“ถ้าอย่างนั้นมันหมายความว่าอะไรเหรอครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมหลุดออกมาจากการระลึกถึงอดีตอย่างรวดเร็ว
“อินซอบ ไม่สิ คุณชเวอินซอบ”
กรรมการผู้จัดการคิมเรียกชเวอินซอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง อินซอบเบิกตาโตเมื่อได้ยินว่าชื่อที่ใช้เรียกตนนั้นต่างออกไป และตอบไปว่า ‘ครับ’
“ทำไมถึงอยากเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนล่ะ เพราะต้องการเงินเหรอ งั้นฉันจะหางานพาร์ทไทม์อื่นให้ เป็นงานที่สบายกว่าเป็นสองเท่า ไม่สิ เป็นสิบเท่าเลย แน่นอนว่าค่าตอบแทนก็ไม่เลวด้วย”
***
หลังจากเกิดเรื่องนั้นวันสองวัน อีอูยอนก็มาที่บ้านของกรรมการผู้จัดการคิม กรรมการผู้จัดการคิมเปิดวิสกี้ที่เขาหวงแหน เพราะเขาคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ลองคุยอย่างตรงไปตรงมาดู แต่การพูดคุยนั้นกลับเป็นไปในทิศทางที่เขาไม่ได้คาดคิดเลย
‘ต่อให้โดนเปิดโปง ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ ผมเลิกทำงานก็ได้ กรรมการผู้จัดการเองก็หาเงินได้มากเท่าที่จะหาได้แล้วนี่ครับ ว่าอย่างนั้นไหมล่ะครับ’
น้ำเสียงนั้นราบเรียบ ไม่ต่างไปจากปกติจนน่าขนลุก และท่าทีก็ดูไม่เหมือนคนที่โดนจับได้ถึงฉากที่เป็นส่วนตัวและลับที่สุด เขาไม่แสดงความละอายใจ ความลำบากใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธที่มนุษย์ควรจะต้องมีให้เห็นเลยด้วยซ้ำ อีอูยอนทำหน้าตานิ่งเฉยเหมือนกับเป็นเรื่องของคนอื่น
ไอ้หมอนี่มันบ้ากว่าที่คิดอีกนะเนี่ย กรรมการผู้จัดการคิมเหงื่อตก และถามถึงแผนการในอนาคต
‘ทำอะไรอะไรกันล่ะครับ มีอะไรเปลี่ยนไปเหรอครับ’
เฮ้ย ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย รู้ไหมว่าวันนั้นฉันต้องฟังคำพูดลามกที่นายพูดถึงไอ้นั่นไปกี่ครั้ง! จ่ายค่าเสียหายให้หูของฉันมาเลย! ฉันขอให้นายคืนสุขภาพจิตของฉันมาด้วย!
กรรมการผู้จัดการคิมกล้ำกลืนความต้องการที่อยากจะตะโกนออกไปแบบนั้นไว้อย่างยากลำบาก
‘…จะเลิกทำงานเหรอ’
อีอูยอนหัวเราะฮ่าๆๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเหล้าเข้าไปอึกหนึ่ง
บอกได้เลยว่าสปอนเซอร์ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู เพราะโฆษณาเหล้าที่อีอูยอนถ่ายเมื่อไม่นานมานี่ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และนี่ก็คือท่าทางที่เขาเป็น รูปร่างของมือที่กำแก้วเหล้า ท่าทาง และสีหน้าตอนที่ดื่มเหล้าเข้าไปคล้ายกันจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ทั้งหมด
กรรมการผู้จัดการคิมพ่นคำด่าใส่เทพเจ้าที่มอบรูปลักษณ์แบบนั้นให้คนแบบนี้
‘ทำไมเหรอครับ’
‘ก็นายบอกว่าต่อให้ต้องเลิกทำงานก็ไม่สนใจนี่’
‘ผมบอกว่าไม่สนใจครับ แต่ใครบอกว่าจะเลิกทำงานกันล่ะครับ’
กรรมการผู้จัดการคิมชำเลืองมองขวดวิสกี้ หากเขาได้รับการสั่งสอนจากที่บ้านมาน้อยกว่านี้สักหน่อย เขาคงเอาขวดนี่ฟาดหัวไอ้หมอนี่ไปแล้ว
กรรมการผู้จัดการคิมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะถามว่า ‘แล้วมาทำไม’
‘ผมไม่สน แต่ดูเหมือนคุณอินซอบจะสนน่ะสิครับ’
‘…’
‘เขาสนใจแน่อยู่แล้วล่ะครับ เขาคิดว่าตัวเองสร้างความเดือดร้อนให้ผม แล้วเขาก็จะเสียใจและกังวลใจด้วย’
อีอูยอนกลั้นยิ้มพลางหลุบตามองด้านล่างคล้ายกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง
‘แม้ว่าท่าทางแบบนั้นจะไม่เลวเลยก็ตาม’
อีอูยอนพึมพำเหมือนพูดคนเดียว และใช้นิ้วเรียวยาวเคาะแก้วคริสตัลเบาๆ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาเหมือนกับตัดสินใจได้
‘เพราะฉะนั้นช่วยแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วยนะครับ’
‘…’
‘เพราะผมไม่ค่อยอยากทำให้เขาร้องไห้นอกเตียง’
‘…’
‘ผมต่างกับกรรมการผู้จัดการตรงที่ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ไม่สิ มีอยู่อย่างหนึ่ง และถ้าของเพียงหนึ่งเดียวนั้นพังไป ผมเองก็ไม่สามารถยืนยันได้นะครับว่าผมจะเป็นยังไง’
อีอูยอนดื่มเหล้าให้หมดภายในรวดเดียวก่อนจะลุกขึ้น
‘ฝากความคิดถึงถึงหัวหน้าทีมชาด้วยนะครับ’
นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายขอร้องให้เขาปิดปากหัวหน้าทีมชาด้วย พอเห็นกรรมการผู้จัดการคิมไม่ตอบอะไร อีอูยอนก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า ‘เข้าใจไหมครับ’ เขาโยนคำข่มขู่ที่งดงามและน่าขนลุกที่สุดในโลกใส่ทั้งๆ ที่ยังยิ้มก่อนจะจากไป
ไอ้ชั่วเอ๊ย
***
“พูดกันแค่พวกเรานะ แต่งานของผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนไม่ใช่งานที่ง่าย”
กรรมการผู้จัดการคิมวางมือบนไหล่ของชเวอินซอบ และพูดด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก
“ลองคิดดูดีๆ นะ ความพิเศษระหว่างคนสองคน ไม่สิ ฉันรู้ว่าพวกนายสนิทกัน แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันเป็นคนละปัญหากันนะ”
“ผมรู้ครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากทำอยู่ดี”
“ทำไมกัน?!”
กรรมการผู้จัดการคิมตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัว นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากถามจริงๆ แม้ภายนอกจะดูปกติ แต่หมอนั่นเป็นคนที่จิตใจเน่าเฟะเป็นอย่างมาก อินซอบเองก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้ความจริงข้อนั้น ไม่สิ เห็นได้ชัดเลยล่ะว่าเขาน่าจะรู้ดีกว่าใคร
“ขอโทษที่ตะคอกนะ แต่นี่มันไม่ถูกต้องจริงๆ”
คำพูดนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายหลายอย่าง อินซอบเอ๋ย ต่อให้เป็นต็อกที่ดูดีแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ของที่จะกินได้เลย [1]
“ผมรู้ครับว่านิสัยของคุณอีอูยอนไม่เหมือนคนปกติ”
“…”
เรื่องนั้นไม่สามารถใช้คำว่าไม่เหมือนกับคนปกติได้เลย อีอูยอนเป็นคนที่แม้แต่นรกยังเกลียด ไม่อยากจะรับเขาไว้เลยด้วยซ้ำ
“เพราะฉะนั้นผมเลยจะอยู่ข้างๆ เขาครับ เพราะผมรู้เรื่องนั้นดี แล้วตอนที่อยู่กับผม คุณอีอูยอนจะได้พูดอย่างที่เขาอยากพูดได้อย่างสบายใจด้วยไงครับ เพราะผมชอบมองเขาที่เป็นแบบนั้น”
“…นายชอบโดนด่าด้วยเหรอ”
“ปะ เปล่าครับ ไม่ใช่ว่าผมชอบโดนด่าหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ พะ เพราะฉะนั้น…”
อินซอบพูดอ้อมแอ้มต่อไปด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน
“ผมอยากทำให้เขาสบายใจขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดีครับ ยังไงเขาก็น่าจะต้องอยู่กับผู้จัดการส่วนตัวเป็นเวลานาน นั่นคือเหตุผลครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมนึกถึงคำพูดที่หัวหน้าทีมชาชอบพูดเวลามองอีอูยอน
‘ไม่จำเป็นต้องนิสัยเหี้ยขนาดนั้นหรือเปล่าครับ’
และตอนนี้ก็มีคำที่คล้ายกัน แต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงผ่านเข้ามาในหัว
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนใจดีขนาดนี้เลย…
ความรู้สึกของกรรมการผู้จัดการคิมในตอนนี้ยากที่จะอธิบายได้ด้วยคำพูด
“นายน่ะใจดีเกินกว่าที่จะควบคุมอีอูยอนได้”
“ไม่ครับ ผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกครับ ผมเองก็ไม่ดีเหมือนกัน”
ตอนที่เห็นอินซอบยืนกรานถึงความชั่วร้ายของตัวเองที่ไม่เคยมีอยู่ด้วยเหตุผลที่อยากจะหยิบยื่นช่วงเวลาที่สบายใจให้อีอูยอน กรรมการผู้จัดการคิมก็รู้สึกว่ามีอะไรร้อนๆ พุ่งขึ้นมาจนถึงลำคอ นี่มันอะไรกันเนี่ย…!
แล้วความคิดที่ว่า ‘หรือว่า?!’ ก็โผล่มาในหัว
“อินซอบ รู้ใช่ไหมว่าพูดกับฉันตรงๆ ได้”
“ครับ? รู้ครับ”
“คือว่านายน่ะ”
กรรมการผู้จัดการคิมพูดอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด
“นายกำลังโดนอีอูยอนข่มขู่อยู่หรือเปล่า”
“เปล่าครับ! ไม่มีเลยครับ เขาไม่ได้ทำแบบนั้นเลยครับ”
อินซอบดีดตัวขึ้นมาปฏิเสธอย่างเต็มที่ จากนั้นก็เริ่มแก้ต่างให้อีอูยอนอย่างตั้งใจ เพราะคิดว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ
“คุณอีอูยอนไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ ถึงเขาจะพูดจาหยาบคาย และมีนิสัยหยาบกระด้างไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องข่มขู่หรือบีบบังคับผมเลยนะครับ”
‘คุณอินซอบ รู้ไหมครับว่าแค่เอาไอ้นั่นของผมไปแตะที่รูของคุณ คุณก็รู้สึกมากๆ แล้ว เพราะฉะนั้นลองพูดว่าชอบหน่อยสิครับ นะครับ? เพราะผมจะไม่ใส่เข้าไปจนกว่าคุณจะพูด’
‘อ้าปากและกลืนไปให้หมดครับ เลียไปจนถึงพวงไข่ของผมเลยครับ…คุณนี่มันลามกสุดๆ ไปเลย อยากให้ราดน้ำของผมลงตรงไหนดีครับ ไม่ต้องร้องครับ แค่รีบบอกมาตรงๆ ก็พอ’
…การบีบบังคับที่โหดร้ายต่างๆ ที่อีอูยอนเคยทำกับอินซอบผ่านเข้ามาในหัวของกรรมการผู้จัดการคิมภายในระยะเวลาสั้นๆ
“ก็ได้ ถ้านายบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี…แต่ถ้าอีอูยอนทำเรื่องที่มนุษย์ไม่ควรจะทำกับนายแม้แต่นิดเดียว ก็ให้บอกหัวหน้าทีมชาได้ตลอดไม่ต้องลังเลเลยนะ เข้าใจไหม”
และเขาก็ได้ยินคำตอบจากที่ที่คาดไม่ถึง
“การกระทำที่มนุษย์ไม่ควรทำเหรอครับ”
อินซอบห่อไหล่ ส่วนกรรมการผู้จัดการคิมเองก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ อีอูยอนยืนยิ้มพลางกอดอก
“ยะ อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้ครับ เพราะคุณอินซอบผู้รอบคอบบอกว่าลืมของสำคัญไว้ ผมก็เลยขึ้นมาดู เพราะสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่”
คอของอินซอบค่อยๆ โน้มลงไปข้างล่าง อีอูยอนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามกรรมการผู้จัดการคิม
“ว่าแต่ไอ้ที่บอกว่าเรื่องที่มนุษย์ไม่ควรทำน่ะ คืออะไรกันเหรอครับ”
“…ถามเพราะไม่รู้เหรอ”
“ครับ ผมไม่รู้จริงๆ ครับ”
อีอูยอนตอบกลับหน้าตาเฉย
“ผมแยกไม่ค่อยออกเท่าไรน่ะครับ”
พระเจ้า นี่ผมทำสัญญาอยู่กับอะไรกันแน่ครับ
กรรมการผู้จัดการคิมทำสัญลักษณ์กางเขนอยู่ในใจก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็นที่สุด
“การฆ่าคน วางเพลิง ขโมยของ ขืนใจคนอื่น แล้วก็อะไรเทือกๆ นั้น พวกเรื่องที่จะได้รับโทษตามกฎหมายน่ะ”
“อ๋อ”
อีอูยอนหรี่ตาพลางพยักหน้า แล้วเขาก็ตอบว่า ‘ไม่ทำหรอกครับ เรื่องพวกนั้นน่ะ’
“งั้นก็โล่งอกไปที”
อย่างน้อยเขาก็ยังมีจิตสำนึกของความเป็นคนอยู่สินะ
“ผมเคยลองทำแล้ว แต่มันน่ารำคาญมากเลยครับ แถมยังต้องกำจัดหลักฐานด้วย”
“…”
“…”
“ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นน่า”
ไม่มีใครหัวเราะตามเลย
“แล้วพูดเรื่องที่อยากจะพูดกันหมดแล้วใช่ไหมครับ”
อินซอบกล่าวขอโทษให้กับคำถามของอีอูยอน
“ขอโทษอะไรกันล่ะครับ”
“…ก็ผมหลอกคุณอีอูยอนด้วยคำโกหกไงครับ”
อีอูยอนเสยผมอินซอบขึ้นแทนคำตอบ อีกฝ่ายทำสีหน้าเหมือนทำตัวไม่ถูก และความไร้เดียงสาที่เชื่อว่าหลอกเขาได้สำเร็จด้วยคำโกหกที่ไม่ได้เรื่องนั้นก็ดูน่ารัก
กรรมการผู้จัดการคิมมองภาพนั้น เขากระแอมก่อนจะส่งสายตาหาอีอูยอน อีอูยอนทำปากถามกลับมาว่า ‘มีอะไรครับ’
ไอ้คนที่ไม่มีใครอยากคบเอ๊ย
กรรมการผู้จัดการคิมกัดฟันทน และพ่นลมหายใจออกมา
“อินซอบทำได้จริงๆ เหรอ”
“ครับ ทำได้ครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมกำชับด้วยความรู้สึกที่เกือบจะยอมแพ้
“แต่การที่จะให้อินซอบมาช่วยงานน่ะ มีเรื่องที่พวกนายจำเป็นจะต้องรู้นะ”
“อะไรครับ”
“อะไรเหรอครับ”
ทั้งสองคนเอ่ยถามเหมือนกันในเวลาเดียวกัน
“อีอูยอนนายต้องใช้ชีวิตเงียบๆ นะ หลักการทำงานในวงการนี้ก็เป็นแบบนั้นแหละ ดาราจะต้องเฉิดฉาย แต่ถ้าสะดุดตามากไปมันก็ไม่ดี นายก็รู้นี่อีอูยอน”
“ไม่รู้ครับ”
อีอูยอนยิ้มอย่างน่าชังพลางเอ่ยตอบ
“อีอูยอน ประชาชนไม่ได้มีเมตตากับนายเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ตอนนี้มีคอมเมนต์ว่าร้ายนายประมาณหนึ่งอยู่นะ”
“ก็คงมีคนสติไม่ดีบางคนใส่ใจกับคอมเมนต์ว่าร้ายประมาณหนึ่งพวกนั้นแหละครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมรู้สึกถึงความต้องการที่อยากจะเขียนคอมเมนต์ว่าร้ายในข่าวของอีอูยอนในช่วงนี้ วันหนึ่งเขาพบว่าตัวเองล็อกอินเข้าไปในเว็บไซต์หนึ่ง และกำลังเขียนคำด่าทั้งหมดลงไป เขาจึงปรึกษาเรื่องนี้กับหัวหน้าทีมชาอย่างตรงไปตรงมา ว่า ‘ฉันจะไปรับคำปรึกษาที่โรงพยาบาลจิตเวชดีไหม’ พอเขาพูดแบบนั้น หัวหน้าทีมชาก็ตอบกลับด้วยสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่าคุณพูดบ้าอะไรของคุณ ‘ถ้าคุณไปโรงพยาบาลด้วยเรื่องนั้น ผมคงจะถูกจับขังแล้วล่ะครับ แล้วครึ่งหนึ่งของท็อปคอมเมนต์ก็เป็นข้อความว่าร้ายนะครับ’
“กรรมการผู้จัดการเองก็อย่าไปสนใจเรื่องพวกนั้นเลยครับ คิดเรื่องอายุเถอะ คุณแก่ไปจมเลยนะครับ”
ไม่ใช่แค่ประมาณหนึ่งแล้ว ฉันอยากจะเขียนคอมเมนต์ว่าร้ายอย่างรุนแรงเลยล่ะ
กรรมการผู้จัดการคิมสอดนิ้วมือที่อยู่ไม่สุกเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะพูดต่อ
“ต่อให้ไม่เป็นแบบนั้น แต่ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันจึงไม่มีอะไรดีเลยที่จะทำตัวสะดุดตาคนจนเกินไป”
อีอูยอนที่แพนิกในตอนที่อินซอบถูกแทงจนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรีดข้อมือตัวเอง และก่อความไม่สงบ ทางต้นสังกัดพยายามอย่างเต็มที่และทำให้เรื่องราวที่น่ากลัวนั้นกลายเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจโดยการบอกว่า ‘เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความเสียใจและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยผู้จัดการส่วนตัวที่บาดเจ็บแทนตัวเองเอาไว้ได้’ และโชคดีมากที่ไม่มีวิดีโอของเหตุการณ์ในวันนั้น แน่นอนว่าพวกแอนตี้แฟนที่เหนียวแน่นไม่กี่คนก็ยังวิจารณ์เรื่องนั้นอยู่ และพยายามทำให้อีอูยอนเป็นคนบ้าโรคจิต แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับความเห็นนั้น แต่นี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่อยากทำให้มันโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อบริษัท
“กรรมการผู้จัดการครับ ผมขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
“อะไรล่ะ”
เหงื่อกาฬไหลไปตามแนวกระดูกสันหลังของกรรมการผู้จัดการคิมเพราะคำถามของอีอูยอน แต่เขาก็ยังถามกลับราวกับแสร้งทำเป็นสงบสุขดี
“ในสายตาของกรรมการผู้จัดการผมเคยทำตัวง่ายๆ ไม่มากเรื่องเหมือนช่วงนี้ไหมครับ”
มีกระดูกอยู่ในคำถามที่โยนมาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาไม่สามารถโต้แย้งได้เลย อีอูยอนกำลังปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่าเมื่อก่อน ทั้งเรื่องการแสดง และเรื่องที่ทำร่างกายให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ไหล่ที่กว้างอยู่แล้วจึงเด่นชัดขึ้นไปอีก และการรวบรวมรูปที่น่าอดสูของพวกดาราชายที่ยืนข้างอีอูยอนก็แพร่หลายออกไปจนแทบจะเป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้นช่วงนี้ก็ไม่มีเรื่องที่เขาไล่ผู้จัดการส่วนตัวออก หรือเรื่องผู้หญิงอีกด้วย ช่างเป็นคืนวันที่ดีจนยากที่ต้นสังกัดจะเรียกว่ามากเรื่องได้
“ไม่คิดอย่างนั้นเหรอครับ”
อีอูยอนถามซ้ำ กรรมการผู้จัดการคิมพูดว่า ‘เรื่องนั้นมัน’ ก่อนจะทำเสียงแผ่วไป
“อย่ากังวลไปเลยครับ”
ชเวอินซอบแทรกเข้ามาในบทสนทนาทันที
“จะไม่เกิดเรื่องที่สะดุดตาแน่นอนครับ เพราะผมจืดจางและธรรมดามากๆ เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นไรหรอกครับ”
“เพราะงั้น อินซอบ ถึงอย่างนั้น…เพราะแบบนั้น พวกนายสองคน…”
กรรมการผู้จัดการสบตากับดวงตาที่เป็นประกายที่มองมาทางตน และเผลอกลั้นหายใจดังเฮือกอย่างไม่รู้ตัว เขานึกถึงนิทานปรัมปราที่บอกว่าถ้าสบตากับเสือบนภูเขา ก็จะลุ่มหลงไปกับสายตานั้น และเจ็บออดๆ แอดๆ จนตายในที่สุด
อายุขัยของเขาที่เลี้ยงของพรรค์นั้นเอาไว้ก็น่าจะสั้นลงจริงๆ
กรรมการผู้จัดการคิมถูมือที่เปียกชุ่มอยู่ในกระเป๋า ชเวอินซอบทำตาโตและรอคำพูดต่อไปของกรรมการผู้จัดการคิม
“ฉันรู้ว่าพวกนายเป็นผู้มีพระคุณในชีวิตของกันและกันก็เลยสนิทกัน แต่มันมากไปหน่อยน่ะ ฮ่าๆๆๆ ถ้าดาราใกล้ชิดกับผู้จัดการส่วนตัวมากๆ จะเกิดข่าวลือนะ อยู่ที่นี่ก็ใช้ชีวิตเหมือนกับเป็นความสัมพันธ์ทางธุรกิจก็แล้วกัน เหมือนฉันกับหัวหน้าทีมชาไง”
กรรมการผู้จัดการคิมที่ใช้เวลาเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์กับหัวหน้าทีมชาจงใจทำหน้าจริงจัง
“ครับ! เข้าใจแล้วครับ”
อินซอบพยักหน้าตาเป็นประกาย สำหรับชเวอินซอบแล้ว ความสัมพันธ์ของกรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาเป็นความอิจฉาของเขา อีอูยอนที่ยืนอยู่ข้างๆ แอบยิ้มตาหยี
“จะบอกให้ใช้ชีวิตเหมือนคู่สามีภรรยาน่ะเหรอครับ”
“พูดบ้าอะไรของนาย”
“พูดตามตรงกรรมการผู้จัดการกับหัวหน้าทีมก็เหมือนเป็นคู่สามีภรรยาไม่ใช่เหรอครับ แค่ไม่ได้มีอะไรกันเท่านั้นเอง ไม่สิ ถ้าเป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานาน ก็ไม่ได้มีอะไรกันอยู่แล้ว สมกับเป็นคู่สามีภรรยาที่เป็นมาตรฐานจริงๆ เลยนะครับ”
“นี่! แก!”
กรรมการผู้จัดการคิมทำหน้าตาจงเกลียดจงชัง เขาตะโกนก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
“เฮ้อ อินซอบ นายจะควบคุมคนแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ”
เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
“ควบคุมได้สิครับ ควบคุมได้อย่างเต็มที่เลยล่ะครับ”
อินซอบรีบพูดต่อ
“ผมรู้ครับว่าส่วนที่กรรมการผู้จัดการกังวลคืออะไร ผมจะทำงานในฐานะผู้จัดการส่วนตัวที่ชั่วร้าย เข้มงวด เป็นมืออาชีพ และเป็นการเป็นงานให้ได้มากที่สุดอย่างที่กรรมการผู้จัดการกำชับไว้เมื่อสักครู่นี้ครับ”
“โอเค ฝากด้วยแล้วกัน…ถึงจะไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้ไหมก็เถอะ”
“ถ้าจบการสั่งเสียที่ไร้ประโยชน์แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
อีอูยอนวางมือบนไหล่ของอินซอบก่อนจะพูด
“เรื่องแบบนั้น!”
กรรมการผู้จัดการคิมชี้นิ้วเป็นเชิงบอกว่า ‘นั่นล่ะ’ อินซอบถามกลับว่า ‘ครับ?’ ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“สกินชิพแบบนั้นน่ะ ห้ามทำเลยนะ มันประหลาด มันไม่ปกติ และมันก็สะดุดตา”
ชเวอินซอบเอาแขนของอีอูยอนออกทันทีเหมือนกับสะบัดทิ้งพร้อมกับตอบว่า ‘เข้าใจแล้วครับ’ ตายิ้มของอีอูยอนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ธรรมดา สุขุม เด็ดขาด…ปลอดภัย เข้าใจไหม จำเอาไว้นะ!”
กรรมการผู้จัดการคิมกำชับอินซอบอีกครั้ง อินซอบพยักหน้าอย่างตั้งใจ และหลังจากที่ดูจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายที่ถูกอีอูยอนจับเอาไว้หายลับไปตรงหัวมุมแล้ว กรรมการผู้จัดการคิมก็ถอนหายใจออกมา
[1] ต็อกที่ดูดี เป็นการล้อสำนวนของเกาหลี หมายความว่าภายนอกดูดี แต่ข้างในดูไม่ได้