ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 1 ตอนที่ 1-1

ภาค 2 เล่ม 1 ตอนที่ 1-1

“แฮ่ก…ดะ เดี๋ยวครับ”

ชเวอินซอบหอบหายใจพร้อมกับกำชายเสื้อของอีอูยอนไว้

“ทำไมล่ะครับ”

ความเฉยชาที่ยากจะเชื่อว่าเป็นของคนที่ดึงตนเข้าไปกอดและดันเข้ากำแพงทันทีที่ผ่านประตูบ้านเข้ามาปรากฏอยู่ในแววตาของอีอูยอน หากได้สบตาอีกฝ่ายจะรู้สึกเหมือนไปๆ มาๆ ระหว่างอ่างอาบน้ำร้อนและอ่างอาบน้ำเย็นโดยไม่ได้พัก อินซอบไม่กล้าบอกใครเลยว่าเขาเองก็มีตอนที่กลัวความต่างนั้นอยู่บ้างเหมือนกัน

“ถ้ารออีกแป๊บหนึ่ง…”

ริมฝีปากที่กำลังจะพูดประโยคสุดท้ายถูกปิดกั้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดในฉากเลิฟซีนของละครก็คือความเข้ากันระหว่างนักแสดงชายหญิง ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สามารถสอนกันได้ แม้จะใช้การกำกับการแสดงของโปรดิวเซอร์ที่มีความสามารถขนาดไหนก็ตาม อีอูยอนเป็นนักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นเคมีเดินได้ ไม่ว่าจะเอาใครมาเล่นด้วยก็ตาม ถึงขนาดที่มีการตัดต่อคลิปรวมฉากจูบที่อีอูยอนถ่ายในชื่อว่าแบบเรียนการจูบปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว ริมฝีปากของอินซอบถูกปิด และลิ้นที่แทรกเข้ามาก็กวาดต้อนอยู่ในปากของเขาเบาๆ ก่อนจะผละออกไป การจูบของอีอูยอนจบแล้ว เขานึกอะไรไม่ออกนอกจากคำนั้น อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนด้วยสีหน้าที่เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง

“ผมจะขออาบน้ำก่อน…เหงื่อผมออกน่ะครับ เพราะเมื่อกี้วิ่งมา”

พอสบตากัน อินซอบถึงได้พูดสิ่งที่ต้องการออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น

“พูดจบแล้วใช่ไหมครับ”

ชเวอินซอบพยักหน้าอย่างตั้งใจ

ต้นขาแข็งแรงแทรกตัวเข้ามาตรงหว่างขาของอินซอบ ปลายเท้าของอินซอบแตะพื้นอย่างฉิวเฉียด เพราะความต่างของร่างกาย

“การสั่งให้รอด้วยเหตุผลแบบนั้นน่ะ ใจร้ายกับคนที่คิดจะอ้าขาของคุณตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลมากเลยนะครับ”

เขาสัมผัสได้ถึงท่อนเนื้อของชายหนุ่มที่บวมเบ่งจนตึงแน่นราวกับเป็นหลักฐานของคำพูดนั้น อีอูยอนประทับริมฝีปากลงบนแก้ม จมูก และหน้าผากของอินซอบที่กำลังมึนงงจนทำตัวไม่ถูก

“เกือบสิบวันแล้วนะครับ คุณรู้หรือเปล่า”

“รู้ครับ”

เนื่องจากตารางสอบและตารางการถ่ายทำของพวกเขาไม่ตรงกัน ในระหว่างนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่โทรศัพท์หากันเท่านั้น

“แม่งเอ๊ย ผมนึกว่าจะเป็นบ้าเพราะคิดถึงคุณซะแล้ว”

อีอูยอนงับติ่งหูของอินซอบเบาๆ พร้อมกับพึมพำ แม้กระทั่งคำด่าอย่างเปิดเผยก็เป็นน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมที่ได้ฟังอย่างสุนทรีย์ เสียงของอีอูยอนที่กำลังมีอารมณ์สั่นพร่า

“คุณอินซอบคิดถึงผมมากไหมครับ”

“ครับ ก็ต้องคิดถึงมากๆ อยู่แล้วสิครับ”

อีอูยอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเชยคางของอินซอบขึ้นมาจูบแก้มเพราะถูกใจกับคำตอบที่ตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา

“คิดถึงมากขนาดไหนครับ”

“ทะ เท่าท้องฟ้า เท่าผืนดินเลยครับ”

“ส่วนผมน่ะคิดถึงมากจนช่วยตัวเองไปด้วยในระหว่างที่คิดถึงคุณอินซอบทุกคืนเลยครับ”

อีอูยอนตอบโต้สำนวนธรรมดาทั่วไปด้วยเรื่องลามกอย่างหน้าไม่อาย เขางับใบหูของอินซอบก่อนจะขยับลิ้นเลีย ชเวอินซอบตัวสั่นระริกพร้อมกับกลั้นเสียงครางเอาไว้

“คุณอินซอบช่วยตัวเองในขณะที่คิดถึงผมหรือเปล่าครับ”

อินซอบส่ายหน้าทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าอยู่

“ทำไมถึงไม่ทำล่ะครับ”

น้ำเสียงนั้นคล้ายจะต่อว่านักเรียนที่ไม่ยอมทำการบ้าน ชเวอินซอบบอกว่า ‘ขอโทษครับ’ และพูดต่อว่า ‘คราวหน้าผมจะทำครับ’

อีอูยอนยิ้มอย่างขมขื่น

อินซอบเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้นิสัยของเขา และเป็นเพียงคนเดียวที่ชอบตัวเขาซึ่งเป็นขยะที่แม้แต่พ่อแม่ก็ยังทอดทิ้งจากใจจริง

อีอูยอนลูบผมของอินซอบและเสยมันขึ้นไปโดยไม่พูดอะไร ดวงตากลมโตสีดำของอินซอบที่เผยความรู้สึกทั้งหมดออกมาขยับไปมาช้าๆ

อีอูยอนใช้นิ้วโป้งลูบริมฝีปากล่างของอินซอบ จากนั้นก็หยุดอยู่สักพักและกดจูบลงบนนิ้วนั้นจนเกิดเสียงดัง จุ๊บ

อีอูยอนกอดอินซอบไว้แบบนั้น ก้อนเนื้อที่อยู่ด้านในซี่โครงคับแน่นและเจ็บแปลบไปพร้อมๆ กัน เลือดอุ่นๆ ไหลไปตามเส้นเลือด สมองของเขายอมรับไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันไม่ปกติ เขาสงสัยอยู่เสมอว่าถ้าคนบ้าตกหลุมรัก มันจะเป็นความรู้สึกที่ปกติหรือเปล่า เขาอยากให้ใครสักคนช่วยบอกให้เขารู้ที

“คุณอินซอบ”

อินซอบหายใจถี่ๆ เหมือนลูกเจี๊ยบตกน้ำ และตอบกลับมาว่า ‘ครับ’

“วันนี้ให้ผมดูได้ไหมครับ”

อินซอบกะพริบตาที่กลมโตเหมือนจะถามว่าหมายความว่าอะไร อีอูยอนเอื้อมมือไปที่ส่วนอ่อนไหวของอินซอบแทนคำตอบ พออินซอบบิดเอวด้วยความตกใจ อีอูยอนก็คว้าขอบกางเกงของอินซอบไว้ และดึงกางเกงของอีกฝ่ายลงอย่างรุนแรง

“เพราะผมอยากเห็นมากเลยครับ”

อีอูยอนใช้เท้าถอดกางเกงของอินซอบออกก่อนจะพูดต่อ

“โชว์ให้ผมเห็นตรงหน้าจนถึงเช้าเลยนะครับ”

***

ชเวอินซอบค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะมือที่ลูบหน้าผากในขณะที่เขาอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น พอสบตากันในความมืด อีกฝ่ายก็จ้องเขาโดยไม่แสดงอาการอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามกลับมาว่า ‘ตื่นแล้วเหรอครับ’

“…ทำไม…”

เสียงเขาแหบและไม่ได้เปล่งออกมาอย่างเป็นปกติ อีอูยอนหยิบแก้วน้ำที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมายื่นให้อินซอบ อินซอบรู้สึกถึงความกระหายของตนจากความหวานของน้ำเย็นๆ ที่ไหลลงไปตามคอ อินซอบวางแก้วลงหลังจากที่น้ำหมดแก้ว

“จะดื่มอีกไหมครับ”

“ไม่เป็นไร…ครับ”

อีอูยอนเช็ดน้ำที่เปื้อนปากของอินซอบออก แล้วเอื้อมแขนข้างหนึ่งออกไปกอดอีกฝ่าย

“ทำไมถึงไม่ยอมนอนล่ะครับ”

