ตอนที่ 4 หนึ่งปีต่อมา หอคอยสวรรค์ทะนง! (รีไรท์)
ชั่วพริบตา วันเวลาผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งปี
ในปีนี้ หนิงฝานยังคงยึดมั่นไม่ยอมเปิดเผยตัวตน และยังคงลงชื่อเข้าใช้สถานที่ต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ในช่วงเวลานี้ หลัวชิงเซียนกลับมาที่พระราชวังจักรพรรดินีหลายครั้ง แม้ทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอะไรต่อกัน หรือมีกิจกรรมใดร่วมกัน แต่ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง หลัวชิงเซียนจะทิ้งแหวนมิติไว้ให้หนิงฝานเสมอ ในนั้นจะมีทรัพยากรบางอย่างที่เพียงพอสำหรับการฝึกฝนขอบเขตขัดเกลาร่างกาย
นางเย็นชาแต่ใจดี
นี่คือมุมมองของหนิงฝานที่มีต่อหลัวชิงเซียน
แน่นอนว่าสิ่งที่หลัวชิงเซียนไม่ทราบก็คือทรัพยากรการฝึกฝนที่นางให้นั้น แทบจะไร้ค่าสำหรับหนิงฝานในวันนี้
เป็นเพราะในปีที่ผ่านมา หนิงฝานใช้เหรียญตราจักรพรรดินีเข้าเยี่ยมชมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแทบจะทุกซอกทุกมุม
มีเพียงสถานที่ต้องห้ามไม่กี่แห่ง นอกนั้นเขาได้ลงชื่อเข้าใช้จนหมดสิ้นแล้ว ซ้ำยังได้รับรางวัลมากมายนับไม่ถ้วนด้วย
หลังจากลงชื่อเข้าใช้ที่หอหมื่นวิถี เขาก็ได้รับกระบี่บินเซียน หัตถ์คว้าดาว เคล็ดลับกายาประกายลอยล่อง และอื่น ๆ
หลังจากลงชื่อเข้าใช้ที่วิหารโอสถ เขาได้รับเม็ดยาชำระไขกระดูก เม็ดยารวมวิญญาณ เม็ดยาทองคำสามแปรสภาพ และอื่น ๆ
หลังจากลงชื่อเข้าใช้ที่หุบเขาศาสตราเทพ เขาได้รับกระบี่วิญญาณฟ้า คมสายฟ้าอสนี กระจกหยกหยาดวิเศษ และอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีภูเขาวิถีอาคม ป่าสัตว์วิญญาณ และอาคารหยกประหลาดทั้งหมดล้วนแต่มอบรางวัลมากมาย
หลังจากลงชื่อเข้าใช้มาหนึ่งปี หนิงฝานพอจะเข้าใจความลึกลับของวิถีอุบัติภายในสถานที่ต่าง ๆ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอย่างคร่าว ๆ
วิถีอุบัติกว่าครึ่งภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่สถานที่อย่างเช่น หอหมื่นวิถี วิหารโอสถ หุบเขาศาสตราเทพ และสถานที่อื่นที่สามารถลงชื่อเข้าใช้หลายครั้งได้ ซ้ำมันยังมีวิถีอุบัติที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
ตอนนี้ด้วยรางวัลต่าง ๆ ที่ได้รับมา ทำให้การฝึกฝนของเขาอีกเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ขอบเขตราชันยุทธ์แล้ว ซึ่งสิ่งนี้อยู่เหนือกว่าศิษย์สายตรงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
เพียงหนึ่งปี อีกครึ่งก้าวจะเข้าสู่ราชันยุทธ์แล้ว!
ความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ กล่าวไปใครเล่าจะเชื่อ!
“วันนี้ข้าไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ที่ไหน เช่นนั้นก็ไปเดินเล่นรอบภูเขาสักหน่อยดีกว่า!”
หนิงฝานลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปตามเส้นทางของพระราชวังจักรพรรดินี
ระหว่างทางยังมีคนชี้นิ้วมาที่หนิงฝานอยู่ แต่เขาคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้นานแล้ว
ตรงกันข้าม สถานการณ์ของความภาคภูมิแห่งสวรรค์เมื่อหนึ่งปีที่แล้วก็ค่อย ๆ สงบลง เพราะไม่พบผู้นั้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
[ติ๊ง! โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้อาคารหยกโบราณสำเร็จแล้ว จึงได้รับชิ้นส่วนของหินวิญญาณโบราณ!]
หลังจากได้รับแจ้งเตือน หินวิญญาณขนาดเท่าอ่างล้างหน้าปรากฏขึ้นในมิติของระบบ
หนิงฝานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ในบรรดารางวัลต่าง ๆ ที่เขาได้รับ หินวิญญาณโบราณนับว่ามีมูลค่าสูงสุด นี่คือหินวิญญาณที่ผลิตขึ้นในสมัยโบราณ และเพียงแค่ชิ้นเดียวก็มีมูลค่าเทียบเท่าหลายร้อยก้อนในปัจจุบัน
หลังจากออกจากอาคารหยกประหลาด หนิงฝานคิดกลับสู่พระราชวังจักรพรรดินีเพื่อฝึกฝน
ขณะเขาเดินมาถึงลานหยกขาว ภายในลานแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าศิษย์จำนวนมากภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งอาวุโส เหล่าขุนนางที่กำลังเหาะเหินอยู่บนท้องฟ้า ทั้งหมดเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงและดูโกลาหล
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือมีหอคอยสิบชั้นอยู่ใจกลางลานหยกขาว แต่ละชั้นสูงกว่าสิบเมตร และหอคอยแห่งนี้ก็เปล่งแสงระยิบระยับตระการตา!
“หืม? ข้าจดจำได้ว่าที่นี่ไม่เคยมีหอคอยตั้งอยู่นี่!”
หนิงฝานไม่เข้าใจ
ภายในหนึ่งปี เขาได้ไปทุกสถานที่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแล้ว และเขาทราบดีว่าไม่มีหอคอยอยู่ที่ลานหยกขาวนี้
และในความทรงจำของบรรพบุรุษก็ไม่มีสิ่งนี้อยู่ด้วยเช่นกัน
หนิงฝานรู้สึกสนใจ จึงก้าวเท้าเข้าไปในฝูงชนทันที
“พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือ เหตุใดจึงมีหอคอยตั้งอยู่?”
หนิงฝานกล่าวถามศิษย์สายนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านข้าง
ศิษย์ทั้งหมดภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนล้วนแต่เคยได้ยินชื่อของหนิงฝาน แต่ไม่มีใครทราบว่าหน้าตาเขาเป็นเช่นไร
เห็นได้ชัดว่าศิษย์สายนอกผู้นี้ไม่รู้จักหนิงฝาน เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง “เจ้าคงจะเป็นศิษย์ใหม่ล่ะสิ เช่นนั้นข้าจะบอกเอง นี่คือการประชุมใหญ่สวรรค์ทะนงที่จัดขึ้นทุกสิบปีภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
“เจ้าเคยเห็นหอคอยนั่นหรือไม่ หอคอยนี้ถูกเรียกว่าหอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำ มันถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อทดสอบเหล่าศิษย์ทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หอคอยแบ่งออกเป็นสิบชั้น แต่ละชั้นจะมีความยากแตกต่างกัน จึงจะทดสอบตามความแข็งแกร่งของผู้เข้ารับการทดสอบ ยิ่งเจ้าขึ้นไปสูงเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วศิษย์สายนอกจะสามารถทะลวงผ่านได้สามชั้นเท่านั้น ส่วนศิษย์สายในจะสามารถทะลวงได้ถึงสี่หรือห้าชั้น และศิษย์สายตรงจะสามารถทะลวงได้มากที่สุดเพียงเจ็ดหรือแปดชั้นเท่านั้น”
“ส่วนชั้นที่เก้า มีข่าวลือว่านับตั้งแต่สร้างหอคอยนี้ขึ้นมา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านไปได้ และจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“ส่วนชั้นที่สิบยังไม่มีใครทะลวงผ่านได้!”
“หากกล่าวเรื่องนี้แล้ว เราต้องบอกว่าจักรพรรดินีของพวกเรานั้นไร้ผู้ใดเทียบได้ ทั้งในด้านรูปลักษณ์ พละกำลัง ความแข็งแกร่ง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นอันดับหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่นางได้แต่งงานกับขยะเปียก น้องชายเอ๋ย เจ้าคิดว่าขยะเปียกผู้นั้นหน้าตาเป็นเช่นไร…”
เมื่อศิษย์สายนอกผู้นั้นกล่าวจบ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหนิงฝานหายไปแล้ว
“…”
หนิงฝานเดินมาที่ด้านข้าง และมองขึ้นไปยังหอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำตรงหน้าด้วยความสนใจ
ณ ลานหยกขาว
ขณะที่อาวุโสผู้รับผิดชอบการประชุมนี้ได้ประกาศเริ่มต้นการท้าทาย เหล่าศิษย์ทั้งหมดเริ่มเข้าแถวเพื่อเข้าสู่หอคอย
อย่างไรก็ตาม เหล่าศิษย์จำนวนมากเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับออกมารวดเร็วยิ่งกว่า สีหน้าสลดใจราวกับได้พบเจอเรื่องโศกเศร้า!
เนื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งเสริมแรงกระตุ้นให้กับเหล่าศิษย์ ตราบใดที่สามารถท้าทายได้สำเร็จ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลที่มากขึ้น ยิ่งท้าทายได้สูงมากเท่าไหร่ รางวัลก็จะยิ่งมากตามเท่านั้น
และศิษย์เหล่านี้ยังไม่ผ่านแม้แต่ชั้นแรก นั่นหมายความว่าพวกเขาย่อมไม่ได้รับรางวัลใด
ความท้าทายกำลังดำเนินไป และเหล่าศิษย์โดยรอบต่างกล่าวถึงเรื่องนี้
“หอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำเปิดแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าผู้ใดจะคว้าตำแหน่งสวรรค์ทะนงที่แข็งแกร่งที่สุดในคราวนี้ได้!”
“จำเป็นต้องกล่าวด้วยหรือ ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่อาวุโสแห่งไท่เสวียน ‘ลู่เสวียนจื่อ’ ของพวกเราอยู่แล้วแน่นอน ศิษย์พี่เริ่มฝึกฝนตั้งแต่อายุสิบขวบ และตอนนี้เขาอายุยี่สิบปี เขาก็เข้าสู่ขอบเขตราชันยุทธ์ได้แล้ว!”
“ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเช่นนั้นเสียหน่อย ศิษย์พี่นั้นเพียงเพิ่งฝึกฝนเร็วกว่าผู้ใด หากเจ้าต้องการยกนามของเสวียนจื่อ เจ้าต้องดูศิษย์น้องหญิงตัวน้อย ‘เฟิงหลิ่งเหยา’ ด้วยวัยสิบแปดปี นางก็เข้าสู่ขอบเขตบรรพชนยุทธ์แล้ว!”
“เดี๋ยว ๆ พี่ชายเจี้ยนชือฝึกกระบี่มากว่ายี่สิบปี และมีพลังต่อสู้ไม่ธรรมดา เขายังมีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด!”
“เงียบเสีย มารอชมกันเถิดว่าผู้ใดจะได้รับตำแหน่ง มันไม่ง่ายหรอกที่จะทะลวงผ่านหอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำนั้นได้!”
“…”
เมื่อเวลาผ่านไป พี่ใหญ่ลู่เสวียนจือ เฟิงหลิ่งเหยา เจี้ยนชือ และศิษย์คนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็เริ่มท้าทายกันแล้ว
เมื่อได้เห็นก็ต้องยอมรับว่า พรสวรรค์ของคนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าศิษย์ทั่วไปยิ่งนัก
ไม่นานพวกเขาก็ผ่านพ้นชั้นแล้ว ชั้นเล่า จนกระทั่งถึงชั้นที่หก ผู้คนก็เริ่มถูกกำจัดออกจนเหลือเพียงน้อยนิด
ผลสุดท้ายเกิดเหตุไม่คาดฝันนัก
เฟิงหลิ่งเหยา เจี้ยนชือ และคนอื่น ๆ ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทั้งหมดทะลวงผ่านชั้นที่เจ็ด และหยุดลงในชั้นที่แปด
มีเพียงพี่ใหญ่ลู่เสวียนเท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านชั้นที่แปดได้สำเร็จ และได้รับตำแหน่งสวรรค์ทะนงผู้แข็งแกร่งที่สุด!
“ข้าต้องการเข้าสู่ชั้นที่เก้า!”
ทันใดนั้น ลู่เสวียนจือเปิดปากของเขา น้ำเสียงนั้นดึงดูดความสนใจจากผู้ชมโดยรอบทันที!
ในระยะเวลากว่าหลายพันปีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านชั้นที่เก้าได้
หากลู่เสวียนจือทำสำเร็จ ชื่อเสียงของเขาจะถูกบันทึกในตำนาน!
พรึ่บ!
ร่างกายนั้นกลายเป็นลำแสง
ลู่เสวียนจือพุ่งเข้าไปแล้ว!
ตู้ม!
แต่ทันใด ลู่เสวียนจือก็พุ่งทะยานออกมาอีกครั้ง!
“…”
ลู่เสวียนจือล้มเหลว ทว่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นไปตามที่ทุกคนคิดเอาไว้
ท้ายที่สุด หากชั้นที่เก้าของหอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำสามารถทะลวงผ่านได้ง่ายดายเพียงนั้น คงมีผู้คนมากมายสามารถผ่านพ้นได้ไปแล้ว
“หอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำนั้นยากเย็นถึงเพียงนั้นเชียว?”
ในเวลานี้หนิงฝานยืนปะปนอยู่ในฝูงชน มองขึ้นไปบนหอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำ เกิดความรู้สึกมากมายในใจ
ในปีที่ผ่านมา แม้การฝึกฝนของเขาอีกครึ่งก้าวจะเข้าสู่ขอบเขตราชันยุทธ์ และเขาก็เชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ที่หลากหลาย แต่เขายังไม่เคยทดสอบของจริงเลยสักครั้งเดียว
“ตอนกลางวันมีคนมากเกินไป แต่เวลากลางคืนคงไม่มีผู้ใด!” หนิงฝานหันหลังกลับและจากไป เขาวางแผนว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งเมื่อตะวันตกดิน…