กรรมการผู้จัดการคิมมองเข้าไปในกระจกด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนกลั้นลมหายใจดังเฮือก
“โธ่เว้ย นี่มันอะไรอีกเนี่ย”
เขาเจอริ้วรอยที่เป็นร่องลึกตรงใต้ตาจึงเดาะลิ้นขึ้นมาทันที ในทุกๆ วันเขาเชื่อมั่นในตัวเองว่าผิวของตนไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกนักแสดงเลย
ในการตรวจสุขภาพเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เพิ่งจะได้รับคำแนะนำจากหมอว่าให้ดูแลตัวเอง เพราะกระเพาะอาหารของเขาเป็นแผล หัวหน้าทีมชาที่อยู่ข้างๆ ก็ตำหนิว่า ‘เพราะแบบนี้ไงครับ ผมถึงบอกให้ดื่มเหล้าสูบบุหรี่อย่างพอดีๆ’ แต่แล้วเขาก็บอกว่า ‘ไม่ใช่สิ’ พลางส่ายหัว เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้ดีกว่าใครว่าสาเหตุของเหล้า และบุหรี่คืออะไร
ไอ้เฮงซวยอีอูยอน
กรรมการผู้จัดการคิมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะหันหน้าไปมา เขาประกาศกร้าวว่าให้ยกเลิกตารางงานตอนบ่ายวันนี้ให้หมด และต้องจองคิวที่คลินิกเสริมความงามได้แล้ว
“กรรมการผู้จัดการ…”
กรรมการผู้จัดการคิมที่ตกใจกับเสียงต่ำๆ ที่เรียกตนดีดตัวขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้อง
“โอ๊ย ตกใจหมด”
พอหันหลังไปมอง ชเวอินซอบก็ทำมือขอให้เขาเงียบทั้งๆ ที่ยังทำหน้าซีดอยู่
“โอ๊ย ไอ้นี่นิ ทำไมนายถึงแอบเข้ามาทำให้คนอื่นเขาตกใจแบบนี้หา”
“ขอโทษครับ”
อินซอบก้มหัวปลกๆ พลางกล่าวขอโทษ
“ว่าแต่จู่ๆ มีอะไรล่ะ”
เมื่อห้านาทีก่อนอีกฝ่ายเพิ่งจะบอกว่าตนจะออกไปกับอีอูยอนชัดๆ
“ผมบอกเขาว่าผมลืมบางอย่างไว้ และจะขึ้นมาเอาแป๊บหนึ่งน่ะครับ คุณอีอูยอนเขารออยู่ด้านล่างครับ พอดีว่าผมมีเรื่องจะพูดด้วย”
“โทรศัพท์เอาก็ได้นี่”
“เป็นเรื่องสำคัญน่ะครับ”
แม้จะอยู่กันแค่สองคนในห้องน้ำ แต่อินซอบก็ยังลดเสียงให้เบาที่สุด อย่างไรก็ตามการที่หันไปมองด้านหลังอยู่ตลอดเวลาและทำท่ากระวนกระวายนั้น ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแอบอีอูยอนขึ้นมา กรรมการผู้จัดการคิมเดาเหตุผลนั้นได้ เขาถอนหายใจก่อนจะทำให้บอกให้อีกฝ่ายพูด
“คือที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้น่ะครับ”
อินซอบพูดอย่างระมัดระวัง
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”
“หมายถึงอะไรล่ะ”
“ถึงจะไม่มีประกันก็ไม่เป็นไรครับ ผมทราบดีครับว่าประกันสำหรับการว่าจ้างหรืออะไรเทือกๆ นั้นมันยุ่งยาก เพราะผมเป็นชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นผมเข้าใจดีครับ…”
แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะเจอคนมามากมายในระหว่างที่ทำงานเป็นเอเจนซี่ให้กับดารา แต่เขาไม่เคยเห็นคนที่ตาสะอาดเท่ากับชเวอินซอบมาก่อนเลย ดวงตาของอินซอบสะอาดและใสเหมือนกับเด็กเล็กๆ จนมองไม่เห็นเส้นเลือดที่ตาขาวสักจุด เพราะฉะนั้นถ้าอินซอบพูดพร้อมกับทำตาใสใส่เขา เขาก็จะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้
“ขอร้องล่ะครับ ช่วยจ้างผมโดยไม่มีประกันด้วยเถอะนะครับ”
“…”
การขอร้องของอินซอบทำให้กรรมการผู้จัดการคิมลืมคำที่จะพูดไปชั่วขณะหนึ่ง เขาตั้งสติอย่างลำบากยากเย็น และพูดว่า ‘นี่’
“อินซอบดูเหมือนนายจะฟังผิดนะ เมื่อกี้ฉันบอกว่า…”
“ผมได้ยินดีแล้วครับ”
อินซอบตอบด้วยสีหน้าแน่วแน่
จะต้องอธิบายจากตรงไหนล่ะเนี่ย กรรมการผู้จัดการคิมเบะปากให้กับการตัดสินใจลำบาก การที่ไอ้เฮงซวยอีอูยอนนั่นพูดถึงประกันสำหรับการว่าจ้างผู้จัดการส่วนตัวเป็นคำข่มขู่ ว่าคุณจะจ้างใครก็ได้ตามใจคุณ แต่มันอาจจะเกิดปัญหาที่น่ากลัวขึ้น
“ถึงไม่มีประกัน ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”
“ไม่นะ การจ้างงานนายโดยไม่มีประกันจะเป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะ”
“ไม่ครับ ผมจะขับรถอย่างปลอดภัยครับ”
แววตาของอีกฝ่ายจริงจังราวกับว่าการขับขี่ปลอดภัยเป็นเป้าหมายในชีวิต
“อีอูยอนไม่ได้ถามถึงประกันการจ้างงานของนาย…เฮ้อ”
กรรมการผู้จัดการคิมกลั้นหายใจ
ตอนที่เขารู้ความจริงว่าความสัมพันธ์ของอินซอบกับอีอูยอนแปลกๆ ก็คือตอนที่อินซอบที่กลับอเมริกาไปแล้วกลับมาที่เกาหลี อีอูยอนเองก็จะใช้เวลาเกือบทั้งหมดหลังเสร็จงานในแต่ละวันไปกับชเวอินซอบ เขาทำแม้กระทั่งจองตั๋วเครื่องบินไปมัลดีฟส์ และไปเที่ยวพักร้อนกับอินซอบถึงสิบห้าวันทันทีที่ละครที่กำลังถ่ายทำอยู่ปิดกล้อง
แม้กระทั่งตอนนี้กรรมการผู้จัดการคิมก็ยังไม่เลิกรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่สิ เขาทำไม่ได้ ต่อให้เอาหลักฐานที่กองสูงเท่ากับภูเขาเอเวอร์เรสมาวางตรงหน้า เขาก็ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี หัวหน้าทีมชาเองก็ไม่พูดอะไรออกมาเลย คนทั้งคู่มองข้ามความจริงที่ว่าคนอย่างอีอูยอนไม่มีทางสร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังหรอก แต่จุดสิ้นสุดของการหลอกตัวเองกลับมาหาเขาเร็วกว่าที่คาดไว้
***
หลังจากจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทก็เติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเขารับนางแบบนายแบบตลอดจนนักร้องเข้ามา และกำลังขยายอาณาเขตไปเรื่อยๆ กรรมการผู้จัดการคิมเป็นคนใจกว้างพอที่จะแบ่งปันความยินดีกับคนรอบข้าง เขาจ่ายโบนัสให้กับพนักงานทั้งหมด และให้ของขวัญเป็นการเช่ารีสอร์ตหรูที่เกาะเชจูทั้งรีสอร์ต และพาพนักงานไปเที่ยว ถ้าเจ้านายอยู่ด้วย พวกพนักงานคงจะไม่สามารถสนุกกันได้อย่างเต็มที่ กรรมการผู้จัดการคิมจึงตั้งใจที่จะโผล่หน้าไปแค่ช่วงมื้อเย็นวันนั้น และแยกตัวออกมา เขาคงจะได้ทำตามแผนถ้าหากเขาไม่เจออีอูยอนอยู่ท่ามกลางฝูงชนเสียก่อน
‘ทำไมนายมาอยู่ที่นี่’
อีอูยอนยิ้มโดยไม่พูดอะไรให้กับคำถามที่เต็มไปด้วยความตกใจของกรรมการผู้จัดการคิมพลางใช้สายตาชี้ไปทางชเวอินซอบ
หัวหน้าทีมชาบอกว่า ‘ก็ต้องเรียกอินซอบมาด้วยสิครับ เด็กนั่นก็ลำบากมามากเหมือนกัน’ และดื่มโซจูอยู่คนเดียวตรงมุมห้อง
อีอูยอนไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เขาแค่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่โซฟา และพูดคุยกับคนอื่นๆ เป็นบางครั้งเท่านั้น ปัญหาก็คือสายตาของเขา อีอูยอนที่เป็นไอ้สารเลวนั่นตามที่หัวหน้าทีมชาพูดกำลังมองชเวอินซอบด้วยสายตาที่อ่อนโยนเป็นที่สุด
อีอูยอนเป็นนักแสดงที่มีทักษะทางการแสดงที่โดดเด่น เขาเป็นมนุษย์ประเภทที่ว่าไม่มีอะไรยากเลยสำหรับการซ่อนนิสัยโสมมนั่นไว้ด้วยความใจดี ซ้ำยังไม่มีความน่าตะขิดตะขวงใจอีกด้วย
แต่กรรมการผู้จัดการคิมรู้โดยสัญชาตญาณว่าสายตานั้นไม่ใช่การเสแสร้ง
…ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นแบบนั้น นี่เป็นแค่จินตนาการ เราไปดื่มวอดก้าสักแก้ว ลืมเรื่องที่ได้ยินได้เห็นที่นี่วันนี้ให้หมดและเข้านอนดีกว่า
กรรมการผู้จัดการคิมตัดสินใจก่อนจะหันกายออกไป
‘อย่าดื่มเหล้าเยอะนะครับ หน้าแดงหมดแล้ว’
ดวงตาของกรรมการผู้จัดการคิมสั่นไหวอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นอีอูยอนว่าพลางใช้หลังมือตีแก้มที่แดงซ่านของอินซอบเบาๆ หัวหน้าทีมชาที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องเองก็เช่นกัน
กรรมการผู้จัดการคิมถือขวดเหล้าเดินอย่างอ่อนแรงไปอยู่ข้างๆ หัวหน้าทีมชา แม้เขาจะอยากเป็นท่านประธานที่อ่านสถานการณ์ไม่ออกและไม่มีเซ้นส์ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่สามารถทิ้งอีอูยอนกับชเวอินซอบไว้ตรงนี้และจากไปได้ สุดท้ายกรรมการผู้จัดการคิมก็นั่งยองๆ ลงข้างๆ หัวหน้าทีมชา และเริ่มดื่มเหล้าพรวดๆ พร้อมกับอีกฝ่าย
พอตั้งสติได้ พวกพนักงานก็กระจัดกระจายไปตามห้องของตัวเองหมดแล้ว หัวหน้าทีมชาบ่นกรรมการผู้จัดการคิมที่นอนแผ่อยู่ที่พื้นว่าให้เข้าไปนอน กรรมการผู้จัดการคิมพึมพำว่าเหมือนจะอ้วกด้วยใบหน้าซีดเซียว หัวหน้าทีมชาจึงรีบพาเขาไปที่ห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องใหญ่ หัวหน้าทีมชาลูบหลังกรรมการผู้จัดการคิมที่อ้วกทุกอย่างข้างในออกมาหมดพลางเอ่ยถาม
‘อ้วกหมดแล้วหรือยังครับ’
กรรมการผู้จัดการคิมตอบว่า ‘เออ’ หลังจากเงยหน้าขึ้นมาทำตาแดงๆ พอกลั้วปากเสร็จ กรรมการผู้จัดการคิมก็ถอนหายใจออกมา ความเงียบก่อตัวขึ้นในห้องน้ำ คนทั้งคู่ไม่สามารถพูดคำที่อยากจะพูดออกมาได้ เป็นหัวหน้าทีมชาที่เปิดปากพูดก่อน
‘นี่กรรมการผู้จัดครับ อีอูยอนน่ะ…’
แต่เขาก็ไม่สามารถพูดได้จนจบ เขารู้สึกว่ามีใครบางคนเข้ามาในห้อง เป็นนิสัยของคนที่มักจะป่าวประกาศข้อมูลที่ตนรู้และอยากจะได้รับความสนใจ ดังนั้นฝ่ายที่ควรจะปิดปากให้ดีที่สุดในแวดวงนี้จึงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพนักงานในบริษัท กรรมการผู้จัดการคิมทำมือสั่งให้หัวหน้าทีมชาเงียบ พอสบโอกาสเขาก็ส่งสัญญาณเพื่อให้อีกฝ่ายออกไปตามลำดับ หากไม่ได้ยินเสียงนั้นเสียก่อน
‘เป็นอะไรหรือเปล่าครับ’
เป็นอีอูยอนนั่นเอง
กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาถลึงตามองหน้ากัน
‘ม่ายเปนรายคับ’
ส่วนคนที่ตอบทั้งๆ ที่ลิ้นยังพันกันก็คือชเวอินซอบ
‘ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ให้ดื่มเยอะขนาดนี้’
‘ก็ผมอารมณ์ดีนี่นา…’
เขาได้ยินเสียงอีอูยอนหัวเราะเบาๆ ให้กับคำตอบที่ฟังดูเหมือนคนลิ้นไก่สั้นนั้น กรรมการผู้จัดการคิมใช้มืออีกข้างถูแขนที่ขนลุกซู่ หัวหน้าทีมชาเองก็เบ้ปาก
‘คุณอินซอบรู้ตัวหรือเปล่าครับว่าน่ารักขึ้นตอนดื่มเหล้า’
‘ม่ายรู้คับ’
เสียงหัวเราะของอีอูยอนดังตามมาติดๆ พวกเขาไม่สามารถฟังได้อีกต่อไปแล้ว คนทั้งสองคนในห้องน้ำส่งสายตาบอกกันว่า ‘ออกไปกันเถอะ’ แต่คราวนี้พวกเขากลับพลาดโอกาสนั้นไป
แกร๊ก
เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ซวยแล้ว
‘คุณอินซอบมานี่ครับ’
บทสนทนาเองก็ฟังดูไม่ดีเช่นกัน มิหนำซ้ำเสียงประกอบที่ได้ยินตามมายังเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีก มันเป็นเสียงริมฝีปากบดเบียดกัน เสียงลมหายใจที่ขาดห้วง และเสียงเสื้อผ้าที่ตกลงมาที่ปลายเท้า
และสิ่งที่น่าสยองขวัญที่สุดก็คือ
‘ผมขอดูดยอดอกของคุณอินซอบได้ไหมครับ เฮ้อ…แม่งเอ๊ย รู้ไหมครับว่ามันเร้าอารมณ์จริงๆ’
คนทั้งคู่รู้ดีว่าอีอูยอนพูดจาหยาบคาย แต่พวกเขาเพิ่งได้รู้วันนี้เองว่าปากที่สกปรกนั้นกลับสกปรกขึ้นไปอีกเมื่ออยู่บนเตียง สีเลือดหายไปจากใบหน้าของคนทั้งคู่
‘ไม่เป็นไรครับ ผมจะยังไม่ใส่เข้าไปตรงนี้หรอก เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้นะครับ คุณก็รู้นี่ครับว่าผมมีอารมณ์กับใบหน้าตอนร้องไห้ของคุณอินซอบ แฮ่ก อ้าขาหน่อยครับ เพราะผมอยากจะเสร็จในขณะที่ถูไปกับไอ้นั่นของคุณอินซอบ’
คนทั้งคู่นั่งหดตัวอยู่ในห้องน้ำ และต้องฟังเสียงงานเลี้ยงของเรื่องลามกหยาบคายที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ไปจนจบ
ชาติก่อนเราทำอะไรไว้นะ ถึงต้องมารับบทลงโทษแบบนี้ คนเราจะหยาบคายได้ถึงไหนกัน ทำไมไอ้เฮงซวยอีอูยอนนั่นถึงได้ตัดสินใจแบบนี้…น่ากลัวจัง
ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ หลังจากที่ได้ยินเสียงบทสนทนาเบาๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตามมา ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ผู้ชายวัยกลางคนสองคนที่อายุเลยสี่สิบกลางๆ ไปแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่าทำเรื่องไม่ดี พวกเขาสบตากับอีอูยอนที่สวมกางเกงในตัวเดียว อีอูยอนที่ช่วงนี้ทุ่มเทให้กับการออกกำลังกายเป็นพิเศษมีหุ่นที่สมบูรณ์แบบถึงขนาดที่ผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกอาย และเจ้าตัวก็กำลังยิ้มพราย
‘เป็นอะไรไปเหรอครับ’
อีอูยอนตอบคำถามของอินซอบที่เดินเข้ามาในห้องนอนว่า ‘ไม่มีอะไรครับ’ กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงเงยหน้ามองอีอูยอนในสภาพที่ตัวแข็งอยู่กับที่
ชู่
ฝ่ายนั้นส่งเสียงเบาๆ พร้อมกับเอานิ้วที่งดงามนั่นแตะไว้ที่ริมฝีปาก รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ทำให้ผู้ชมและพวกนักแสดงหญิงที่แสดงคู่กันตายได้ทำให้กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาถึงกับลืมสถานการณ์เฮงซวยที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่โดยไม่ตั้งใจ
‘เหมือนห้องน้ำที่นี่จะเสียน่ะครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำจากอ่างอาบน้ำตรงโน้นมาให้นะ’
อีอูยอนบอกกับอินซอบก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง หลังจากที่แน่ใจว่าสองคนนั้นออกไปนอกห้องแล้ว ชายทั้งสองคนก็ออกจากห้องน้ำ พวกเขาย้ายไปที่โรงแรมข้างๆ และเอาแต่ดื่มเหล้าตลอดสองวันหนึ่งคืน พวกเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับความจริงได้อีกต่อไปแล้ว