ชเวอินซอบเอ่ยถามเหมือนกับเป็นห่วง

“ผมกำลังชื่นชมคุณอินซอบตอนนอนหลับอยู่ครับ”

อีอูยอนยิ้มพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมา และเอามาคลุมตัวอินซอบ ชเวอินซอบซบอีกฝ่ายในขณะที่ยังกอดเอวของอีอูยอนเอาไว้ อีอูยอนรู้ดีว่าอินซอบพยายามที่จะไม่แสดงนิสัยเด็กๆ ของตนเองออกมา แล้วเขาก็รู้ว่าช่วงเวลาที่อาณาเขตนั้นจะพังทลายลงมาก็คือตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

อีอูยอนลูบผมอินซอบอย่างระมัดระวัง พอๆ กับที่อีกฝ่ายจะแสดงนิสัยเด็กๆ ออกมาได้เพราะยังไม่ตื่นเต็มที่

“ถึงผมจะบอกว่าไม่ให้ทำ แต่คุณก็จะทำใช่ไหมครับ”

“…ครับ”

อีอูยอนใช้นิ้วดีดสันจมูกของอินซอบเบาๆ

“เข้าใจแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปคุยกับกรรมการผู้จัดการครับ”

อินซอบยิ้มร่าทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

“แต่คุณจะต้องไม่ทำงานหนักเด็ดขาดเลยนะครับ รู้หรือเปล่า”

“ครับ รู้…ครับ”

อินซอบกะพริบตาอยู่หลายครั้งก่อนจะหลับตาไปในขณะที่ตอบเพราะเขาง่วงได้ที่แล้ว อีอูยอนรู้สึกว่าเลือดในตัวของเขาได้ไหลมากองรวมกันอย่างเบียดเสียดอยู่ตรงหว่างขา เพราะการกระทำที่เหมือนกับลูกเจี๊ยบที่กินยาเข้าไปนั้น

อีอูยอนยิ้มอย่างขมขื่น

แม้จะรู้ว่าเขาทำรุนแรงกับอินซอบไม่ได้ แต่ถ้าเห็นอินซอบที่หอบหายใจพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย ไอ้นั่นของเขาก็ตั้งเหมือนเป็นสุนัขของพาฟลอฟ[1] และการควบคุมตัวเองในระหว่างที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีอะไรกันมานานดังเช่นวันนี้ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

แม้แต่หมาที่ติดสัดก็น่าจะไม่เป็นขนาดนี้

อีอูยอนราดน้ำกามของตัวเองใส่หว่างขาของอินซอบที่สะอึกสะอื้นอยู่ในสภาพที่จะสลบในอีกไม่ช้าก่อนจะจมอยู่กับความคิดที่จริงจังของตนเอง หลังจากใช้ผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ เช็ดตัวให้อินซอบและทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังทบทวนอยู่กับตัวเองต่อไป

“ขอโทษนะครับ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความง่วงนอนเอ่ยเรียกอีอูยอน

“ครับ”

“…ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะตั้งใจทำครับ”

ชเวอินซอบเปิดเผยถึงความตั้งใจที่คาดไม่ถึง และหลับไปทั้งๆ แบบนั้น อีอูยอนก้มลงมองอินซอบอยู่สักพักพร้อมกับกลั้นหายใจไปด้วย

***

“ไม่ได้”

แน่นอนว่าชเวอินซอบ และแม้กระทั่งอีอูยอนที่ไม่แปลกใจกับเรื่องที่ไม่ได้แปลกอะไรก็ยังต้องเลิกคิ้ว

“พอมาลองคิดดูแล้ว มันน่าจะดีกว่าที่จะไม่ให้อินซอบทำงาน”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงที่วันนี้แต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าเอนตัวพิงเก้าอี้และส่ายหน้า

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะครับ เพราะผมเป็นคนต่างชาติเหรอครับ ถ้ามีปัญหาเรื่องประกัน ผมไม่รับค่าจ้างก็ได้ครับ”

“คุณอินซอบพูดอะไรน่ะครับ ถ้าหากขูดรีดแรงงานชาวต่างชาติโดยการไม่ให้ค่าแรง กรรมการผู้จัดการจะโดนจับนะครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมขมวดคิ้วให้กับคำพูดของอีอูยอน อินซอบดีดตัวลุกขึ้นจากที่พลางโบกมือทั้งสองข้างไปมา

“ผมจะไม่แจ้งเด็ดขาดเลยครับ ผมจะไม่โทรไปที่เบอร์ 112 ด้วยครับ”

“112 อะไร…เฮ้อ อินซอบ ปัญหาไม่ใช่เรื่องสัญชาติหรอกนะ ไอ้คนที่อยู่ข้างนายก็ไม่ใช่คนเกาหลีเหมือนกัน”

อีอูยอนโบกมือให้ดูด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“แล้วทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมมักจะจับมือชเวอินซอบพูดเล่นๆ โดยมีความจริงใจถึง 99 เปอร์เซ็นต์ปนอยู่ว่า ‘เธอไม่อยากลองมาทำงานที่บริษัทของเราเหรอ’ ทุกครั้งที่บังเอิญเจอกันในที่ส่วนตัว

อันที่จริงถ้าเริ่มปิดเทอม อินซอบก็คิดที่จะทำตัวหน้าด้านมาขอทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ JN เอนเตอร์เทนเมนต์อยู่เหมือนกัน แม้จะไม่ได้ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอน แต่เขาก็คิดว่าอยากจะคอยช่วยอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ

“ถ้า ถ้าผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ไป…ผมจะแก้ไขครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาเป็นความสัมพันธ์ที่ล้ำค่าสำหรับอินซอบ พวกเขาเป็นคนที่ไม่เคยบอกว่าเกลียดเขาที่ปลอมตัวเข้ามาทำงานด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ดีเลยสักครั้ง และพวกเขาก็ยังมาส่งตอนที่เขากลับไปที่อเมริกาอีกด้วย ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะตอบแทนบุญคุณนั้นด้วยการทำงานโดยไม่รับค่าตอบแทนให้สักสองสามปี

“พูดมาเถอะครับ”

อินซอบทำตาเหมือนกับจะร้องไห้

“มันไม่ใช่อะไรที่จะแก้ไขได้หรอกนะ…”

สายตาของกรรมการผู้จัดการคิมมองไปยังอีอูยอนที่กำลังอ่านบทอยู่ แม้เจ้าตัวน่าจะรู้ถึงสายตานั้น แต่อีอูยอนก็ไม่ยอมหันหน้ามา

“ถ้าผมรบกวนหรือทำพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่สิ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ เพราะมันเป็นความผิดของทั้งหมดเลย”

ชเวอินซอบดีดตัวขึ้นจากที่และก้มหัวให้ อีอูยอนลากอินซอบมานั่งที่ตามเดิม และแสยะยิ้มโดยที่ไม่ละสายตาไปจากบทเลย

“กรรมการผู้จัดการ”

“…รู้ไหมว่าทุกครั้งที่นายเรียกฉันแบบนั้น อายุฉันสั้นลงไปทีละสิบวันเลย”

“ไม่รู้ครับ”

อีอูยอนพลิกบทไปหนึ่งแผ่นพลางพูดต่อ

“ในเมื่อรู้แล้วจะให้เรียกให้บ่อยขึ้นใช่ไหมครับ”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมกัดริมฝีปาก

ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย ถ้ามันหล่อน้อยกว่านี้อีกนิดเดียว ถ้าเสน่ห์ลดลงแค่นิดเดียว ถ้ารูปร่างแย่ลงอีกแค่นิดเดียว…และถ้าความสามารถในการแสดงลดลงมาเพียงนิดเดียว ฉันจะไล่มันออกในฉาดเดียวเลย

“คุณอินซอบอย่าร้องไห้ไปเลยครับ ผมเองก็จะไม่ทำให้คุณต้องร้องไห้บ่อยๆ เหมือนกัน ผมสงสาร”

กรรมการผู้จัดการคิมอยากจะลบคำพูดสุดท้ายออกไปจากความทรงจำ เขาได้แต่จิบน้ำเย็นไปเรื่อยๆ

“ให้คุณอินซอบเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมเถอะครับ คุณก็รู้ดีนี่ครับว่าไม่มีคนที่เหมาะที่จะทำอีกแล้ว”

“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ แต่นาย…”

“ผมทำไมครับ”

อีอูยอนปิดบทที่อ่านอยู่ลง

ปลายปีที่แล้วอีอูยอนได้รับการติดต่อจากผู้กำกับที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศส กรรมการผู้จัดการคิมคัดค้านการถ่ายทำสุดชีวิต เพราะนอกจากจะไม่ใช่นักแสดงนำ แต่เป็นตัวประกอบแล้ว นี่ยังเป็นผลงานที่ใกล้เคียงกับผลงานกระแสใหม่อีกด้วย เขาบอกว่าแม้จะไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างชื่อเสียงให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเล่นหนังสั้นที่จะไม่ได้รับความนิยม แถมบทก็ยังแย่อีกด้วย เห็นว่าเป็นบทของฆาตกรที่โรคจิตที่ พิการทางการได้ยิน และชอบฆ่าคนเป็นงานอดิเรก

‘นายถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ภาพลักษณ์นี้จะเกาะติดอยู่กับนายเหมือนแป้งต๊อกเหนียวๆ เพราะมันเหมาะกับนายมาก!’

แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะตะโกนด้วยความรู้สึกเหมือนจะอาเจียนเป็นเลือด แต่อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยิน และตกลงรับเล่นเหมือนกับที่ทำมาตลอด ปีถัดมาผลงานเรื่องนั้นกวาดรางวัลที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสมาได้ และอีอูยอนเองก็ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาด้วย ด้วยเหตุผลนั้นกรรมการผู้จัดการคิมจึงเหงื่อตกเพราะมัวแต่ปฏิเสธบทตัวร้ายโรคจิตที่เลือดเย็นหรือบทฆาตกรอยู่ระยะหนึ่ง

“ผมทำอะไรเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามพลางยิ้มไปถึงตา เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ชมผู้หญิงทำหน้าไม่ถูกว่าจะต้องยิ้มหรือจะต้องร้องไห้ดีและรู้สึกเห็นใจฆาตกรในขณะที่เขากำลังฆ่าผู้หญิงที่รักด้วยมือของตัวเอง

แต่กรรมการผู้จัดการคิมรู้ดีว่าหนุ่มหล่อเจ้าของดวงตาสวยงามคู่นั้นที่สั่นไหวความรู้สึกของคนมีกลอุบายที่ทำให้ขนลุกติดตัว

“นาย นาย…”

แสดงท่าทีออกมากเกินไปยังไงล่ะ ไอ้หนุ่ม

กรรมการผู้จัดการคิมหลบสายตาอย่างยากลำบากพร้อมกับกล้ำกลืนคำที่อยากพูดลงไป

“ผมทำอะไรเหรอครับกรรมการผู้จัดการ”

อีอูยอนถามซ้ำเหมือนกับไม่รู้จริงๆ เขายังคงกุมข้อมือของอินซอบไว้ในมือข้างหนึ่งอยู่

‘ผมอาจจะทำให้เสียเรื่อง เพราะคำพูดไร้สาระก็ได้…แต่การที่จะให้อินซอบมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนมันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ’

ตอนที่หัวหน้าทีมชาหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาคุยครั้งแรก กรรมการผู้จัดการที่นั่งอย่างหมิ่นเหม่อยู่บนเตียงเสริมและปอกแอปเปิลอยู่ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา ‘เป็นอะไรของนาย จะมีคนที่เหมาะกับงานเท่าอินซอบที่ไหนอีกเหรอ นายทำแบบนั้นเพื่อที่จะทำให้ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของไอ้อีอูยอนมันหรือไง’ เขาตะคอกออกมาโดยไม่หายใจเลยสักครั้ง หัวหน้าทีมชาหยิบแอปเปิลที่ปลอกอย่างสวยงามขึ้นมาหนึ่งชิ้นพลางถามกลับอย่างใจเย็น

‘ถ้าโดนจับได้จะทำยังไงล่ะครับ’

สีเลือดหายไปจากหน้าของกรรมการผู้จัดการคิม ในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงเสียงเคี้ยวแอปเปิลของหัวหน้าทีมชาเท่านั้น

หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมอยากจะเมินความสัมพันธ์ของอีอูยอนกับชเวอินซอบ แต่สุดท้ายพวกเขาก็รู้อยู่ดี แต่มันต่างกับการที่คนอื่นจะรู้ราวฟ้ากับดิน นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะจบลงได้ด้วยการเป็นข่าวลือทั่วไป

หากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ถูกเปิดเผย คุณค่าของนักแสดงที่ชื่อว่าอีอูยอนในสังคมเกาหลีที่หัวโบราณจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างแน่นอน ตอนนี้บริษัทที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วกำลังขยายอาณาเขตและเติบโต อีอูยอนเองก็เป็นนักแสดงที่เป็นหน้าเป็นตาของ JN เอนเตอร์เทนเมนต์ สุดท้ายกรรมการผู้จัดการคิมก็ตัดสินใจปฏิเสธการรับอินซอบเข้ามาทำงานด้วยความรู้สึกเหมือนกับโดนเหลากระดูก[2]

“ภาพลักษณ์นายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนนี่นา ถ้าเกิดข่าวลือใหญ่โตสักครั้ง มันจะแพร่ไปเร็วมากเลยนะ แล้วก็อินซอบน่ะใจดีเกินไป ผู้จัดการส่วนตัวที่เข้มงวดและโหดร้ายสักหน่อยน่าจะเหมาะกับนายมากกว่า”

กรรมการผู้จัดการคิมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ทำให้อินซอบรู้สึกผิดด้วยการโยนภาระไปที่อีอูยอนทั้งหมด และนั่นก็เป็นความจริง

“ฮ่าๆๆๆ”

การหัวเราะของอีอูยอนทำให้เขารู้สึกถึงความสดชื่นที่เหมือนกับสายลมที่ทำให้ความเขียวชอุ่มของเดือนพฤษภาคมสั่นไหว แต่ไม่มีใครในห้องนี้สามารถเพลิดเพลินกับความสดชื่นนั้นได้เลย

“ว้าว น่ากลัวจัง”

อีอูยอนพูดแบบนั้น และหันหน้าไปหาอินซอบที่อยู่ในสภาพฝังตัวอยู่กับโซฟา

“ถ้าผมกลายเป็นคนตกงาน คุณอินซอบจะเลี้ยงผมไหมครับ”

ผู้ชายที่หาเงินได้มากขนาดที่ต่อให้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอย่างเดียวไปสามชั่วอายุคนก็ยังมีเงินเหลือทำหน้าตาน่าสงสาร

“ผมจะรับผิดชอบเองครับ”

ชเวอินซอบไม่มีทางรู้ถึงสถานการณ์นั้น เขาจึงทำสายตาจริงจังมากและพยักหน้าอย่างตั้งใจ

“งั้นก็โอเคแล้วครับ”

“โอเคอะไร”

“ก็คุณอินซอบบอกว่าจะรับผิดชอบนี่ครับ ต่อให้ผมล้มภายในหมัดเดียวก็ตาม”

พอเห็นกรรมการผู้จัดการคิมมองมาด้วยสายตาเหมือนจะฆ่าให้ตาย อีอูยอนก็หยิบบทขึ้นมาพลางว่า

“แล้วคุณหาผู้จัดการส่วนตัวโหดๆ ที่เหมาะกับผมไว้แล้วเหรอครับ”

“ถึงจะยังไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ฉันก็คัดเลือกผู้สมัครไว้สองสามคนแล้ว ฉันเลือกคนที่ขึ้นชื่อว่าทำงานเก่งมากๆ ในแวดวงนี้ไว้แล้ว เอาล่ะ ดูเรซูเม่นี่สิ…”

อีอูยอนตัดบทขึ้นมาว่า ‘ว่าแต่’ ก่อนที่กรรมการผู้จัดการคิมยื่นแฟ้มเอกสารที่มีเรซูเม่ใส่ไว้ให้เสียอีก

“จะจัดการเรื่องประกันยังไงเหรอครับ”

“ประกันอะไร?”

“ถ้าผู้จัดการส่วนตัวสัญญาจ้างที่เหมาะกับผมบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจะทำยังไงล่ะครับ ผมนี่ก็ถามเรื่องไร้สาระไปเสียได้นะครับ บริษัทที่มีเงินเยอะก็ต้องจัดการได้อยู่แล้ว”

“…”

ใบหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมซีดหนักภายในเวลาที่กี่วินาที

“ผมอยากเจอผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่เร็วๆ จังเลยครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมกัดฟันกรอดพลางมองใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของอีอูยอนที่ฮัมเพลงไปพร้อมกับพลิกบทไปด้วย นี่เป็นยามบ่ายที่เขาอยากจะทุบตีตัวเองในอดีตแรงๆ ที่ถูกใบหน้านั้นหลอก

[1] สุนัขของพาฟลอฟ เป็นการทดลองที่ทำให้สุนัขน้ำลายไหลผ่านการกระตุ้น 3 ขั้นตอน

[2] เหลากระดูก หมายถึง ความรู้สึกเป็นทุกข์มากๆ จนยากที่จนอดทนไว้ได้

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท