ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนพิเศษ 2

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนพิเศษ 2

ตอนพิเศษ 2 < The motto of a company >

หัวหน้าทีมชาอ่านหนังสือพิมพ์ก่อนจะเดาะลิ้นและส่ายหน้า

“เห็นข่าวนี้หรือยังครับ”

“อะไรเหรอ”

กรรมการผู้จัดการคิมที่กำลังจัดเนคไทอยู่เบนสายตาไปที่หนังสือพิมพ์

“คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งรับเด็กคนหนึ่งมาเป็นลูกบุญธรรม แต่เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่ไม่ปกติอย่างมากเพราะพ่อแม่เป็นฆาตกร ทันทีที่เกิดมาก็เลยถูกส่งไปที่สถานรับเลี้ยง แต่สุดท้ายเด็กคนนั้นก็ฆ่าพ่อแม่บุญธรรมทิ้งทั้งคู่เลยครับ”

“อ๊าก นี่มันอะไรกันเนี่ย เรื่องนี้เกิดในประเทศเราเหรอ ไม่ใช่ในต่างประเทศหรอกเหรอ”

“อ่านหนังสือพิมพ์สิครับ หนังสือพิมพ์น่ะ”

“ไม่เอาหรอก”

กรรมการผู้จัดการคิมตัวสั่นพลางนิ่วหน้า

“เขาถึงได้บอกไงว่าอย่าเก็บสัตว์ผมดำมาเลี้ยงโดยไม่คิดให้รอบคอบ”

“…ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากเอาคำพูดนั้นมาแขวนไว้เป็นคติประจำบริษัทของเรานะครับ”

“ทำไมล่ะ”

หัวหน้าทีมชาทุบอกตัวเองเพราะคำตอบโง่ๆ ของกรรมการผู้จัดการคิม ในขณะเดียวกันประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยอีอูยอนที่พุ่งพรวดเข้ามา

“แม่งเอ๊ย ผมบอกไม่ให้รับงานตอนเย็นวันนี้ไงครับ! ใครเป็นคนรับงานครับ!”

หัวหน้าทีมชารู้สึกถึงเดจาวูแปลกๆ จากภาพของอีอูยอนที่เดินเข้ามาอย่างกะทันหันพร้อมกับพ่นคำด่าไปด้วย

“ก็ต้องรับไว้สิ นี่เป็นรายการสำคัญนะ”

“จะเป็นรายการสำคัญอะไรก็ช่าง ผมไม่ไปครับ”

“ว่าไงนะ นายจะโดดงานเหรอ”

“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าให้ทำตารางงานตั้งแต่เย็นวันนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ให้ว่างตลอดทั้งวัน”

“นี่ ช่วงนี้ภาพลักษณ์ของนายไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ นายยังจะทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ของอีอูยอนที่จริงใจ ใจดี และสุภาพเสียหายอย่างหนัก แต่เขาว่ากันว่าคนรวยจะอยู่ต่อได้อีกสามปีหลังจากที่ล้มละลาย แม้คนที่เชื่อมั่นในตัวเขาจะยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่แอนตี้แฟนก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน

ถึงจะมีสายตาชื่นชมเขามากกว่าเมื่อก่อน และมีผู้กำกับโทรศัพท์มาหาเขาอยู่ตลอดก็ตาม แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ยังคิดว่าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป การที่ไอ้บ้านั่นจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

“เอาล่ะครับ ช่างภาพลักษณ์อะไรนั่น เพราะผมจะต้องไปสนามบินตอนนี้”

“สนามบินเหรอ ไปสนามบินทำไม”

“คุณอินซอบมาครับ”

“ว่าไงนะ อินซอบมาเหรอ วันนี้เหรอ มาเกาหลีเนี่ยเหรอ”

“ขอกุญแจด้วยครับ”

“…กุญแจอะไร”

“เอารถที่เร็วที่สุดครับ ผมรีบ”

อีอูยอนยื่นมือมาขอยืมรถเหมือนกับฝากไว้ รถที่กรรมการผู้จัดการคิมมีเป็นรถระดับสูงที่ซื้อขายกันในราคาร้อยล้านเป็นอย่างต่ำ กรรมการผู้จัดการคิมมองอีอูยอนที่ขอยืมรถเขาอย่างสง่าผ่าเผยแม้จะเพิ่งทำรถเบนซ์พังไปครึ่งคันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“ถ้านายเป็นฉัน นายจะให้ไอ้ฆาตกรรถเบนซ์ยืมรถไหม”

“ไม่ให้ครับ”

“ใช่ คิดได้ดะ…”

“แต่กรรมการผู้จัดการไม่ใช่ผม เพราะฉะนั้นขอคันที่เร็วที่สุดด้วยครับ”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมหันไปมองหัวหน้าทีมชาด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ หัวหน้าทีมชากลัวว่าตัวเองจะโดนเล่นงานไปด้วยจึงรีบหันหน้าหนี พอเห็นว่ากรรมการผู้จัดการคิมไม่ยอมหยิบกุญแจรถออกมา อีอูยอนก็เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานด้วยตัวเองและเริ่มค้นหา

“อย่านะ! นั่นเป็นแลมโบกินี่ที่ฉันยังขับได้ไม่ถึงยี่สิบครั้งเลยนะ!”

“งั้นผมจะทำให้ครบยี่สิบครั้งเองครับ”

อีอูยอนเอากุญแจใส่กระเป๋า กรรมการผู้จัดการคิมกลั้นน้ำตาเอาไว้ก่อนจะพูดกำชับว่า ‘ขับระวังๆ’ เพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะไอ้บ้านี่ได้ด้วยแรง

“ผมจะค่อยๆ ขับครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“…ห่วงสิ”

อีอูยอนหันกายไปด้วยสีหน้าอารมณ์ดี เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงยิ้มโชว์ฟันเต็มที่ก่อนจะเอ่ยถาม

“เบาะรถคันนี้เอนไปข้างหลังได้เยอะไหมครับ”

“…”

“ถ้าเอนพอดีๆ ก็คงจะไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจหรอกครับ”

ความต้องการที่ตรงไปตรงมาฉายอยู่ในแววตาของอีอูยอน ก่อนออกไปอีอูยอนบอกว่า ‘วันนี้ผมคงป่วยจากการทำงานหนักมากเกินไป’ ก่อนจะจากไป

กรรมการผู้จัดการคิมทรุดนั่งลงบนโซฟา ความสิ้นหวังติดอยู่ที่สีหน้าของเขา หัวหน้าทีมชาชี้ไปที่ข่าวน่ากลัวในหนังสือพิมพ์ที่อ่านเมื่อกี้ กรรมการผู้จัดการคิมเองก็มองสิ่งนั้นและพึมพำอย่างหมดแรง

“…หมอนั่นคือสัตว์ผมดำชัดๆ”

“ตอนนี้รู้แล้วสินะครับ”

“โอ๊ย แล้วจะแก้ตัวกับโปรดิวเซอร์ว่ายังไงล่ะ…อยากจะบ้าตาย ไอ้สัตว์ผมดำเฮงซวยไม่รู้จักบุญคุณที่เลี้ยงมาเอ๊ย!”

กรรมการผู้จัดการคิมทึ้งผมตัวเอง หัวหน้าทีมชาเดาะลิ้นก่อนจะพับหนังสือพิมพ์ให้เป็นระเบียบเหมือนเดิม

“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ อินซอบถึงมาเกาหลีอีกล่ะ ได้รับการติดต่ออะไรมาบ้างไหม”

กรรมการผู้จัดการคิมจัดการความสิ้นหวังอย่างยากลำบากก่อนจะเอ่ยถาม

“ไม่เลยครับ ผมก็เพิ่งจะได้ยินวันนี้ครั้งแรก”

“…อย่าบอกนะว่าจะกลับมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนน่ะ”

“ไม่มีทางหรอกครับ ถ้าเป็นคนมีสมอง หลังจากที่หนีไปได้ไกลขนาดนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะกลับมาอีกครั้งเด็ดขาด…”

แม้จะเศร้าตอนที่อินซอบกลับอเมริกา แต่อีกแง่หนึ่งหัวหน้าทีมชาก็รู้สึกสบายใจ เขาคิดว่าการหนีไปจากกลลวงของอีอูยอนได้น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ชเวอินซอบหลุดออกไปจากลลวงนั้นได้แล้ว และจะกลับมาอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ…

“…กรรมการผู้จัดการ”

ความคิดที่ไม่น่าสบายใจที่โผล่มาในหัวทำให้หัวหน้าทีมชาต้องเรียกกรรมการผู้จัดการคิม

“ว่าไง”

“คือว่า ผมคิดอะไรที่น่ากลัวมากๆ ขึ้นมาได้ ถ้าผมพูดมันออกไป คุณช่วยปฏิเสธว่าไม่ใช่หน่อยได้…”

“…อย่าพูดนะ เพราะฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร”

“…เป็น…เป็นอย่างนั้นเหรอครับ”

“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น”

ความคิดน่ากลัวที่ถูกอธิบายให้เข้าใจด้วยคำที่ใช้เรียกแทนนั้นทำให้หัวหน้าทีมชาตัวสั่นเทา

“เป็นอย่างนั้นแล้วคุณจะว่ายังไงครับ”

“ไม่รู้…ฉันจะไม่คิดด้วย แลมโบกินี่ฉันต้องสกปรกแน่ๆ”

กรรมการผู้จัดการคิมพึมพำอย่างเศร้าใจ พอนึกถึงสีหน้าของอีอูยอนที่ถามว่าเบาะรถเอนได้ถึงไหน หัวหน้าทีมชาก็หนักใจยิ่งขึ้น

“…ทำเป็นคติพจน์กันเถอะ”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ปิดปากเงียบเอ่ย

“ครับ?”

“สัตว์ผมดำน่ะ ทำเป็นคติพจน์กันเถอะ ไปพาคนที่เก่งเรื่องการเขียนพู่กันมา แล้วก็ขอให้เขาเขียนด้วยลายมือที่มีน้ำหนักสักแผ่น เสร็จแล้วก็เอามาทำกรอบแขวนกันเถอะ”

“…กรรมการผู้จัดการ”

“เป็นเพราะฉันทั้งหมด ฉันเก็บมาเลี้ยงเอง…ฉันโดนหลอกด้วยหน้าตา”

กรรมการผู้จัดการคิมยังฝันร้ายถึงวันที่แคสติ้งอีอูยอน หัวหน้าทีมชาซึ่งเข้าใจความรู้สึกนั้นดีกว่าใครตบบ่ากรรมการผู้จัดการคิมเบาๆ กรรมการผู้จัดการคิมใช้ฝ่ามือปิดหน้าของตัวเอง และตำหนิตัวเองว่า ‘เพราะหน้าตา เพราะหน้าตาของหมอนั่น แม่งเอ๊ย หลงกล เพราะหน้าตาของไอ้เฮงซวยนั่น!’

หัวหน้าทีมชานึกถึงอีกคนที่โดนใบหน้านั้นหลอก และรู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาคิดถึงคนคนนั้นที่กำลังบินมาที่เกาหลีตอนนี้พลางพึมพำ

…หนีไปเถอะครับ คุณอินซอบ

เสียงสะท้อนว่างเปล่าที่ไม่มีที่ไปกองสะสมอยู่ในหัวใจของเขาทั้งหมด

นี่เป็นคืนที่ผู้ชายวัยกลางคนสองคนต้องหลั่งน้ำตา

<จบภาคหนึ่ง อ่านต่อในภาคสอง>

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท