอินซอบ ความร้อนพอประมาณปรากฏไปตามมือที่ลูบไปตามริมฝีปาก ติ่งหู และแก้ม อินซอบกัดริมฝีปากที่สั่นระริกเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
“ทะ…ที่บ้าน…”
“ที่บ้านเหรอครับ แล้วอะไรอีกครับ”
“…อยากให้…ทำครับ”
“ได้ยินไม่ค่อยชัดเลยครับ คุณอินซอบช่วยพูดให้ชัดๆ หน่อยครับ”
“…อยากให้…ทำที่บ้านครับ”
“ขอให้ทำอะไรนะครับ”
อินซอบรู้ว่าอีอูยอนจะกัดไม่ยอมปล่อยจนกว่าคำศัพท์ที่เป็นรูปธรรมจะหลุดออกมา เหงื่อของเขาไหลออกมาตามมือ และสติของเขาก็เลือนราง มือของอีอูยอนค่อยๆ ขยับลงไปด้านล่าง ลูบไล้ตุ่มไตที่โผล่ขึ้นมาบริเวณหน้าอกผ่านเสื้อผ้า และเร่งให้อินซอบตอบ
“…ผมอยาก…ให้คุณมีเซ็กส์กับผมครับ”
ในที่สุดคำพูดที่เหมือนเป็นการยอมแพ้ก็หลุดออกมาจากปากของอินซอบเบาหวิวเหมือนเสียงลมหายใจ
***