หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 606

ตอนที่ 606

บทที่ 606 อะแฮ่ม
ตอนนี้ หวังเป่าเล่ออยู่ในตำหนักวังบูชาที่ตั้งอยู่บนตัวกระบี่สำริดเขียวโบราณ กำลังหมกมุ่นอยู่กับการตรวจสอบฝักกระบี่ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจถามแม่นางน้อยเกี่ยวกับฝักกระบี่ที่เปลี่ยนแปลงไป

“อย่ามามองข้า ไม่มีใครในจักรวาลนี้รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝักกระบี่ของเจ้า คิดเสียว่าเป็นแค่การเปลี่ยนรูปแล้วลองหาวิธีจัดการเองแล้วกัน” แม่นางน้อยตอบกลับอย่างรวดเร็ว

หวังเป่าเล่อส่ายหัวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ชายหนุ่มตรวจสอบฝักกระบี่อยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย จึงยอมแพ้ไป รู้เพียงแค่ว่าครั้งนี้ตนได้สมบัติล้ำค่ามา ในใจรู้สึกฮึกเหิม

อาจเป็นเพราะระดับการฝึกตนของข้ายังไม่ถึงขั้น ไม่แน่พอบรรลุขั้นจุติวิญญาณ แค่ชักฝักกระบี่ออกมาฟันเพียงครั้งเดียว จะเทพหรือมารก็ต้องร้องคร่ำครวญขอความเมตตา! หวังเป่าเล่อนึกภาพตนฟันกระบี่ในหัว ก่อนจะลุกยืนด้วยความตื่นเต้น จ้องเขม็งไปทางวังลำดับหกเบื้องหน้า

เขาตั้งใจจะลองเสี่ยงดู แต่ประสบการณ์ในวังลำดับห้าทำให้คิดว่าวังลำดับหกน่าจะอันตรายขึ้นไปอีก มีโอกาสสูงมากที่จะทำภารกิจไม่สำเร็จ แค่เอาชีวิตรอดในนั้นได้นานพอก็เป็นเรื่องยากแล้ว

หากไม่ได้เข้าไปในวังลำดับสี่และห้า หวังเป่าเล่อคงจะล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปในวังลำดับหก เพราะมีโอกาสผ่านภารกิจน้อยมากถึงน้อยที่สุด แต่…เขาก็ได้สมบัติมามากมายจากวังลำดับสี่ ในวังลำดับห้าก็ได้หลอมฝักกระบี่ แถมยังขุดเจอวัสดุหายากอีกจำนวนหนึ่ง

แม้ว่าหลายๆ อย่างจะใช้ไปกับการหลอมฝักกระบี่ แต่ข้าวของที่ได้มาครั้งนี้ก็มีมูลค่าสูงมากทีเดียว หวังเป่าเล่อคิดไม่ตก เขาอยากจะรับภารกิจในวังลำดับหกและเข้าไปตามล่าหาสมบัติเพิ่ม แต่อีกใจก็กลัวว่าตนจะเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้

ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็กระแอมไอ ก่อนจะเริ่มพูดเอาอกเอาใจแม่นางน้อย ป้อนคำยกยอไปเสียยกใหญ่ จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้ถามนางขึ้น

“แม่นางน้อย มีทางใดไหมที่ข้าจะเคลื่อนย้ายออกมาตอนไหนก็ได้แม้จะทำภารกิจในวังลำดับหกไม่เสร็จ เหมือนอย่างตอนที่แล้ว”

“เจ้าตั้งใจจะเข้าไปหาสมบัติใช่ไหม…” แม่นางน้อยถามเสียงเย็น น้ำเสียงของนางบ่งบอกชัดเจนว่านางรู้ทันชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่ออย่างผู้เชี่ยวชาญ

“ก็ได้ เห็นว่าเจ้าทำงานเต็มที่ ข้าจะช่วยแล้วกัน แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” แม่นางน้อยว่าอย่างองอาจ ราวกับตนเป็นองค์หญิง

หวังเป่าเล่อกะพริบตา รู้ว่าแม่นางน้อยหมายความว่าอย่างไร นางน่าจะทำได้เพียงช่วยเคลื่อนย้ายออกมาตอนจบจึงพูดขึ้นเช่นนั้น

“แค่นั้นก็พอแล้ว!” ชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจ เริ่มกล่าวยกยอตามนิสัยจนอีกฝ่ายพึงพอใจ จากนั้นจึงสูดหายใจลึกและเดินตรงไปยังโถงใหญ่ของวังลำดับหก

เขาหยุดยืนขณะที่กำลังจะเข้าไปในวังลำดับหก หันหลังกลับมาพบกงเต๋าที่เพิ่งถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากวังลำดับสาม!

หมายความว่ากงเต๋าผ่านการทดสอบเป็นศิษย์สำนักนอกจากวังลำดับสองแล้ว ต่อไปเป็นการทดสอบเพื่อขึ้นเป็นศิษย์สำนักในของวังลำดับสาม!

หากผ่านการทดสอบครั้งต่อไป เขาก็จะมีสถานะเทียบเท่ากับเจ้าเยี่ยเหมิง กงเต๋าเงยหน้าขึ้น เห็นหวังเป่าเล่อกำลังยืนยิ้มให้อยู่หน้าวังลำดับหก ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกตอบ ก่อนจะนั่งลงและเริ่มฟื้นฟูร่างกาย

หวังเป่าเล่อมองกงเต๋าและเจ้าเยี่ยเหมิงที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในวังลำดับสี่ จากนั้นก็หันกลับมามองวังลำดับหกเบื้องหน้า ดวงตาของเขาส่องประกาย ก่อนจะถอนหายใจออกมา

ไม่มีทางผ่านแน่ ไม่น่าจะมีใครในสำนักวังเต๋าไพศาลที่สามารถผ่านวังลำดับหกได้ตอนอยู่ขั้นกำเนิดแก่นใน ดูความยากที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ วังลำดับสี่ยากระดับขั้นจุติวิญญาณ ส่วนวังลำดับห้า แม้จะพิเศษหน่อย แต่ก็น่าจะยากประมาณขั้นเชื่อมวิญญาณ ถ้าอิงตามลำดับนี่แล้วละก็ วังลำดับหกต้องมีความยากอย่างน้อยขั้นจิตวิญญาณอมตะ อาจจะไปถึงระดับดาวพระเคราะห์เลยก็เป็นได้ ชายหนุ่มคิด รู้สึกเสียดายในใจ แม้จะได้ตำแหน่งศิษย์เอกมาครองแล้ว แต่เขาก็มีโอกาสฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ถ้าสามารถผ่านวังสุดท้ายไปได้

ชายหนุ่มสนใจตำแหน่งศิษย์ระดับสูงมาก โดยเฉพาะตำแหน่งศิษย์แห่งเต๋าไพศาล

ช่างเถอะ ค่อยว่ากันว่าจะเป็นอย่างไร ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย หวังเป่าเล่อหรี่ตาเล็ก หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็ก้าวเข้าไปในโถงกว้างของวังลำดับหก

รอบกายปกคลุมไปด้วยความมืด ราวกับได้เหยียบย่างเข้ามาในขุมนรก ชายหนุ่มคุ้นชินกับสภาพเช่นนี้แล้วจากวังลำดับสี่และห้า เขายืนรออย่างสงบใจในความมืดมิด รอให้เสียงเย็นเยียบไร้อารมณ์อธิบายรายละเอียดภารกิจ

ไม่ต้องรอนาน เสียงหนึ่งก็ดังก้องวังลำดับหกตามที่คาดไว้

“การทดสอบศิษย์อุปถัมภ์ประจำวังลำดับหกจะเริ่มต้นขึ้นในอีกชั่วหนึ่งร้อยลมหายใจ

“โปรดเตรียมตัวให้พร้อม ท่านจะได้ไปยังอารยธรรมของพันธมิตรตระกูลไม่รู้สิ้น…ดาวเคราะห์ดวงที่ห้าในวงโคจรลำดับเก้าซึ่งเป็นของตระกูลกกสนธยา ท่านต้องทำลายหอเพลิงโทสะและรอดกลับมาจึงจะถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจ โปรดระมัดระวังตัวเนื่องจากภารกิจนี้ยากมาก!”

“หากไม่มีการบอกปฏิเสธภายในช่วงหนึ่งร้อยลมหายใจจะถือว่าท่านได้ยอมรับภารกิจ โปรดคำนึงว่า…” เสียงเย็นชาอธิบายอย่างเรียบเฉยไปเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้พออธิบายไปได้พักหนึ่งก็หยุดชะงักไป ไม่ยอมพูดต่อให้จบ!

หวังเป่าเล่อคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงกระแอมไอ แต่ก็ไม่แน่ใจเพราะได้ยินไม่ชัด อาจจะหลอนหูไปเองก็เป็นได้ แต่ขณะนี้ ทั้งวังลำดับหกและตำหนักวังบูชากำลังสั่นไหวอยู่โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว

ราวกับว่ามีพลังจากลึกสุดของจักรวาลเข้าปะทะตำหนักวังบูชา ขณะที่ตำหนักกำลังสั่นไหว เสียงไร้อารมณ์ในวังลำดับหกก็หยุดชะงักไป ก่อนจะเริ่มพูดนอกบท

“การทดสอบศิษย์อุปถัมภ์ประจำวังลำดับหกจะเริ่มต้นขึ้นในอีกชั่วหนึ่งร้อยลมหายใจ

“โปรดเตรียมตัวให้พร้อม ท่านจะได้ไปยังดาวเคราะห์เต๋าขันธ์เพื่อตามหาสัญลักษณ์เห็นธรรม ท่านสามารถใช้คาถาเคลื่อนย้ายได้หลังจากได้สัญลักษณ์เห็นธรรมหนึ่งชิ้น! ไม่สามารถระบุความยากของภารกิจนี้ได้เนื่องจากเป็นภารกิจให้รางวัล โปรดฝึก…”

หวังเป่าเล่อนิ่งงันไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความยากของภารกิจทั้งสองนั้นแตกต่างกันมากโข เขาตะลึงงันไป ยังไม่ทันที่เสียงนั่นจะอธิบายภารกิจจนจบก็มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นข้างหูเหมือนครั้งก่อน!

ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่แน่ใจว่าได้ยินจริงๆ หรือเปล่า เขาหันมองรอบๆ ก่อนจะพูดขึ้นหน้าตื่น

“ใครกัน!”

ไม่มีเสียงตอบกลับ เสียงอธิบายภารกิจวังลำดับหกดังขึ้นอีกครั้งหลังผ่านไปชั่วสิบสองลมหายใจ ครั้งนี้น้ำเสียงดูจริงจังกว่าเดิม ไม่ได้เย็นชาเหมือนเก่า…

“โปรดเตรียมตัวให้พร้อม ท่านจะได้ไปยังดาวเคราะห์พญาด้วงเพื่อไปแต่งงานกับ…”

“อะแฮ่ม!”

“โปรดเตรียมตัวให้พร้อม ท่านจะได้ไปยังดาวเคราะห์ผืนนภาโดยร่างของท่านจะแปรเปลี่ยนเป็นนักรบผืนนภา…”

“อะแฮ่ม!”

หวังเป่าเล่อยืนกลัวเสียงไอที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เริ่มคิดอยากล้มเลิก เหตุการณ์ที่พบเจออยู่ช่างแปลกประหลาดเกินไป เสียงอธิบายอย่างจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ภารกิจต่างๆ ทำให้ชายหนุ่มหัวใจเต้นถี่ การล่อลวงครั้งนี้ช่างเกินจะต้านไหว

แม้ว่าภารกิจจะน่ารับเพียงใด หวังเป่าเล่อก็สามารถจัดการกับความละโมบของตนเองได้ เขารีบตะโกนออกไปตอนที่เสียงไอดังขัดขึ้น

“ไม่เอาแล้ว! ข้าคิดผิด ข้าขอล้มเลิก!”

ปกติแล้วชายหนุ่มจะถูกเคลื่อนย้ายออกจากวังลำดับหกทันทีที่ขอล้มเลิกภารกิจ แต่…เสียงนั่นกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย จริงๆ แล้วก็อยากก็เพิกเฉยไปเลยแต่ก็ทำไม่ได้

หวังเป่าเล่อตื่นกลัว พยายามเรียกหาแม่นางน้อยแต่นางก็ไม่ตอบกลับ เสียงประกาศภารกิจต่อเนื่องไปสิบกว่าภารกิจ ก่อนภารกิจหนึ่งจะดังขึ้นโดยไร้เสียงไอขัด!

“ท่านผู้เข้ารับการทดสอบผู้ยิ่งใหญ่ โปรดเตรียมตัวให้พร้อม ท่านจะได้ไปยังป่ามี่หลัวเพื่อสังหารลูกอสูรเขี้ยวดาราและนำแก่นในของมันกลับมา ท่านผู้เข้ารับการทดสอบโปรดระมัดระวังตัวเป็นอย่างสูงเพื่อไม่ให้คนสำคัญของท่านได้รับอันตราย ลูกอสูรเขี้ยวดาราที่เพิ่งเกิดใหม่นั้นมีระดับเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ ส่วนร่างโตเต็มวัยนั้นมีระดับเทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ชั้นสมบูรณ์ ราชันของพวกมันสามารถล้มผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ได้ เทียบชั้นถึงระดับดารานิรันดร์

“ด้วยระดับอันสูงส่งของท่าน แม้ว่าท่านจะสังหารอสูรไม่สำเร็จก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ ท่านสามารถเลือกกลับมาตอนไหนก็ได้หลังจากเข้ารับการทดสอบแล้ว!”

น้ำเสียงไม่ได้แฝงความจริงจังอีกต่อไป แต่เป็นน้ำเสียงเหมือนกับพยายามเอาอกเอาใจใครอยู่ หวังเป่าเล่อไม่ได้สบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขากลัวจนผมตั้ง เหงื่อแตกพลั่ก ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ภายใน ชายหนุ่มกำลังจะบอกปฏิเสธภารกิจ ทันใดนั้นวิสัยทัศน์รอบข้างก็พร่ามัว การเคลื่อนย้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

หวังเป่าเล่อหายไปจากวังลำดับหกที่กำลังสั่นไหว…

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท