ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 12-2

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 12-2

อีอูยอนยืนยิ้มอยู่หน้าประตู เขาคิดว่าเขาจะใช้คีย์การ์ดเปิดประตูดีไหม แต่แล้วเขาก็เคาะประตู เขาคิดว่าอยากจะเห็นอินซอบเปิดประตูให้เขาด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง แต่ผ่านไปสักพักเขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงที่บอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ในห้อง

หลับเหรอ

อีอูยอนเสียบคีย์การ์ด และหมุนลูกบิดประตู

“คุณอินซอบ ผมมาแล้วครับ”

อีอูยอนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเดินเข้าไปในห้อง ห้องนั่งเล่นก็ยังอยู่ในสภาพเดียวกับตอนที่เขาลุกออกมาจากเตียง เขาถอดเสื้อนอกออกและพาดไว้ที่เก้าอี้ อีอูยอนเรียกชื่ออินซอบอีกครั้งขณะเดินเข้าไปในห้องนอน

“คุณอินซอบ ยังนอนอยู่เหรอครับ ไม่หิวเหรอครับ”

แต่เขาก็ไม่เจออินซอบที่คิดว่าคงจะนอนอยู่ที่เตียง อีอูยอนลองเปิดประตูห้องน้ำ เขาค้นห้องนั่งเล่นและระเบียง ไม่มีอย่างที่คิด เขาลองเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องเล็ก…แต่ก็ไม่มี

“คุณชเวอินซอบ”

อีอูยอนลองเรียกชื่อของอีกฝ่ายอีกครั้ง ไม่มีการตอบรับกลับมา อีอูยอนกัดริมฝีปาก เพราะคิดว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ

ก่อนออกจากห้องไปตอนเช้า ชเวอินซอบยังยิ้มตาหยีให้เขาอยู่เลย อีอูยอนเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทิ้งเขาไว้และหนีไป

เขาวิ่งไปที่ตู้เซฟที่วางอยู่ในที่ที่เขาแขวนเสื้อผ้าเอาไว้ พอเขากดรหัสผ่านและเปิดออกดูก็พบว่าพาสปอร์ตของอินซอบก็ยังอยู่ในนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายคงไปได้ไม่ไกล เขาจะต้องออกไปหาข้างนอกก่อน เขาเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อจะหยิบเสื้อนอกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วซองเอกสารก็โผล่เข้ามาในสายตา

อีอูยอนนึกถึงความจริงที่ว่าใครบางคนมาหาอินซอบในตอนที่ตนไม่อยู่ เขากลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่อไปหาอีดายอง พอลงมาถึงล็อบบี้ของโรงแรมก็พบว่าอีดายองก็กำลังพูดคุยกับพวกสตาฟอย่างถูกคอ

“คุณอีดายอง”

อีอูยอนเรียกเธอ อีดายองตอบว่าค่ะพร้อมกับยิ้มกว้าง พอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาว อีอูยอนก็โกรธขึ้นมา

“เจอคุณอินซอบตอนประมาณกี่โมงเหรอครับ”

“ไม่รู้สิคะ อืม น่าจะสักหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่แล้วมั้งคะ ฉันเอาเอกสารที่คุณบอกว่าจะต้องเอาไปยื่นให้ด้วยตัวเองไปให้ แล้วก็ลงมาเลยน่ะค่ะ”

“แล้วคุยเรื่องอะไรกันอีกเหรอครับ”

“คะ?”

“ตอนเอาเอกสารไปให้น่ะ คุยอะไรกันเหรอครับ”

อีอูยอนคิดว่าคงมีเหตุผลที่ชเวอินซอบที่ทำหน้าเขินอายและมองตนในตอนเช้าเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน อีดายองเอียงหัวด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยตอบ

“ไม่รู้สิคะ ก็แค่บอกว่าห้องสวยจัง แล้วฉันก็ชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อหลังจากที่กลับโซลแล้ว แล้วก็ให้เบอร์โทรศัพท์ไปน่ะค่ะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก”

ยิ่งเธอพูด อูยอนก็ยิ่งเครียด อีอูยอนยิ้มพร้อมกับถามว่า ‘เบอร์โทรศัพท์เหรอครับ’

“ค่ะ เพราะเมื่อวานมีเรื่องที่ฉันทำผิด ฉันก็เลยจะเลี้ยงข้าวเขาน่ะค่ะ”

“ที่จริงไม่จำเป็นหรอกครับ”

“คะ?”

“ผมบอกว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวคุณอินซอบหรอกครับ เพราะยังไงเขาก็ได้เงินค่าอาหารจากทางบริษัทอยู่แล้ว”

อีดายองไม่เข้าใจเลยว่าอีอูยอนต้องการจะพูดอะไรกับเธอกันแน่ เธอถึงเอียงหัวด้วยความสงสัย

ตอนนั้นเองหนึ่งในสตาฟก็เข้ามาที่ล็อบบี้ สตาฟคนนั้นถอนหายใจก่อนจะเอ่ย

“ตอนนี้ด้านหลังโน้นวุ่นวายกันใหญ่เลย ใครก็ไม่รู้โดนพวกเด็กขายยาจับผิดตัว แล้วก็ล้มลงไปทั้งที่มีเลือดเต็มตัวไปหมดเลย”

“ว่าไงนะ พูดอะไรเนี่ย นี่เป็นบริเวณโรงแรมนะ”

“อีกฟากหนึ่งของถนนโน้นไง ในไกด์บุ๊คเขียนเอาไว้ว่าตอนกลางคืนห้ามไปที่อีกฟากหนึ่งของถนนเด็ดขาด ไม่ได้อ่านเหรอ เพราะฝั่งโน้นเป็นชุมชนเสื่อมโทรมน่ะ พวกคนติดยาก็เยอะ ได้ยินมาว่าแค่เข้าห้องน้ำผิดก็โดนแทงแล้ว ถึงจะโชคดีที่จับคนร้ายได้ก็เถอะ แต่คนที่โดนแทงน่ะ น่าสงสารมากเลยนะ”

“ที่ไหนเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“คะ?”

พออีอูยอนพูดกับตนเองอย่างกะทันหัน สตาฟคนนั้นก็ถามกลับด้วยความตกใจ

“ใคร ที่ไหน…แล้วคนที่โดนแทงมีลักษณะยังไงเหรอครับ”

“ไม่ใช่ค่ะ คือไม่ใช่ตรงถนนเส้นหลักนั้นนะคะ แต่เป็นเส้นที่เลยออกไปหน่อย คนมุงกันเต็มเลยค่ะ เหมือนเขาจะบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชียด้วยมั้งคะ”

พอคำพูดสุดท้ายจบลง อีอูยอนก็วิ่งออกจากล็อบบี้ของโรงแรมไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง แม้เขาจะชนคนที่ถือสัมภาระเข้ามาตรงหน้าโรงแรม แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยขอโทษด้วยซ้ำ

ชาวเอเชียที่โดนแทง

คำคำนั้นติดอยู่ในหัวของเขา อีอูยอนเดินข้ามถนนที่ไม่มีทางม้าลายทั้งอย่างนั้น แม้รถที่เห็นเขาจะต้องหยุดอย่างกะทันหันและพ่นคำด่าใส่เขา แต่เขาก็ยังก้าวเดินต่อไปโดยไม่มองข้างๆ เลย พอหลุดออกมาจากถนนเส้นหลัก ก็พบคนแออัดกันอยู่ที่ตรอกที่ต้องเดินเข้าไปอย่างที่สตาฟพูดจริงๆ

อีอูยอนผลักคนที่มุงดูอยู่ออกไปข้างๆ และเดินเข้าไปในนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยกับตำรวจที่มาถึงก่อนแล้วกำลังเอาผู้เคราะห์ร้ายขึ้นเปลหาม พื้นเปียกโชกไปด้วยเลือดที่ไหลมาจากตัวชาวเอเชียที่โดนแทง วินาทีที่เห็นภาพนั้น อีอูยอนก็รู้สึกว่าเลือดกำลังไหลออกมาจากหัวใจของตน

อีอูยอนคว้าแขนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้

[มีอะไรครับ]

[จะขอดูสักครู่น่ะครับ]

[ว่าไงนะครับ]

[ผมจะเช็คดูว่าใช่คนรู้จักหรือเปล่าน่ะครับ]

[พูดอะไรของคุณน่ะ ถ้าอยากจะเช็ค ก็ต้องไปที่สถานีตำรวจสิครับ เช็คที่นี่ตอนนี้ไม่ได้หรอก]

อีอูยอนรู้ดีว่าการเอาผ้าสีขาวปิดหน้าจนหมดหมายความว่าอะไร เขาผลักเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ห้ามตนออกไป เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านั่นเป็นชเวอินซอบหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเขาไม่อาจถอยออกจากที่นี่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

เขาดึงผ้าสีขาวที่คลุมเปลหามอยู่ออก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามจะห้ามเขาโมโห และดึงแขนอีอูยอนเอาไว้ ด้วยเหตุนั้น ‘สิ่ง’ ที่อยู่บนเปลหามจึงตกลงบนตัวของอีอูยอน

[ทำอะไรครับ! รู้หรือเปล่าครับว่าตอนนี้คุณกำลังทำเรื่องที่สามารถทำให้คุณโดนจับได้!]

น้ำเสียงโมโหของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังขึ้นเหนือหัวของเขา อีอูยอนมองหน้าของสิ่งที่ล้มลงมาบนตัวเขา หัวใจของอีอูยอนบีบรัดในชั่วพริบตา

[ทำอะไรของเขาน่ะ! เขารู้จักกับผู้เคราะห์ร้ายเหรอ]

[เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ อาจจะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกันหรือเปล่า]

[ขอโทษครับ]

อีอูยอนเอ่ยขณะที่เปลหามถูกนำขึ้นรถอีกครั้ง

[ผมคิดว่าเป็นคนรู้จัก เพราะได้ยินว่ารูปพรรณสัณฐานคล้ายกันน่ะครับ]

รูปพรรณสัณฐานที่เขาได้ยินมีแค่เรื่องที่เป็นคนเอเชียเท่านั้น เขาข้ามถนนมาเหมือนกับคนบ้า ผลักเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไป และดึงผ้าที่คลุมศพอยู่ออกเพราะคำคำนั้น

คนที่นอนอยู่บนเปลหามไม่ใช่ชเวอินซอบ และไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นผู้หญิง เขาทำเรื่องที่น่าจะถูกใครก็ตามที่ได้ยินหัวเราะเยาะว่าเป็นคนโง่

อีอูยอนลุกขึ้น และขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสุภาพ

[ผมไม่เห็นเพื่อนร่วมกลุ่มของผมก็เลยกำลังตามหาอยู่น่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับที่สร้างปัญหา]

เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจเชื่อ เพราะชาวเอเชียที่ก่อเรื่องมีภาพลักษณ์ใสซื่อ และกำลังทำหน้าตาเป็นกังวลจากใจจริง

[ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ แต่ถ้าคราวหน้าคุณทำแบบนี้อีกจะถูกจับกุมนะครับ ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้แล้วก็ไปได้แล้วครับ แล้วก็ถ้าดึกแล้วเพื่อนร่วมกลุ่มยังไม่กลับมา ก็มาที่สถานีตำรวจนะครับ]

เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ และกลับไปจัดการศพอีกครั้ง หลังจากที่บอกโรงแรมที่พักกับหมายเลขห้องที่ตนเองพักอยู่และชื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้ว อีอูยอนก็ออกจากตรงนั้น

เขาแค่โล่งใจเท่านั้นที่มันไม่ใช่อินซอบ นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเลย

อีอูยอนข้ามถนนและเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม พอเขาเข้ามาด้วยสภาพที่มีเลือดเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาว พวกสตาฟที่รวมตัวกันที่ล็อบบี้ก็ทำหน้าตาตกใจ

“ตายแล้ว! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ คุณอีอูยอนบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ”

“คุณอีอูยอน เลือดนั้นคืออะไรเหรอคะ”

อีอูยอนไม่ตอบ และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของอีดายองทันที เขาโยนคำถามที่โผล่ขึ้นมาในหัวระหว่างที่ข้ามถนนมาใส่เธอ

“เอกสารที่ยื่นให้คุณชเวอินซอบคืออะไรเหรอครับ”

“คะ?”

“เอกสารที่ยื่นให้น่ะครับ”

“เป็นของที่หัวหน้าทีมของบริษัททัวร์บอกให้เอาไปให้น่ะค่ะ คืออะไรน้า อ๋อ ใช่แล้ว เป็นสำเนาบัตรประชาชนที่ใช้ยื่นเพื่อเช่ารถกับประกันของนักท่องเที่ยวน่ะค่ะ เพราะคุณอีอูยอนเป็นดารา กรรมการผู้จัดการคิมก็เลยสั่งให้จัดการพวกสำเนาบัตรประชาชนเป็นอย่างดีค่ะ”

อีอูยอนใช้มือกุมหน้าผากก่อนจะหลับตาลง

“…ข้างในนั้นมีบัตรประชาชนของผู้จัดการส่วนตัวของผมอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ”

“ค่ะ ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคระ ฉันไม่แน่ใจนะคะ เพราะไม่ได้ดูข้างใน แต่มันก็เป็นของที่ต้องยื่นพร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนอยู่แล้วนี่คะ”

อีอูยอนขบริมฝีปาก

ชเวอินซอบได้บัตรประชาชนของตัวเองไว้ในมือแล้ว นั่นหมายความว่าถ้าหากตัดสินใจแล้ว อีกฝ่ายจะสามารถไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้มีสิทธิของพลเมืองชาวอเมริกา ต่อให้ไม่มีพาสปอร์ต ก็สามารถออกจากฮาวายได้อยู่แล้ว

“ทำไมถึงเอาของแบบนั้นให้คุณชเวอินซอบครับ”

“คะ?”

“ผมถามว่าทำไมถึงเอาของแบบนั้นให้คุณชเวอินซอบ!”

พออีอูยอนตวาด คนที่อยู่รอบๆ ก็หันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจกับเหตุการณ์นี้

“ก็ ก็คุณอีอูยอนสั่งให้เอาไปให้เองนี่คะ…”

อีดายองตอบด้วยเสียงสั่นๆ ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา เป็นเขาเองที่สั่งให้อีดายองเอาเอกสารไปยื่นให้ เพราะอยากให้เธอเห็นว่าอินซอบอยู่ในห้องของเขา และก็เป็นเขาเองที่ไม่ยอมถามว่าเอกสารนั้นคืออะไร

และอีอูยอนก็ได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่โยนกุญแจที่ทำให้ชเวอินซองออกไปจากที่นี่ได้ให้เจ้าตัวก็คือตัวเขาเอง เป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่เกิดมาที่อีอูยอนอยากจะฆ่าตัวเองให้ตาย

“คะ คุณอินซอบบอกว่าจะไปในเมืองก่อนหน้านี้…”

ตอนนั้นเองสตาฟคนหนึ่งที่ลงมาทีหลังเห็นสถานการณ์ เขาจึงพูดออกมาอย่างระมัดระวัง

“ว่าไงนะครับ”

“เมื่อกี้เขาบอกว่าจะไปในเมือง ผมก็เลยพาไปส่ง…!”

อีอูยอนกระชากคอเสื้อของสตาฟคนนั้น

“บอกว่าพาใครไปส่งนะครับ?”

“ปะ เปล่าครับ ผมแค่…”

“อินซอบบอกว่าจะออกไป แล้วนายก็ไปส่งงั้นเหรอ เหอะ เหี้ยเอ๊ย”

คนที่อยู่รอบๆ ไม่เชื่อสายตาของตนเอง อีอูยอน อีอูยอนที่ขึ้นชื่อว่าสุภาพและมีมารยาทกำลังสวมเสื้อเปื้อนเลือด และสบถออกมาตรงล็อบบี้ของโรงแรม เป็นภาพที่ไม่สามารถเชื่อได้เลย

“ให้เขาลงตรงไหนครับ”

“ครับ? เอ่อ คือ ให้ลงในเมือง…”

“นั่นแหละ ผมถึงถามว่าในเมืองตรงไหนไง!”

พออีอูยอนเพิ่มแรงที่มือ ผู้ชายที่ถูกเขาจับคอเสื้อก็ร้องดัง อ่อก และส่งเสียงเหมือนกับหายใจไม่ออก

“คะ คุณอูยอนอย่างทำแบบนี้เลยค่ะ สงบลงหน่อย…”

“ถึงจะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่ก็มีคนมองอยู่…นะคะ?”

อีอูยอนโยนผู้ชายคนนั้นลงบนพื้นเหมือนเขวี้ยงออกไป ไม่ว่าจะมีคนมองหรือไม่ เขาก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่นแล้ว นอกจากความจริงที่ว่าชเวอินซอบทิ้งตนไป เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญสำหรับอีอูยอนแล้ว

ชเวอินซอบที่โดนเขากอดเอาไว้และบอกรักเขาตลอดทั้งคืน…ชเวอินซอบที่บิดเร่าด้วยความเสียวซ่านในขณะที่เขาขยายช่องทางของอีกฝ่ายออก และสอดใส่ตัวตนของตัวเองเข้าไปทั้งคืน กำลังหนีไปด้วยขาที่เคยใช้เกี่ยวกระหวัดเอวของเขาไว้

“ปล่อยเขาลงที่ไหนครับ”

“ในเมืองครับ ผมปล่อยเขาลงในเมือง”

“เพราะอย่างนั้นผมถึงถามว่าในเมืองตรงไหนไงครับ”

“ผะ ผมจำไม่ค่อยได้แล้วครับ มันมืด แล้ว…แล้วก็เป็นทางที่ออกไป…”

อีอูยอนยิ้มพร้อมกับฟาดแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะในล็อบบี้ เลือดสีสดไหลลงมาตามนิ้วของเขาทันที

“ทางที่ออกไป? ที่ไหนล่ะครับ ลองพูดให้ชัดเจนหน่อยสิครับ”

อีอูยอนใช้มือที่เลือดไหลไม่หยุดจับให้สตาฟลุกขึ้นมาก่อนเอ่ย คนที่อยู่รอบๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีอูยอน เพราะแววตาของเขาสั่นไหวด้วยความโกรธที่เย็นยะเยือกต่างจากปกติ อีอูยอนช่วยจัดเสื้อผ้าให้สตาฟที่ลังเลเพราะตกใจ แม้เลือดจะไหลเลอะเสื้อผ้า แต่สีหน้าของอีอูยอนกลับเป็นธรรมชาติมาก

“ลองคิดให้ดีสิครับ ว่าปล่อยเขาลงตรงไหน”

“…ละ เลยโรงแรมฮิลตันไปหน่อย…”

พออีกฝ่ายพูดคำนั้นจบ อีอูยอนก็วิ่งออกจากล็อบบี้ไป ทันทีที่ได้กุญแจรถ เขาก็มุ่งหน้าไปในเมือง ทุกครั้งที่ติดไฟแดง เขาจะเหยียบคันเร่งโดยไม่แยแสมันเลยสักนิด เขาจอดรถอย่างลวกๆ ที่จุดที่ผู้ชายคนนั้นบอก และเริ่มวิ่ง อีอูยอนวิ่งและวิ่งเหมือนคนบ้าเพื่อตามหาชเวอินซอบ ถ้าเจอคนที่ดูคล้ายๆ อีกฝ่ายที่ไหน เขาก็จะวิ่งเข้าไปมองหน้า

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท