ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 12-6

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 12-6

อินซอบอ้าขาออกให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ และช่วยให้อีอูยอนสามารถเข้ามาได้ลึกกว่าเดิม แก่นกายแข็งขืนกระทบ ถูไถ และกระแทกโดนผนังด้านในของเขา อินซอบร้องไห้พร้อมกับบอกชอบอีอูยอนหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งที่เขาทำแบบนั้น อีอูยอนก็จะกระแทกเอวเข้ามาแรงยิ่งขึ้น

“ชอบ…อ๊ะ! อ๊า…ชอบ ครับ…คุณอูยอน! ชะ ชอบ…นะครับ!”

“พูดอีกสิครับคุณอินซอบ ทุกครั้งที่คุณพูดแบบนั้น ไอ้นั่นของผมเหมือนจะระเบิดเลยครับ พูดเรื่อยๆ นะครับ”

“อ๊ะ! ฮึก แฮ่ก ชอบนะครับ…คุณอูยอน อึก…”

อินซอบพูดไปครางไปจนไม่เป็นภาษาผสมกับเสียงร้องไห้ เขากอดอีอูยอนไว้ ใบหน้าดูดีของอีอูยอนถูกย้อมไปด้วยความต้องการ

“คุณอินซอบ คุณอินซอบ…แฮ่ก เหมือนจะเป็นบ้าเลยครับ…มันอร่อยมาก คุณอินซอบคิดอย่างนั้นไหมครับ”

“ครับ อ๊ะ!…คะ คุณอูยอน ผม ผม!”

ส่วนอ่อนไหวของอินซอบถูไถกับหน้าท้องแข็งแกร่งของอีอูยอนและเต็มไปด้วยความต้องการจนกระตุก เขากำลังไปถึงจุดสุดยอดอย่างช้าๆ อินซอบกอดอีอูยอนไว้และเริ่มขยับเอวเอง ภาพที่อีกฝ่ายขยับเอวด้วยสีหน้าคล้ายจะเขินอายเป็นอย่างมากจุดไฟปรารถนาให้อีอูยอน

เขาร้องเหมือนสัตว์ป่าก่อนจะกระแทกเอวเข้ามาเต็มแรง พออินซอบที่ไปถึงจุดสุดยอดก่อนและปลดปล่อยออกมา น้ำรักอุ่นร้อนของเขาก็กระเซ็นมาโดนหน้าท้องของอีอูยอน อีอูยอนกระแทกเข้าไปในตัวอีกฝ่ายด้วยร่างกายที่สั่นระริกเพราะความรู้สึกที่ช่วงล่างของอีกคนนั้นรัดจนแน่น เขาปล่อยน้ำอุ่นๆ เข้าไปในตัวอินซอบ น้ำกามที่อีอูยอนปล่อยเข้าไปไหลออกมาตามการขยับของช่องทางรักที่ขมิบเป็นพักๆ

“แฮ่ก แฮ่ก…”

อินซอบพ่นลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมาและผ่อนคลายความตึงเครียดในร่างกาย อีอูยอนเองก็ปรับลมหายใจและยันตัวขึ้น น้ำรักที่เปรอะเปื้อนบนหน้าท้องของอีอูยอนหยดลงมาบนตัวของอินซอบ

ความรู้สึกที่ไหลจากข้างล่างขึ้นข้างบนปลุกความละอายใจของอินซอบขึ้นมา ขนตาของอินซอบสั่นไหว อีอูยอนลูบหัวอินซอบพลางเอ่ยถาม

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“…”

“ไม่เจ็บใช่ไหมครับ”

อย่าว่าแต่เจ็บเลย เขารู้สึกดีจนเหมือนจะขาดใจตายด้วยซ้ำ แต่เขาพูดแบบนั้นออกไปไม่ได้ พออินซอบปิดปากเงียบพร้อมกับทำหน้านิ่ง อีอูยอนก็ขมวดคิ้วเบาๆ เขาลังเลก่อนจะเอ่ยขอโทษอินซอบ

“ผมไม่นึกว่าคุณจะเจ็บ”

“ไม่ เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ”

ริมฝีปากของอีอูยอนแตะเข้าที่แก้มของอินซอบ พร้อมกับกระซิบคำขอโทษอีกครั้ง ทุกครั้งที่ริมฝีปากเฉียดแก้ม อินซอบจะรู้สีกจั๊กจี้ และเผลอหัวเราะ เขาดันไหล่อีอูยอนไว้ในขณะที่หัวเราะไปด้วย

“จั๊ก…”

เขาสบตากับอีอูยอนด้วยดวงตาที่ยิ้มอยู่ ในตอนนั้นสีหน้าของอีอูยอนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยมากๆ ถึงขั้นที่ว่าหากไม่ตั้งใจมองก็จะไม่รู้

อินซอบคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า เขากะพริบตาและมองหน้าอีอูยอนอีกครั้ง อีอูยอนกำลังก้มลงมองเขาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับปกติ

“คุณอินซอบ”

“…ครับ”

“ช่วยยิ้มให้มากขึ้นได้ไหมครับ”

อีอูยอนใช้นิ้วลูบเปลือกตากับริมฝีปากของอินซอบ

“ผมคิดว่าคุณสวยเวลาร้องไห้…แต่พอยิ้มแล้ว กลับสวยกว่า”

คราวนี้หน้าของอินซอบแดงขึ้นมาในทันทีเพราะคำพูดนั้น ความร้อนขึ้นมาที่ใบหน้า ลมหายใจที่พ่นออกมาก็ร้อนไปด้วย

‘ช่วยยิ้มให้มากขึ้นหน่อยนะครับ’

อีอูยอนกระซิบในขณะที่กอดอินซอบไว้ ต่อไปช่วยยิ้มให้หน่อยนะครับ คุณอินซอบ

ไม่รู้ทำไมคำพูดที่พูดอย่างรักใคร่ถึงทำให้ใจเจ็บ อินซอบน้ำตาไหลในขณะที่ก้มหน้าลง อีอูยอนเดาะลิ้นเบาๆ ก่อนจะกอดอินซอบอย่างแนบชิด

“ขอแก้ครับ แค่อยู่ข้างๆ ผมเฉยๆ ก็พอ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรคุณก็สวยอยู่แล้ว”

อินซอบกอดเขาไว้และพยักหน้า ตัวเลือกที่เขาสามารถเลือกได้มีแค่สิ่งนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

และการจูบที่ยาวนานของคนทั้งสองคนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

***

คนทั้งคู่เลื่อนวันกลับประเทศออกไปอีกหนึ่งวัน และใช้เวลาอยู่ที่ฮาวาย ทันทีที่ทั้งคู่กลับมาถึงเกาหลีก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น อินซอบเห็นนักข่าวจำนวนมากมารวมตัวกัน และคิดว่าไม่ว่าจะมีอะไรผิดปกติ มันต้องเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมากแน่ๆ

คนทั้งคู่กันพวกนักข่าวออกไปได้อย่างยากลำบาก และสามารถขึ้นรถมาได้ เพราะกรรมการผู้จัดการคิมที่ออกมารับพวกเขาทั้งคู่ที่สนามบิน กรรมการผู้จัดการคิมที่โมโหตั้งแต่หัวจรดเท้าตะโกนใส่อีอูยอนว่า ‘แกยังมีสติดีอยู่หรือเปล่า’ อีอูยอนยิ้มหวานพร้อมกับถามกลับว่า ‘ทำไมเหรอครับ’

“ทำไมงั้นเหรอ ทำไมอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้นายพูดคำว่าทำไมออกมาเหรอ!?!”

หัวหน้าทีมชาบอกให้ใจเย็นๆ และห้ามกรรมการผู้จัดการคิมไว้

“คิดว่าฉันจะใจเย็นได้งั้นเหรอ ไอ้ ไอ้ ไอ้บ้านั่น…มันไปทำเรื่องแบบนั้นไว้ที่ฮาวายนะ!”

“ผมทำอะไรเหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมโยนหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ให้ รูปของผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นอีอูยอนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเลือด และยืนอยู่ตรงถนนถูกตีพิมพ์ลงในนั้นพร้อมกับคำว่า ‘การวิ่งอย่างบ้าคลั่งของอีอูยอนกับข่าวลือในการใช้ยา’ เขียนอยู่ด้วยตัวอักษรตัวหนา

“ว้าว นี่มันสามคนสร้างเสือนี่ คุณอินซอบรู้ไหมครับว่าสามคนสร้างเสือหมายความว่าอะไร”

“…เป็นสำนวนจีนที่หมายถึงคนสามคนทำให้เสือปรากฏขึ้นมาหรือเปล่าครับ”

อีอูยอนรู้แล้วว่าอินซอบไม่เก่งเรื่องสำนวนจีน เขาจึงโยนคำถามแบบนี้ใส่อีกฝ่ายเสมอ

“ใช่แล้วครับ เป็นสำนวนจีนที่ใช้ในเวลาแบบนี้น่ะครับ ผมคงไปสร้างเรื่องไม่ดีอะไรเอาไว้”

“ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่านายไปสร้างเรื่องอะไร นายเดินไปเดินมาในเมืองด้วยสภาพแบบนี้เหรอ ยิ่งกว่าไปกว่านั้นยังตีสตาฟคนนึงด้วย”

ดูเหมือนกรรมการผู้จัดการคิมจะตั้งใจระวังคำพูดเวลาอยู่ข้างๆ ชเวอินซอบด้วยการพูดแค่นั้น

“ผมน่ะเหรอครับ ไม่มีทางหรอกครับ”

อีอูยอนโบกมือเหมือนกับอีกฝ่ายพูดอะไรไร้สาระ

“ถ้าผมตีคนจริงๆ คิดว่ามันจะมาโผล่บนหนังสือพิมพ์เม้าท์ดาราเหรอครับ ต้องไปโผล่ในข่าวเช้าตอนเก้าโมงนู่นสิ”

“…”

“…”

“…“

“ทำไมไม่มีใครหัวเราะเลยล่ะครับ ผมล้อเล่นอยู่นะ”

เป็นคำพูดเล่นที่คนทั้งสามคนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนหัวเราะไม่ออก อีอูยอนหรี่ตาและเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์

“ตีสตาฟหรือเปล่า”

“ไม่ได้ตีครับ ไม่มีเวลาจะไปตีด้วย ผมแค่ผลักเบาๆ เอง เบาๆ น่ะ”

“ถ้ามันฟ้องนายขึ้นมาจะทำยังไง!”

“ก็ใช้เงินปิดปากสิครับ กรรมการผู้จัดการโยนเงินให้เขาจะว่าอะไรได้ล่ะครับ เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว น่าจะมีเงินเข้ามาพอสมควรนะครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมเกือบจะควันออกหู หัวหน้าทีมชาที่ขับรถอยู่คิดว่าเขาต้องพูดอะไรสักอย่างก่อนที่กรรมการผู้จัดการคิมจะตายไปแบบนั้นจริงๆ จึงเปิดปาก

“แต่คนที่เห็นก็เยอะนี่นา แล้วก็ไปทั้งๆ แบบนั้นน่ะเหรอ คิดอะไรอยู่กันแน่ ไม่สมกับเป็นนายเลย”

“นั่นสินะครับ”

อีอูยอนยิ้มพลางตอบรับ ความจริงแล้วความทรงจำในตอนนั้นก็ปะติดปะต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง เพราะอยู่ในสภาพที่โกรธจัด เขาคิดแค่ว่าชเวอินซอบทิ้งตนและหายไป เขาก็เลยมุ่งมั่นอยู่กับการตามหาอีกฝ่ายเท่านั้น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น…เหรอครับ”

อินซอบที่ไม่ได้ฟังเรื่องในวันนั้นอย่างละเอียดชี้ไปที่รูปของอีอูยอนที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ก่อนจะเอ่ยถาม

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ อย่าสนใจเลย”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่! นี่ โฆษณาของนายโดนถอดไปสองตัวแล้วนะ”

“โดนถอดไปแค่สองตัวเองเหรอครับ ดูเหมือนคำพูดที่ว่า ‘จะต้องสะสมความดีไว้ในเวลาปกติ’ จะเป็นเรื่องจริงนะครับ โชคดีจังเลย”

กรรมการผู้จัดการคิมหายใจติดขัดก่อนจะกุมต้นคอเอาไว้ หัวหน้าทีมชาถามอย่างเป็นห่วงว่า ‘กินยาความดันไหมครับ’

“นายทำแบบนั้นไปทำไมกันแน่ จะลาออกจากการเป็นดาราเหรอ”

“เปล่าครับ”

“แล้วทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงอาละวาดในที่ที่มีคนเยอะแบบนั้น?!”

“ผมมีเหตุผลให้อาละวาดนะครับ”

“เพราะแบบนั้นฉันถึงถามว่าเหตุผลคืออะไรไง ช่วยโน้มน้าวใจฉันสักครั้งหน่อย ฉันจะได้เอาไปบอกพวกนักข่าว”

กรรมการผู้จัดการคิมเอี้ยวตัวไปข้างหลังก่อนจะเอ่ย อีอูยอนยิ้มจางๆ พลางมองอินซอบ อินซอบที่พอจะเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้วรีบหลบสายตา

“มีของให้หาน่ะครับ”

“หาอะไรล่ะ? เพชร? ทอง? ผู้หญิง?”

“สามอย่างนั้นถ้าตั้งใจจะหาตอนไหนก็ได้ครับ”

“…นั่นสิ ฉันรู้ว่านายหล่อ แต่ไอ้ของที่ทำให้นายอาละวาดตามหาแบบนั้นน่ะคืออะไร”

“เป็นของที่หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาดเลยครับ”

“แล้วมันคืออะไรล่ะ”

“มีนะครับ ของแบบนั้นน่ะ”

ใบหน้าของอินซอบแดงซ่าน

“นี่! โอ๊ย ให้ตายเถอะ ฉันแก่ แก่เพราะนาย…หัวหน้าทีมชา จองคลินิกเสริมความงามให้ที ฉันแก่ลงไปหกปีเพราะไอ้บ้านี่แล้ว”

“ทราบแล้วครับกรรมการผู้จัดการ”

หัวหน้าทีมชาพยักหน้าพลางเอ่ยตอบ อีอูยอนมองคนทั้งคู่จากทางด้านหลัง และเอ่ย

“มองพวกคุณแล้ว เหมือนคู่สามีภรรยาจริงๆ นะครับ”

“ว่าไงนะ อย่าพูดจาน่าขนลุกสิ พวกเราดูเหมือนผัวเมียกันตรงไหน”

“ก็หัวหน้าทีมชาเป็นแม่ที่ฉลาด ส่วนกรรมการผู้จัดการคิมก็เป็นพ่อที่ไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่ไงครับ”

“หยุดพูด! ฉันจะอ้วก!”

กรรมการผู้จัดการคิมตะโกน ส่วนหัวหน้าทีมชาก็เหลือบอีอูยอนผ่านกระจกมองหลัง

“งั้นผมก็เป็นลูกชายเหรอครับ”

พออีอูยอนถามอย่างหน้าไม่อาย กรรมการผู้จัดการก็ทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะตวาด

“คลอดลูกชายอย่างนายออกมา หัวหน้าทีมชาก็เหมือนสอบตกหรือเปล่า”

“…กรรมการผู้จัดการครับ ถึงจะขับรถอยู่อย่างนี้ แต่ผมก็สามารถทำให้จมลงไปใต้สะพานอินชอนได้นะครับ”

อีอูยอนที่หัวเราะเบาๆ นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเรียกกรรมการผู้จัดการคิมอย่างกะทันหันว่า ‘พ่อ’

“ว่าไงนะ นายเรียกฉันว่าอะไรนะ”

“ก็แค่ลองเรียกดูสักครั้งเท่านั้นเองครับ”

“ฉันไม่เคยมีลูกอย่างนาย หยุดพูดจาน่าขนลุกได้แล้ว”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

อีอูยอนหัวเราะพร้อมกับเอนตัวพิงเบาะรถ อินซอบมองเขาเงียบๆ จากทางด้านข้าง

“แล้วนายมัวแต่ทำอะไรอยู่กันแน่”

คราวนี้เสียงบ่นของกรรมการผู้จัดการคิมเปลี่ยนไปทางอินซอบ

“ขอโทษครับ”

“แค่ขอโทษเหรอ นายจะต้องโดนดุด้วย ถ้าอีอูยอนทำตัวหยาบคาย นายก็จะต้องห้ามเขาไว้ทุกวิถีทางสิ ตอนนั้นนายไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ถึงปล่อยให้ปัญหามันบานปลายถึงขนาดนี้”

อีอูยอนที่หัวเราะด้วยสีหน้าผ่อนคลายจนถึงเมื่อกี้เรียกกรรมการผู้จัดการคิม

“กรรมการผู้จัดการคิมครับ”

“มีอะไร”

“คุณอินซอบไม่ได้อยู่ที่นั่นครับ”

“นั่นแหละ เขาถึงต้องโดนดุด้วยไง!”

“คนเขาเหนื่อย เพราะเพิ่งลงจากเครื่องมาได้ไม่นานนะครับ เดี๋ยวค่อยคุยกันเถอะครับ”

“เดี๋ยวน่ะเมื่อไหร่ล่ะ ไหนๆ ก็พูดออกมาแล้ว ก็พูดให้จบไปเลยสิ อินซอบถ้านายอยากจะทำงานกับหมอนี่ต่อไปในอนาคต…”

“กรรมการผู้จัดการคิมครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของอีอูยอนที่เอ่ยเรียกตนไม่ปกติ จึงหันกลับไปมองด้วยความตกใจ

“คนที่ทำผิดคือผมนะครับ ดุผมแค่คนเดียวก็พอครับ ปล่อยคุณอินซอบไปเถอะ”

“ไม่ครับ เพราะผมไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง…ขอโทษนะครับ”

“อยู่เฉยๆ เถอะครับ เพราะคุณอินซอบไม่ได้ทำอะไรผิดเลย กรรมการผู้จัดการคิมเองก็รู้นี่ครับ”

แม้จะเป็นโทนเสียงที่สุขุม แต่น้ำเสียงกลับเฉียบขาดและเย็นชา กรรมการผู้จัดการคิมผู้ซึ่งรู้ว่าปกติแล้วอีอูยอนไม่ได้มีนิสัยเข้าข้างใครมองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่า ‘อะไรกันเนี่ย’ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

อย่าบอกนะว่า…

กรรมการผู้จัดการคิมมองชเวอินซอบกับอีอูยอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ อินซอบเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนอีอูยอนก็ทำหน้าผ่อนคลายเหมือนปกติ และอ่านหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เรื่องการใช้ยาของตนเองอยู่

เมื่อกี้จู่ๆ ก็เรียกเราว่าพ่อ…ไม่มีทางน่า หมอนั่นมันชอบผู้หญิงมากนี่นา

กรรมการผู้จัดการคิมลบความคิดไร้สาระที่ผ่านมาในหัวทิ้งไปก่อนจะหันกลับไปข้างหน้า เปลี่ยนไปขนาดไหนนะ กรรมการผู้จัดการคิมได้ยินอีอูยอนบอกอินซอบว่า ‘นอนพิงผมสิครับ’ ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังด้วยความตกใจ

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม ใบหน้านั้นอ่อนโยนและสงบมาก แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ไม่กล้าพูดสิ่งที่โผล่เข้ามาในหัวออกมา

“…ไม่มีอะไร”

ปล่อยไปก่อนเถอะ เพราะพวกเขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก คงจะไม่มีอะไรไปสักพักแหละ กรรมการผู้จัดการคิมพยายามสงบจิตสงบใจพร้อมกับนั่งตัวตรง

แต่จิตใจที่ว้าวุ่นกลับทำให้ภายในของเขาปั่นป่วนเหมือนคนเมารถ

***

เสียงครางที่กลั้นไว้ดังออกมาจากในรถ เสียงท่อนเนื้อเฉียดผ่านเมือกเหนียวๆ เพิ่มความเร็วขึ้น ผ่านไปได้ไม่นานเสียงอุทานก็ดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม

“อึก!”

ชายหนุ่มดึงใบหน้าของอีกฝ่ายที่ซุกหน้าอยู่กับช่วงล่างของตนขึ้นมาในขณะที่ซอยเอวถี่ๆ หลังจากกระแทกเอวเบาๆ ต่ออีกสองถึงสามครั้งเขาก็ค่อยๆ ถอนเอวออกไปด้านหลัง

“ดื่มหมดหรือยังครับ”

“…ครับ”

อีอูยอนใช้มือเช็ดน้ำกามสีขาวขุ่นที่เปื้อนปากของอินซอบออกก่อนจะยื่นให้พลางพูดว่า ‘กินนี่ด้วยครับ’ อินซอบทำสีหน้าไม่ดีเล็กน้อยๆ ก่อนจะเอานิ้วของอีอูยอนเข้าปากและเริ่มเลีย

“แต่ว่าทำไมจะต้องดื่มให้หมดด้วยล่ะครับ”

อินซอบขมวดคิ้วให้กับรสชาติติดคาวปลายๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยท่าทีเหมือนบ่นพึมพำ

“เพราะผมอยากเติมเต็มภายในของคุณอินซอบให้เต็มด้วยของของผมครับ”

“…”

“ผมอยากจะให้อวัยวะภายในของคุณแฉะทั้งหมด ทั้งข้างบนทั้งข้างล่าง”

ความปรารถนาอันแรงกล้าอัดแน่นอยู่ในดวงตาของชายหนุ่มที่พูดแบบนั้นในขณะที่ลูบผมเขาไปด้วย

“ทำไมครับ กลัวว่าจะท้องเหรอ”

“…!”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท