ตอนที่ 14 ปราณกระบี่เพียงเล็กน้อย ตัวหมากที่ซุกซ่อน! (รีไรท์)
“บัดซบ!”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ร่างอ้วนผอมถึงกับตื่นตระหนก พวกเขารีบหันไปสำรวจสภาพแวดล้อมและเห็นว่าเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบปียืนอยู่ด้านหลัง มีเสื้อคลุมสีขาวพลิ้วไหวอยู่ ทั่วร่างกายปลดปล่อยออร่าขอบเขตผู้ฝึกยุทธ์ออกมา
“ไอ้เด็กน้อย! มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน ทำเอาข้าตกอกตกใจหมด!”
“ผู้ฝึกยุทธ์? ที่มันเรื่องบ้าอะไร! เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นศิษย์ช่างซ่อมบำรุงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”
เมื่อพวกเขาเห็นรูปลักษณ์ชัดเจนของหนิงฝาน ทั้งคนอ้วนและผอมต่างเปิดปากก่นด่าทันที
ในเวลานี้ หนิงฝานกล่าวอีกครั้ง “เจ้าสองคนต้องการปลดผนึกหอคอยและปล่อยอสูรด้านในงั้นหรือ?”
“ไอ้เด็กน้อย อย่าได้คิดว่าตนเองมีสิทธิ์กล่าวมากความ!”
“ก็เพียงขยะชิ้นหนึ่งแห่งผู้ฝึกยุทธ์ กล้าเอ่ยปากกับพวกเราเชียว!”
ขณะนี้จิตสังหารของคนอ้วนและผอมถูกปลดปล่อยออกเพื่อข่มเหงหนิงฝาน
หนิงฝานเพิกเฉยต่อทั้งคู่ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงทุ้ม “ข้าแนะนำว่าอย่าได้แตะต้องหอคอยปราบอสูรนั้นดีกว่า มิฉะนั้นลมหายใจอาจดับสูญได้!”
“ฮ่า ๆ ตายงั้นหรือ? เช่นนั้นก็บอกพวกเราหน่อยเถิดว่าเหตุใดจึงตายตก!”
ใบหน้านั้นยกยิ้มเย็นชาก่อนจะกระชับกระบี่ในมือแน่น
“เพราะข้าจะสังหารพวกเจ้า!”
หนิงฝานกล่าวเคร่งขรึม
“ฮ่าฮ่า ฆ่าพวกเราหรือ? มดแห่งผู้ฝึกยุทธ์ขู่จะสังหารพวกเรา!”
“ข้าหวาดกลัวเสียจริง!”
ทั้งคนอ้วนและผอมอย่างเย้ยหยันอย่างสนุกสนาน
พวกเขายิ้มและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ร่างผอมเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะคำราม “ไอ้โง่ ไปลงนรกซะ!”
ฟึ่บ!
ดาบใหญ่เคลื่อนไหว!
แกร็ก!
เสียงดังคมชัดในสายตาของคนอ้วนผอม ดาบใหญ่จักรพรรดิของพวกเขาหักออกเป็นสองท่อน!
ขณะที่หนิงฝานซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไร้รอยขีดข่วน
“เฮ้อ! มันยากที่จะเกลี้ยกล่อมเหล่าคนโฉดชั่ว! คงต้องหลั่งเลือดพวกมันให้จบเรื่องราวแล้ว!”
เวลานี้หนิงฝานถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ฟู่ว!
ศีรษะของคนผอมลอยขึ้นในอากาศ โลหิตร้อนแรงทะลักออกราวกับน้ำพุปะทุ
“อะไรกัน!”
คนอ้วนถึงกับตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดเซียว
คนผู้นี้เพียงดีดนิ้วก็สามารถสังหารจักรพรรดิยุทธ์ได้ในพริบตา
แล้วเขาจะอยู่แค่ขอบเขตผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร?
วิ่ง!
ปฏิกิริยาของเจ้าอ้วนยังคงรวดเร็ว เขาหันหลังกลับและออกวิ่งทันที แม้แต่เผยทักษะการหลบหนียอดเยี่ยม ความเร็วของเขามากที่สุดที่เคยกระทำมาในชีวิตนี้
“ข้าเร็วกว่า!”
“ข้าย่อมรอด!”
ร่างอ้วนคล้ายกับลูกบอลที่ควบม้า มันพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าในพริบตา
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้า!”
หนิงฝานไม่ได้ไล่ตาม เพียงก้าวถอยหลังเล็กน้อยเท่านั้น
พรึ่บ!
ปราณกระบี่ฉีกผ่านช่องว่างในอากาศและพุ่งทะยานเข้าหาร่างอ้วนในทันที
…
หึหึ…
ร่างอ้วนที่พุ่งทะยานในอากาศ และพุ่งออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไปกว่าสิบลี้ในลมหายใจเดียว เมื่อเห็นว่าตนปลอดภัยแล้ว มันก็หยุดหอบหายใจพร้อมบ่นพึมพำ
“ฮ่า ๆๆ ข้ายังไม่ตาย ยอดเยี่ยมแล้ว!”
ร่างอ้วนมีความสุขมากที่เห็นว่าตนเองยังมีลมหายใจอยู่
“ชายผู้นั้นยังหนุ่มยังแน่น แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นผู้เฒ่าแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หลบซ่อนตัว อีกทั้งเขาสามารถสังหารเจ้าสามได้ง่ายดาย เช่นนั้นเขาควรจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์เป็นแน่!”
“ฮ่า ๆ ไม่นึกเลยว่าข้าจะรอดพ้นเงื้อมมือของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งได้ ความเร็วของข้ายังน่าประทับใจเช่นเคย!”
“เจ้าสาม… พี่ชายผู้นี้จะเผากระดาษให้เจ้าภายหลัง!”
ร่างอ้วนถอนหายใจ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง
ในขณะนั้นเอง
กลับมีบางสิ่งเคลื่อนไหวในป่าทึบ
ส่วนลึกของป่าทึบ ชายชุดดำหลายร้อยคนรวมตัวกันปลดปล่อยปราณปีศาจคละคลุ้ง ระดับการฝึกฝนต่ำที่สุดคือขอบเขตราชันยุทธ์ ซ้ำยังมีมากมายอีกด้วย
ผู้นำของกลุ่มคือชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำ ร่างกายเต็มไปด้วยปราณปีศาจผันผวนรุนแรง นี่คือขอบเขตของจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบ
บุคคลนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าสำนักมหาอสูร ซึ่งเป็นผู้นำของเก้าสำนักมหาอสูรนามว่าเฉาเทียนสยง และชายชุดดำที่อยู่รอบตัวของเขาคือ อาวุโสระดับสูงผู้แข็งแกร่งที่สุดของอสูรกลืนกิน
พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ เพราะต้องการรีบเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเพื่อช่วยเหลือเจ้าสำนักคนก่อน หลังจากที่เจ้าอ้วนและผอมเปิดผนึกหอคอยปราบอสูรสำเร็จ
ขณะที่ทั้งหมดกำลังเฝ้ารออย่างกระวนกระวาย พวกเขาพลันเห็นร่างอ้วนเดินทางกลับมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจ้าสำนักเฉาเทียนสยงยืนขึ้นพร้อมตะโกนทันที “ไอ้ตัวบัดซบ! ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าลอบเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลดผนึกหอคอยปราบอสูรแล้วปลดปล่อยเจ้าสำนักไม่ใช่หรือ ไฉนจึงกลับมาตัวเปล่าเล่า!”
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ท่านเจ้าสำนัก!”
หลังจากถูกตำหนิ ร่างอ้วนโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะคลานเข้าหาเฉาเทียนสยงด้วยความหวาดหวั่น “มีจักรพรรดิยุทธ์หลบซ่อนอยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน น้องสามของข้าถูกสังหารและข้าหนีรอดมาได้…”
“ว่ากระไรนะ?”
“มีจักรพรรดิยุทธ์ซ่อนอยู่?”
“เจ้าหนีมันมาได้… ไม่ดีแล้ว ถอยเร็ว!”
เฉาเทียนสยงหงุดหงิดอยู่ครู่ ก่อนจะคำรามลั่นด้วยความหวาดกลัว
ในฐานะเจ้าสำนักอสูร เขาตระหนักดีถึงความน่าหวาดกลัวของจักรพรรดิยุทธ์ ในมือของชายแข็งแกร่งเช่นนั้น แม้แต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้ แล้วชายผู้นี้จะสามารถวิ่งหนีได้อย่างไรกัน
เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ!
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งสายเกินกว่าจะตั้งตัวทันแล้ว!
ตู้ม!
ขณะที่เฉาเทียนสยงกำลังจะอ้าปาก ปราณกระบี่พลันปะทุออกมาจากร่างกายเจ้าอ้วน ร่างเจ้าอ้วนสูญสลายไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้อง จากนั้นปราณกระบี่ก็ระเบิดออก ก่อเกิดเป็นปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดทะยานออกไปทุกทิศทาง
“อ๊าก!!”
ปราณกระบี่กวาดไปทั่วบริเวณ และผู้คนจากสำนักอสูรกลืนกินถูกโจมตีทีละคน ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกตัดศีรษะโดยที่ยังไม่ทันได้ขยับตัวด้วยซ้ำ
แม้แต่เฉาเทียนสยงยังถูกระเบิดโดยปราณกระบี่จนกระเด็นลอยไปไกล เขาบาดเจ็บสาหัสและนอนกองอยู่บนพื้น
ผ่านไปเนิ่นนาน
เมื่อปราณกระบี่สูญสลายหายไป ป่าทึบก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง เหล่าจอมยุทธ์ส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาบาดเจ็บสาหัสหรือตายตก ณ สถานที่แห่งนี้
“บัดซบ! ไอ้สารเลวนั่นมันทำลายสำนักอสูรกลืนกินของข้า!”
เวลานี้เฉาเทียนสยงลุกขึ้นยืนพร้อมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
สถานที่โดยรอบเต็มไปด้วยโลหิต ตอไม้และแขนขากระจัดกระจายเกลื่อนกลาด
เพียงแค่ปราณกระบี่เล็กน้อย กลับทำให้สำนักอสูรกลืนกินแทบจะล่มสลาย สิ่งนี้น่าสลดใจยิ่งกว่าการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมและอสูรในช่วงหลายปีผ่านเสียอีก!
ที่สำคัญ มันยิ่งทำให้เฉาเทียนสยงรู้สึกหวาดกลัวต่อปรมาจารย์ที่ปลดปล่อยปราณกระบี่นี้ออกมา
แม้ว่าปราณกระบี่นี้ไม่อาจสังหารเขา แต่มันก็กลืนกินผู้คนของสำนักไปจำนวนมาก และยังสามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ด้วย เจ้าของปราณกระบี่นี้ย่อมอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบแน่นอน!
“เจ้าสำนักขอรับ พวกเราควรทำสิ่งใดต่อ แล้วเช่นนี้เราจะช่วยเหลือเจ้าสำนักคนเก่าได้หรือไม่?”
ขณะนั้น ศิษย์บางคนกล่าวถามขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ช่างหัวมารดามันเสีย ช่วยตัวเองก่อนดีหรือไม่…”
เฉาเทียนสยงสาปแช่ง
พวกเขาไม่ได้เข้าสู่เขตประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ ดังนั้นเวลานี้เขาจะทำอย่างไร แล้วจะช่วยเหลืออีกฝ่ายได้อย่างไร
ชายผู้นั้นถูกตำหนิโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็ไม่กล้าจะโต้แย้งคำใด
เฉาเทียนสยงระงับอารมณ์โกรธไว้ชั่วคราวก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “แผนการช่วยเจ้าสำนักคนก่อนย่อมถูกระงับไว้ก่อน เวลานี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีจักรพรรดิยุทธ์คอยปกป้อง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถบุกทะลวงเข้าไปอย่างประมาทได้ ต้องใช้วิธีอื่น!”
“วิธีอื่น?”
ทุกคนสับสน
การเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉาเทียนสยง “หึ เราต้องไปพบเชียงอวี้ ถึงเวลาเปิดใช้ตัวหมากที่เราเลี้ยงดูในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแล้ว!”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเบี้ยตัวน้อยของเราในเวลานั้นเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่มานานเพียงใด ตราบใดที่เขาช่วยเราปลดปล่อยเจ้าสำนักคนก่อน การทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะต้องสำเร็จเป็นแน่!”
“โอ้! ผู้ใดคือหมากที่เจ้าสำนักกล่าวถึง เขามีพลังมหาศาลขนาดนั้นเชียว!” ใครบางคนกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้
“หุบปาก!”
เฉาเทียนสยงยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะพาคนที่เหลือรอดชีวิตออกจากป่าทึบนี้ด้วยความยากลำบาก