ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 11-2

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 11-2

“…”

“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นห้ามออกมาเด็ดขาดเลยนะครับ”

เมื่อเดาจากการที่จู่ๆ ก็แซงและหยุดรถอย่างกะทันหันแล้ว นี่ต้องเป็นการจ้องจะปล้นกันอย่างแน่นอน มีกลุ่มคนที่จ้องจะหาเรื่องดาราที่ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่โตอยู่พอสมควร ชเวอินซอบได้ยินเรื่องนี้จากหัวหน้าทีมชามาก่อน ฝ่ายนั้นกำชับซ้ำๆ ว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ห้ามให้อีอูยอนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการหาเรื่องเด็ดขาด นั่นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวอีอูยอนเอง และเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและคู่กรณี

“ผมจะจัดการเองครับ”

ชเวอินซอบพูดแบบนั้น และออกไปนอกรถตู้ พอเขาออกมา คนขับรถแท็กซี่ก็กุมต้นคอออกมาจากรถ

“ขับรถเหี้ยอะไรขนาดนั้นหา! ไอ้หนุ่มนี่!”

“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“แม่งเอ๊ย ฉันดูไม่เป็นอะไรในสายตานายหรือไง โอ๊ย เจ็บคอ”

“ก่อนอื่นลองไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล แล้วติดต่อบริษัทประกัน…”

พออินซอบหยิบนามบัตรของตัวเองกับเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทประกันออกมาจากกระเป๋าสตางค์ คนขับรถแท็กซี่ก็ทำตาลุกวาวและส่งเสียงดัง

“ตรวจอย่างละเอียดงั้นเหรอ จะบอกว่าฉันกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อที่รีดไถเงินจากนายหรือไง”

“เปล่านะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”

“นายชนท้ายรถฉันเองนะ ที่ฉันตั้งใจทำมาหากินมาทั้งวันสูญเปล่าก็เพราะนาย แถมยังต้องซ่อมรถด้วย นายจะจ่ายค่าเสียหายยังไง!”

“ส่วนนั้นบริษัทประกันจะเป็นฝ่าย…”

คนขับรถแท็กซี่คว้าคอเสื้ออินซอบ

“เฮ้ย อะไรทำให้นายคิดว่าการขับรถราคาแพงจะทำให้นายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวะ ค*ยเอ๊ย นี่แก นั่นน่ะรถของดาราใช่ไหม ให้ตายเถอะ ถ้าชนท้ายคนอื่น จะดาราหรือว่าไอ้บ้าที่ไหนก็ต้องออกมาขอโทษไม่ใช่เหรอ!”

“เป็นความผิดของผมเองครับ เพราะผมไม่ดูข้างหน้าให้ดี เป็นความผิดของผมทั้งหมดเลยครับ ส่วนค่าเสียหายผมจะไปคุยกับทางบริษัท…”

ชายคนนั้นใช้มือฟาดหัวของอินซอบอย่างแรง

“ฟังที่คนเขาพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ จะเป็นดาราหรือเป็นอะไรก็ต้องออกมาขอโทษ…!”

เขาได้ยินเสียงประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับถูกปิดอย่างแรง อินซอบหันไปมองด้านหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด และพบอีอูยอนยืนอยู่ สีหน้าของเจ้าตัวไม่ได้ยิ้มแย้ม หรือแสดงท่าทางสุภาพนอบน้อมเหมือนปกติ ฝ่ายนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนขับรถแท็กซี่ด้วยท่าทางดุดัน

“อะไรกันเนี่ย ไอ้คนที่โผล่มาในโทรทัศน์บ่อยๆ นี่นา”

แววตาของคนขับรถแท็กซี่เป็นประกาย และเริ่มคิดคำนวณด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘นั่นแหละ แกติดกับเข้าเต็มๆ เลย’

“โอ๊ย ชีวิตหาเช้ากินค่ำของฉัน จู่ๆ ก็โดนชนท้ายแบบนี้ แล้วจะจ่ายค่าซ่อมรถ ค่าโรงพยาบาลกับค่าเช่ารถแท็กซี่ยังไงล่ะเนี่ย! กว่าเงินจากบริษัทประกันจะออก ฉันจะ…!”

อีอูยอนแกะมือของคนขับรถแท็กซี่ที่กำลังกำคอเสื้อของอินซอบอยู่ออกโดยไม่พูดอะไร คนขับรถแท็กซี่ร้องโวยวายเสียงดัง ก่อนจะล้มลงไปด้วยแรงจากมือที่รุนแรง แม้จะเป็นการกระทำที่แฝงไว้ด้วยการเสแสร้งแกล้งทำ แต่อินซอบก็รู้ดีว่าแรงมือของอีอูยอนรุนแรงแค่ไหนจึงอดแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าไม่ได้

“โอ๊ย ดาราตีฉัน เขาตีคน!”

“คุณคนขับรถครับ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะครับ คุณอีอูยอนเขา…”

“ให้ตีจริงๆ ไหมครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามยิ้มๆ คนขับรถแท็กซี่เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ามึนงงกับปฏิกิริยาที่ไม่คาดคิด

“ถ้าต้องการเงินชดเชย ผมสามารถช่วยได้นะครับ”

สัญญาณเตือนภัยสีแดงถูกเปิดขึ้นในใจของชเวอินซอบ เขารู้ว่าอีอูยอนที่กำลังยิ้มอยู่นั้นไม่ได้ยิ้มจริงๆ

“คุณคนขับรถ ขอโทษนะครับ นี่ครับ นามบัตรของผม ถ้าติดต่อมา ผมจะคำนวณค่าโรงพยาบาล ค่าซ่อมรถกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้ และส่งเงินไปให้โดยเร็วครับ

แม้อินซอบจะรีบเข้ามาแทรกกลาง แต่ความสนใจของคนขับรถแท็กซี่พุ่งไปที่อีอูยอนแล้ว

”หา? ว่ายังไงนะ ไอ้ดารานี่”

“เขาบอกว่าจะช่วยครับ”

อินซอบจับแขนอีอูยอนเอาไว้

ไม่นะ อย่าทำแบบนั้นนะครับ ขอร้อง

อีอูยอนอ่านคำพูดที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของอินซอบได้อย่างกระจ่าง เขาแอบอมยิ้มพลางเอ่ยกับคนขับรถแท็กซี่

“ลำบากแย่เลยนะครับ แต่อุบัติเหตุไม่หนักแบบนี้คงไม่ได้รับเงินชดเชยก้อนใหญ่หรอกครับ”

สำหรับอินซอบที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนดี เขาอ่านเจตนาร้ายที่ซ่อนอยู่ในทุกคำที่อีกฝ่ายพูดออกมาได้ และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“ฉะ ฉันไม่ใช่คนที่หวังค่าชดเชยนะ ในฐานะมนุษย์ ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ก็ต้องออกมา…”

คนขับรถแท็กซี่พูดพึมพำต่อไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก อีอูยอนหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้

“ติดต่อมาที่นี่นะครับ”

“นี่คืออะไร”

“ถ้าติดต่อมาที่นี่ ผมจะจัดการเองทั้งหมดภายในวันนี้ครับ จะไม่ให้คุณผิดหวังเลย”

คำที่อีอูยอนพูดเสริมในตอนท้ายฟังดูมีความหมายลึกซึ้งมากสำหรับอินซอบ แต่คนขับรถแท็กซี่ที่ไม่มีทางรู้ความหมายโดยนัยของอีอูยอนกลับอ้าปากกว้าง และเก็บนามบัตรใส่กระเป๋า

“งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ นี่ครับ รับนามบัตรของผม…”

อีอูยอนดึงมืออินซอบไว้ คนขับรถแท็กซี่คิดว่าตัวเองได้รับตั๋วทองคำจึงเข้าไปในรถแท็กซี่โดยไม่หันหลังกลับมามอง คนทั้งคู่กลับขึ้นไปในรถตู้อีกครั้ง ขณะที่กำลังออกเดินทาง อินซอบก็พูดราวกับซักไซ้ไล่เลียงอีอูยอน

“ผมกำลังจะให้นามบัตรของผมแล้ว ทำไมคุณถึงทำแบบนั้นล่ะครับ แล้วคุณให้นามบัตรใครไปกันแน่เหรอครับ”

“ของทนายครับ เพราะในรถนี้มีกล้องติดหน้ารถ ผมจะดึงไฟล์ออกไปส่งให้เขา พอใจหรือยังครับ”

“แล้วออกไปทำไมครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ให้ออกมาเด็ด…”

“คุณชเวอินซอบอยู่ในฐานะที่สั่งผมได้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”

แม้น้ำเสียงของอีอูยอนจะทิ่มแทง แต่อินซอบก็กดความกลัวที่พุ่งขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างสุขุม

“แต่ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นปัญหาที่ผมจะต้องจัดการนะครับ เขาเป็นคนที่ขับรถแบบนั้นเพื่อจงใจจะหาเรื่อง ไม่รู้เหรอครับว่าถ้าคุณออกไปมันจะเกิดปัญหา”

“ก็รู้ไงครับถึงได้ออกไป”

อีอูยอนพิงร่างกับหน้าต่างรถ เขามองอินซอบพลางยิ้มน้อยๆ อินซอบไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดเล่นอยู่เลยสักนิด

“เป็นเพราะผมประมาทเองครับ ผมจะต้องมองทางข้างหน้าให้ดี ปัญหาแบบนี้จะได้…”

“คุณอินซอบจะบอกว่าเพราะประมาทไปครู่หนึ่ง ตัวเองจะถูกไอ้เวรนั่นจับคอเสื้อ แล้วก็ตบหัวยังไงก็ได้เหรอครับ”

“นั่นเป็นปัญหาของผมครับ”

อินซอบตอบอย่างราบเรียบ

“มันเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะผมเป็นผู้จัดการส่วนตัว เพราะฉะนั้นต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ถึงตอนนั้น…”

“ได้ครับ ในเมื่อเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ก็เชิญออกไปให้ถูกจับคอเสื้อเลยครับ”

มือของอีอูยอนไล้ลงมาตามต้นคอของอินซอบ จากนั้นก็กล่าวเสริมด้วยคำพูดป่าเถื่อน

“งั้นผมก็จะหักข้อมือของไอ้หมอนั่นอย่างช่วยไม่ได้เหมือนกัน”

“คุณอีอูยอน!”

“ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่ครับ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ คนอื่นๆ เขารู้จักคุณอีอูยอนกันหมดนะครับ ถ้าทำแบบนั้น…”

“ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะทำไมเหรอครับ”

อีอูยอนถามด้วยท่าทียิ้มๆ แต่อินซอบรู้ว่าแววตาของอีกฝ่ายจมดิ่งอย่างน่าหวาดกลัว จึงตอบออกมาด้วยเสียงสั่นๆ

“ทำแบบนั้น…ไม่ได้นะครับ”

“ทำไมล่ะครับ คุณอินซอบไม่ได้เริ่มมาทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวเพื่อที่จะได้รู้เรื่องพวกนั้นเหรอครับ ดีแล้วนี่ครับ ถ้าอยากจี้นิสัยที่แท้จริงของผม ผมก็ควรจะคว้าคอเสื้อของคนคนนั้น แล้วอัดเขาดูสักหน่อย ผมจะทำในสิ่งที่คุณอินซอบต้องการไงครับ”

“ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นเพราะผมครับ”

“ว่าไงนะครับ”

“ผะ ผมหวังว่า…คุณจะไม่ทำแบบนั้นเพราะผมครับ ผมไม่ต้องการ”

เขากลัวว่าอีอูยอนจะแสดงนิสัยที่แท้จริงต่อหน้าคนอื่น แต่ถ้าเหตุผลนั้นคือตัวเอง…เขาคงจะรู้สึกผิดจนไม่สามารถทนได้ เขาไม่ต้องการแบบนั้น

อีอูยอนมองด้านข้างของอินซอบ สายตาของเขาช่างดูเด็ดเดี่ยว เขามองอินซอบด้วยสายตาที่ร้ายกาจเหมือนกับจะจับปลายผมนั้นไว้และดึงออกมาเพื่อค้นหาจิตใจที่แท้จริงที่ถูกกดเอาไว้

“ถ้าเป็นเพราะคุณ ก็ไม่ต้องการเหรอครับ”

“…ครับ”

“โอเคครับ สิ่งที่คุณอินซอบต้องการคืออย่างอื่นสินะครับ ผมลืมไปเลยว่าคุณอินซอบน่ะ ต้องการแค่การอ้าขาให้ผมเสียบเท่านั้น ขอโทษทีนะครับที่รู้สึกช้าไปหน่อย”

“มะ ไม่ครับ…ไม่ใช่แบบนั้น…”

อินซอบมองอีอูยอนและพูดไม่เป็นประโยค เพราะขับรถอยู่

“แล้วอยากได้อะไรอีกเหรอครับ ใช่แล้ว อยากอมไอ้นั่นของผมใช่ไหมล่ะ ตอนแรกทำเป็นมารยาว่าไม่ชอบ แต่สุดท้ายก็กินอย่างตะกละตะกลามจนเกลี้ยงเลยนี่ครับ ไม่ว่าจะข้างล่างหรือข้างบนก็กินอย่างเอร็ดอร่อยจนเกลี้ยง จนผมต้องคิดทุกครั้งเลยครับว่าจะยัดตรงไหนดี”

อีอูยอนพูดต่อด้วยท่าทีสบายๆ ในขณะที่ยังพิงหน้าต่างรถและหรี่ตา

“วันนี้จะให้ยัดตรงไหนดีครับ? ตรงไหนถึงจะดี”

“…”

“ให้กระแทกเข้าไปที่นี้ตอนนี้เลยดีไหมครับ ที่พูดฉอดๆ อยู่เนี่ย เพราะอยากขับรถโดยที่ถูกผมสอดใส่ไปด้วยต่อหน้าคนอื่นๆ ใช่ไหมล่ะครับ”

ชเวอินซอบหน้าซีด และกำพวงมาลัยเอาไว้ ถ้าเป็นที่นั่งในตอนนี้ไม่ใช่ที่เบาะหลังจะต้องโดนคนเห็นอย่างชัดเจนแน่ และเขาอยากจะหลีกหนีจากเรื่องนั้นให้ได้

“ไม่ครับ…ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

“งั้นผมจะทำตามที่คุณชเวอินซอบต้องการครับ เพราะคุณอินซอบเป็นผู้จัดการที่ดี เป็นคนที่บอกว่าต่อให้โดนไอ้เฮงซวยนั่นต่อยเพราะผม ก็ช่วยไม่ได้เพราะมันเป็นงาน ผมจะทำตามที่คุณต้องการเองครับ บอกมาสิครับ”

นิ้วของอีอูยอนลูบลงไปตามคางของอินซอบ ความร้อนพอประมาณปรากฏไปตามมือที่ลูบไปตามริมฝีปาก ติ่งหู และแก้ม อินซอบกัดริมฝีปากที่สั่นระริกเอาไว้อย่างต่อเนื่อง

“ทะ…ที่บ้าน…”

“ที่บ้านเหรอครับ แล้วอะไรอีกครับ”

“…อยากให้…ทำครับ”

“ได้ยินไม่ค่อยชัดเลยครับ คุณอินซอบช่วยพูดให้ชัดๆ หน่อยครับ”

“…อยากให้…ทำที่บ้านครับ”

“ขอให้ทำอะไรนะครับ”

อินซอบรู้ว่าอีอูยอนจะกัดไม่ยอมปล่อยจนกว่าคำศัพท์ที่เป็นรูปธรรมจะหลุดออกมา เหงื่อของเขาไหลออกมาตามมือ และสติของเขาก็เลือนราง มือของอีอูยอนค่อยๆ ขยับลงไปด้านล่าง ลูบไล้ตุ่มไตที่โผล่ขึ้นมาบริเวณหน้าอกผ่านเสื้อผ้า และเร่งให้อินซอบตอบ

“…ผมอยาก…ให้คุณมีเซ็กส์กับผมครับ”

ในที่สุดคำพูดที่เหมือนเป็นการยอมแพ้ก็หลุดออกมาจากปากของอินซอบเบาหวิวเหมือนเสียงลมหายใจ

***

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท