ตอนที่ 13 ลงชื่อเข้าใช้ที่หอคอยปราบอสูร พบเจออสูรลอบย่อง! (รีไรท์)
“กลับ!”
หนิงฝานเดินทางสู่พระราชวังจักรพรรดินี
ระหว่างทางได้ยินศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังกล่าวถึงการต่อสู้ ระหว่างสำนักฝ่ายชอบธรรมกับสำนักปีศาจ
การต่อสู้ระหว่างความชอบธรรมและปีศาจดำเนินมากว่าสามปีแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่อสู้ไปมาทำให้มีผู้คนจำนวนมากบาดเจ็บจนถึงตายตก ทั้งสำนักฝ่ายปีศาจทั้งเก้าและสำนักฝ่ายธรรมทั้งสิบ หรือแม้แต่นิกายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ล่มสลายไปเป็นจำนวนมาก
“เฮ้อ! การต่อสู้และเข่นฆ่ามันไม่ดีหรอก ลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝนอย่างอิสระย่อมดีกว่า!”
หนิงฝานถอนหายใจ
ในฐานะมนุษย์โลก สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดคือการต่อสู้ สังหาร เข่นฆ่า… แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกใบนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เข้ารู้ดีว่ามันป่าเถื่อนเพียงใด!
“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ว่า เวลานี้การต่อสู้ระหว่างปีศาจและความชอบธรรมยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่หอคอยปราบอสูรในพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังภูเขาก็ยังไม่อาจสงบสุข!”
“ถูกต้องแล้ว เมื่อสองวันก่อนมีเสียงคำรามของอสูรดังกึกก้องออกมา สร้างความสะพรึงกลัวให้กับผู้คนยิ่ง ศิษย์หลายคนเสียสติและต้องการบุกเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม เพื่อปลดผนึกหอคอยปราบอสูรนั้น!”
“สวรรค์! เลวร้ายเกินไปแล้ว ผู้ที่ถูกกำราบไว้ในหอคอยปราบอสูร ล้วนแต่เป็นอสูรยิ่งใหญ่ผู้สร้างปัญหามากมาย!”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ยิ่งต้องระวังให้มาก สงครามระหว่างฝ่ายชอบธรรมและปีศาจผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของพวกเรายังไม่ปลอดภัย!”
“…”
เมื่อได้ฟังการสนทนาเหล่านี้ หัวใจหนิงฝานตื่นเต้นอย่างยินดี
“ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ดูเหมือนข้ายังไม่เคยไปที่หอคอยปราบอสูรเพื่อลงชื่อเข้าใช้เลย”
“คืนพรุ่งนี้ข้าจะลองเข้าไปเสี่ยงโชคดูสักหน่อยแล้วกัน มาดูกันว่าการลงชื่อที่นั่นจะได้รับสมบัติแห่งสวรรค์หรือไม่!”
ท้ายที่สุดแล้ว การลงชื่อเข้าใช้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการรับสมบัติที่ดี แต่เมื่อก่อนฐานการฝึกฝนของเขาอ่อนแอเกินไป และภูเขาด้านหลังเป็นพื้นที่ต้องห้าม ซ้ำมันอยู่นอกเหนือจากคำสั่งของจักรพรรดินี ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เคยไปยังสถานที่แห่งนั้น
เวลานี้ย่อมแตกต่าง เขาเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงแล้ว ความแข็งแกร่งของเขายิ่งใหญ่มากและหาผู้คนเปรียบเทียบได้ยาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถต่อสู้กับเขาได้ เวลานี้เขาจึงค่อนข้างมั่นใจหากจะบุกเข้าสู่หอคอยปราบปีศาจ
เวลาผ่านไป
วันถัดมา ยามเย็น
พรึ่บ!
ร่างหนึ่งพุ่งออกจากพระราชวังจักรพรรดินีและมุ่งสู่พื้นที่ต้องห้าม
ไม่นานเขาก็มาถึงภูเขาด้านหลัง
หนิงฝานสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายบางอย่างหลบซ่อนอยู่ในความมืดมิด ซึ่งน่าจะเป็นอาวุโสพิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งมาลาดตระเวน เพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหอคอยปราบปีศาจ
แต่เวลานี้ฐานการฝึกฝนของหนิงฝานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และด้วยความช่วยเหลือของเสื้อคลุมเร้นลับ ตาเฒ่าผู้นั้นจึงไม่อาจสังเกตเห็นเขา
ฟึ่บ!
ภายในของพื้นที่ต้องห้ามในภูเขาด้านหลัง มีกลิ่นอายแห่งพลังปราณจิตวิญญาณบางเบา และหอคอยทมิฬขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในระยะไกล หอคอยขนาดยักษ์มีหลายพันชั้น และถูกตรึงไว้ด้วยตรวนสีดำแน่นหนา
โฮก! โฮกกก! หึหึหึหึ…
ทันทีที่เขามาถึงหอคอยปราบอสูร หนิงฝานก็สัมผัสได้ถึงเสียงคำรามลั่นจากภายในหอคอย
หอคอยปราบอสูรมีประวัติอันยาวนาน ซึ่งย้อนกลับไปนับตั้งแต่สมัยของผู้ก่อตั้งดินแดนไท่เสวียนได้ปราบปรามอสูรจำนวนมากในช่วงชีวิตของเขา
หนิงฝานสัมผัสได้ในพริบตา และพบว่ามีออร่ากว่าหนึ่งพันตนอยู่ภายในหอคอยปราบอสูร ระดับต่ำที่สุดคือขอบเขตราชันยุทธ์ และยิ่งสูงขึ้นไปเท่าไหร่ ออร่ายิ่งดุร้ายทวีความรุนแรงมากเท่านั้น ขณะที่หนิงฝานจับจ้องชั้นบนสุด เขารับรู้ถึงออร่าอันแข็งแกร่งแห่งจักรพรรดิ
“กลับมีจักรพรรดิอสูรถูกจองจำอยู่ที่นี่ด้วย!”
หนิงฝานอุทานอย่างประหลาดใจ
จักรพรรดิอสูรตนนี้น่าจะถูกจองจำมานานหลายร้อยปี แต่ถึงอย่างนั้นออร่าของมันก็ยังแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนเลย
“บรรพบุรุษแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนี้ป่วยหรือไม่ เหตุใดเขาจึงไม่สังหารจักรพรรดิอสูรผู้ทรงพลังให้สิ้นซาก เหตุใดจึงกักขังไว้ รอเขาฟื้นคืนชีพกลับมาหรือไร?”
หนิงฝานลอบบ่น
แต่เขาไม่คิดสนใจเรื่องเหล่านั้น
เพราะสุดท้ายเขามาที่นี่เพื่อลงชื่อเข้าใช้เท่านั้น
“ระบบ! ลงชื่อเข้าใช้ให้ข้า!”
[ติ๊ง! ท่านลงชื่อเข้าใช้ที่หอคอยปราบอสูรสำเร็จแล้ว และท่านได้รับมหาเคล็ดขัดเกลาร่างอสูรสวรรค์ นี่คือทักษะศักดิ์สิทธิ์สำหรับการขัดเกลาร่างกาย หากท่านฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์ ท่านจะสามารถขัดเกลาให้ร่างกายบริสุทธิ์ได้]
เมื่อสิ้นเสียงระบบ การฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมพลันปรากฏขึ้นในจิตใจของหนิงฝาน!
“โอ้ มีของดีจริงด้วย!”
หนิงฝานลอบยินดี
มหาเคล็ดขัดเกลาร่างอสูรสวรรค์!
ชำระล้างร่างกาย!
สุดท้ายแล้ว สิ่งนี้เพียงพอที่จะอยู่อันดับหนึ่งในสมบัติที่เขาลงชื่อเข้าใช้ของปีนี้
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ!”
หนิงฝานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงกลับสู่พระราชวังจักรพรรดินี เพื่อฝึกฝนมหาเคล็ดขัดเกลาร่างอสูรสวรรค์
ตู้ม!
หลังจากการฝึกฝนมหาเคล็ดขัดเกลาร่างอสูรสวรรค์ในทันที เขาก็เข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้นโดยตรง
เคล็ดสวรรค์เก้ามังกรศึกที่เขาฝึกฝนไว้ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก และเวลานี้กองกำลังจักรวรรดิทั่วไปไม่อาจทำร้ายเขาได้อีก บวกกับเวลานี้เขาเริ่มฝึกฝนมหาเคล็ดขัดเกลาร่างอสูรสวรรค์ ความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น
ผิวหนังทั่วร่างกายเผยสีดำขลับเคลือบไว้
เมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงฝานหยิบกระบี่ของจักรวรรดิออกมาและสับฟันลงบนแขนของตนอย่างรุนแรง มีเพียงเสียง ‘กึก’ ดังขึ้นและเกิดรอยจาง ๆ บนแขนของเขาเท่านั้น!
“คงกระพันแล้ว!”
หนิงฝานยิ่งตื่นเต้นมาก
วันนี้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองกำลังจักรวรรดิทั่วไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากฝึกฝนให้มากกว่านี้ มันเป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุการขัดเกลาร่างกายในตำนาน!
เช่นนั้น ในวันถัดมา
ก่อนที่มันจะมืดเกินไป หนิงฝานลุกขึ้นพร้อมกับตรงไปที่หอคอยปราบอสูร
นี่คือสถานที่ลงชื่อเข้าใช้ใหม่ของเขา จะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร
[ลงชื่อเข้าใช้หอคอยปราบอสูร ได้รับกระบี่อสูรเหนือบรรพกาล!]
[ลงชื่อเข้าใช้หอคอยปราบอสูร ได้รับกระดานหินผนึกอสูร!]
[ลงชื่อเข้าใช้หอคอยปราบอสูร ได้รับหยาดเลือดอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์!]
“…”
หนิงฝานลงชื่อเข้าใช้ที่หอคอยปราบอสูรเป็นเวลาเก้าวันติด
เขาได้รับสมบัติยอดเยี่ยมมากมาย
จนกระทั่งวันที่สิบ
คิ้วของหนิงฝานขมวดแน่นเมื่อมาถึงภูเขาด้านหลัง
ณ ทางเข้าของภูเขาด้านหลัง มีผู้เฒ่าหลายคนตายตกนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น
“หืม? มีผู้บุกรุกเข้ามาในภูเขา!”
หนิงฝานถึงกับตื่นตัว
ในช่วงไม่กี่วันถัดมา สำนักฝ่ายธรรมและปีศาจต่อสู้กันอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ หลัวชิงเซียนกับลี่ฉิงเทียนจึงไม่ได้อยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
อีกฝ่ายย่อมใช้ประโยชน์จากช่วงอันตรายนี้ลอบเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามของภูเขาด้านหลัง และทั้งหมดถูกวางแผนเอาไว้แล้ว!
“กล้าทำเรื่องป่าเถื่อนในอาณาเขตของเมียข้าหรือ! สมควรตาย!”
หนิงฝานก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะทะยานขึ้นสำรวจภูเขาด้านหลัง
ด้านหน้าของหอคอยปราบอสูร
มีสองร่างลอบย่องเข้ามาอย่างลับ ๆ ร่างหนึ่งอ้วน ร่างหนึ่งผอม ทั้งสองมีออร่าปีศาจพวยพุ่งออกทั่วร่างกาย และพลังที่ปลดปล่อยออกมาก็เป็นพลังขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสุด
“พี่รอง เราเองก็เป็นแม่ทัพปีศาจภายในสำนักอสูรกลืนกิน ท่านไม่คิดว่าการขโมยไก่และลอบสังหารสุนัขเช่นนี้เป็นเรื่องน่าอายหรอกหรือ!”
ในเวลานี้ร่างผอมบ่นอุบ คมกระบี่ใหญ่ที่ถูกกระชับไว้ในมือยังเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต
“เจ้าสาม เจ้าจะไปรู้อะไร นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่เราจะได้รับพรยิ่งใหญ่!”
ร่างอ้วนกล่าวด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะชี้ไปยังหอคอยปราบอสูรแล้วกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมขังอยู่ภายในหอคอยปราบอสูรนี้?”
“ผู้ใดบ้างที่ถูกคุมขังอยู่ในหอคอยปราบอสูร? ก็แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ไร้ความสามารถของฝ่ายเรา!” ร่างผอมกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
“ผิดแล้ว! เจ้าคิดผิดมหันต์!”
ร่างอ้วนส่ายศีรษะ จากนั้นมองชั้นบนสุดพร้อมกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะบอกบุญแก่เจ้า ผู้นำสำนักของเราบอกให้เรามาที่นี่ ผู้นำคนก่อนหน้าของสำนักอสูรกลืนกินของเราถูกคุมขังไว้ที่หอคอยปราบอสูรชั้นบนสุด จักรพรรดิอสูรผู้ทรงพลัง ขอบเขตการฝึกฝนไร้ผู้ใดเทียบได้ในโลกหล้านี้ เขาคือผู้นำแห่งสำนักอสูรทั้งเก้า และเป็นที่เคารพอย่างแท้จริงของฝ่ายปีศาจ!”
“อ๋อ! แท้จริงแล้วเป็นผู้นำสำนักคนก่อนของเรา!”
ร่างผอมถึงกับตกใจกับข่าวใหม่ที่ได้รับ
ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ที่สุดของเผ่าปีศาจคือ ช่วงของเจ้าสำนักอสูรกลืนกินคนก่อน!
เวลานี้สำนักอสูรกลืนกินอยู่ในระดับต่ำที่สุดของเก้าสำนักปีศาจ แต่หากเจ้าสำนักคนก่อนกลับมา สำนักอสูรกลืนกินของพวกเขาจะกลับมาผงาดอีกครั้ง!
พวกเขาทั้งสองในฐานะอันดับหนึ่งแห่งสำนักจึงได้รับภารกิจช่วยเหลือเจ้าสำนักคนก่อน และแน่นอนว่าสถานะของพวกเขาในสำนักย่อมเพิ่มพูนขึ้นราวกระแสน้ำเชี่ยว
“ฮ่าฮ่า! เร่งลงมือเถิดพี่รอง เปิดผนึกหอคอยปราบอสูรนี้เพื่อช่วยเจ้าสำนักออกมา!”
ร่างผอมแทบจะรอไม่ไหว เขาต้องการพุ่งทะยานไปด้านหน้าเพื่อทำลายผนึกของหอคอยปราบอสูร
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“เฮ้ย ไอ้อ้วนผอม พวกเจ้าคิดทำสิ่งใด!?”