ตอนที่ 38 แขกไม่ได้รับเชิญ ผู้พิทักษ์เทพ! (รีไรท์)
ตลอดทั้งวันและคืน หนิงฝานได้ลิ้มรสความมหัศจรรย์ของการล้างพิษอีกครั้ง เวลานี้ขั้นการฝึกฝนของเขามาถึงขอบเขตปราชญ์ยุทธ์แล้ว เขาจึงไม่ได้อยู่นิ่งเฉยเช่นเมื่อก่อน ทั้งคู่ลิ้มรสความหวานไร้สิ้นสุดซึ่งกันและกันตลอดทั้งคืน
หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไป หนิงฝานและหลัวชิงเซียนยอมรับซึ่งกันและกัน กลายเป็นคู่สามีภรรยาที่แท้จริง
“ที่รักข้า หากค้นพบหนทางแก้ไขคำสาปก็น่ายินดีแล้ว แต่หากไม่พบ ก็ปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตาเถิด”
“และที่สำคัญที่สุด หลังจากนี้ไปในทุกวัน ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเจ้า”
หลัวชิงเซียนยังไม่เชื่อว่าคำสาปอมตะจะไม่ได้ผลกับหนิงฝาน ดังนั้นหนิงฝานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสร้งทำเป็นป่วยหนัก เพราะต้องการอ้อนวอนขอบางสิ่ง
ในวันต่อมา หนิงฝานชะลอการฝึกฝนของเขา เพราะวิถีอุบัติภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหมดแล้ว และเขาไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้อีกต่อไป
ทุกวัน เขาเพียงปลดเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อออกกระบวนท่ากับหลัวชิงเซียนภายในวังจักรพรรดินี หรือลงจากภูเขาเพื่อสั่งสอนผู้คนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนในฐานะเซียนกระบี่นิรนาม
เขาใช้วิธีนี้เพื่อพักผ่อนยาวนานไปกว่าครึ่งปี
หนึ่งปีหลังจากที่หนิงฝานต้องเผชิญกับคำสาปอมตะ
วันหนึ่ง ภายในโลกใบนี้ จู่ ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น
ห่างไกลออกไปหลายพันลี้จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ลำแสงหนาพุ่งทะยานลงจากท้องฟ้า เมื่อลำแสงนั้นหายไป กลุ่มคนหลายสิบก็ปรากฏตัวขึ้น
คนและม้ากลุ่มนี้สวมชุดเกราะ ถือกระบี่ยาวคาดเอว ออร่าของพวกเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่ง ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ภายในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์
ผู้นำเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดคลุมขนนก สีหน้าเย่อหยิ่ง และฝึกฝนร่างกายจนถึงกายเนื้อพิสุทธิ์ ขอบเขตแห่งพลังวิญญาณกลายบริสุทธิ์
หนึ่งตำแหน่งสองอำนาจปราชญ์ กับอีกสิบตำแหน่งจักรพรรดิยุทธ์!
หากผู้ใดได้พบเจอบุคคลกลุ่มนี้เห็นทีต้องตกตะลึงแน่!
“นี่คือดินแดนรกร้างทางเหนือ? กลิ่นอายแห่งพลังวิญญาณฟ้าดินช่างล้นเหลือนัก!”
“หึ ๆ! ข้าไม่คิดว่าภายในดินแดนสามพันแห่งที่ปกครองโดยราชวงศ์เทพของข้าจะมีดินแดนรกร้างนี้อยู่ด้วย”
“อ่า! ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดองค์หญิงระดับสูงของราชวงศ์เราต้องมาอยู่ภายในดินแดนที่เร้นแค้นเช่นนี้!”
“หยุด! หยุดปาก! แม้ดินแดนรกร้างทางเหนือจะกันดารไปสักหน่อย แต่นี่คือบ้านเกิดของมารดาตระกูลหลัวผู้ล่วงลับ!”
“นั่นสินะ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดองค์หญิงของเราจึงมาที่นี่”
“…”
ทันทีที่คนกลุ่มนี้มาถึง พลันมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
ในที่สุด หลังจากพูดคุยกันสักครู่หนึ่ง ก็มีใครบางคนก้าวขามาด้านหน้าก่อนจะกล่าวคำอย่างสุภาพ
“ท่านแม่ทัพหลิน เราควรทำอย่างไรต่อขอรับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ผู้สวมใส่ชุดคลุมขนนกโบกมือพร้อมกล่าวเสียงทุ้ม “ก่อนที่จะมา แม่ทัพใหญ่ได้สอบถามแล้วว่ามารดาตระกูลหลัวมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ซึ่งอยู่ในดินแดนรกร้างทางเหนือ และองค์หญิงก็สมควรจะอยู่ที่นี่!”
“ไปเสีย ส่งคนออกไปตรวจตราว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอยู่ที่ใด!”
ตามคำสั่งของชายสวมชุดคลุมขนนก ไม่นานก็มีบางคนออกไปสอบถามเส้นทาง
ไม่ช้าชายผู้นั้นก็กลับมาพร้อมกับตำแหน่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงไม่กี่คนในโลกใบนี้ที่ไม่รู้จักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
“ไป! มุ่งหน้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน!”
จากนั้นภายใต้การนำของแม่ทัพสวมชุดคลุมขนนก กลุ่มคนเหล่านี้กลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ความเร็วของพวกเขานับว่าน่าสะพรึง เพียงครึ่งวันทั้งหมดก็มาหยุดยืนเขตชายแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแล้ว
“นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนงั้นหรือ? ทรุดโทรมยิ่งนัก!”
ทันทีที่พวกเขามาถึง ทั้งหมดต่างส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ชายในชุดคลุมขนนกยังขมวดคิ้วแน่นราวกับว่าพวกเขาไม่เข้าใจ… เหตุใดสถานที่รกร้างทรุดโทรมนี้จึงถูกเรียกขานว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
“ผู้ใด!”
ในเวลานี้ เหล่าศิษย์เฝ้าประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตรวจพบแขกไม่ได้รับเชิญแล้ว พวกเขาคำรามลั่นและก้าวตรงไปด้านหน้าเพื่อจะถาม
ทว่าในเวลานั้น
พลันสัมผัสได้ถึงออร่าขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ที่แพร่กระจายออกจากชายหลายสิบคน ทั้งหมดเผยใบหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตระหนก
“สวรรค์! จักรพรรดิยุทธ์! คนเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์!”
“เกิดอะไรขึ้น มหาอำนาจน่าสะพรึงเหล่านี้มาจากที่ใดกัน!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นคนจากวิถีปีศาจคิดแก้แค้น?”
“เร็ว! รีบไปแจ้งข่าวนี้!”
“…”
ศิษย์ที่เฝ้าภูเขาหวาดกลัวและรีบวิ่งไปแจ้งข่าวภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที
หึ ๆ
ชั่วพริบตา อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็รีบรุดไปที่ประตูภูเขา ทว่าเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงด้านนอกประตู สีหน้าทุกคนพลันแปรเปลี่ยนทันที
ตู้ม!
ยามนี้พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวรรดิปรากฏขึ้น ในที่สุดอาวุโสสูงสุดหลี่ฝูเฟิงก็มาถึง
“เฮ้อ!”
ทันทีที่หลี่ฝูเฟิงมาถึง เขาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึก แม้เขาจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์เช่นกัน แต่ออร่าของเขาไม่อาจเทียบเท่าคนกลุ่มนี้ได้ โดยเฉพาะบุรุษในชุดคลุมขนนกที่มีจิตสังหารลึกล้ำราวกับหุบเหวไร้ก้น
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานนัก หลี่ฝูเฟิงก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้
เขาประสานมือพร้อมกล่าวคำอย่างสุภาพกับบุรุษสวมชุดคลุมขนนก และคนอื่น ๆ “ข้าใคร่ขอถามว่าพวกท่านเป็นผู้ใด และมาทำสิ่งใดภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแห่งนี้?”
หลังกล่าวจบ หลี่ฝูเฟิงก็เตรียมใจแล้ว หากคนกลุ่มนี้มาที่นี่ด้วยเจตนาร้าย เขาจะส่งสัญญาณให้กับจักรพรรดินีและหนิงฝานทันที
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ… แม้บุรุษในชุดคลุมขนนกและคนอื่น ๆ จะมีพลังอำนาจเหนือกว่า ถึงในสายตาจะเผยความเย้ยหยันเล็กน้อย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน
ขณะนี้บุรุษในชุดคลุมขนนกกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคือเจ้านิกายแห่งสถานที่นี้?”
“ไม่ใช่แล้ว! ข้าเป็นเพียงอาวุโสสูงสุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน!” หลี่ฝูเฟิงส่ายศีรษะ
“ไม่ว่าจะเป็นเจ้านิกายหรืออาวุโสสูงสุด ข้าเพียงต้องการถามว่า มีสตรีงดงามไร้ผู้ใดเทียบเทียมนามว่าหลินชิงเซียนอยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเจ้าหรือไม่ อีกทั้งขอบเขตการฝึกฝนของนางก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน” เขากล่าวถามอย่างไร้อารมณ์
“หลินชิงเซียน?”
หลี่ฝูเฟิงตกตะลึง แต่เขาก็ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ไม่งั้นหรือ?”
บุรุษสวมชุดขนนกขมวดคิ้ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้หลี่ฝูเฟิงกล่าวอีกครั้ง “เรียนท่านผู้มาเยือน ไม่มีหลินชิงเซียนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มีเพียงหลัวชิงเซียนเท่านั้น”
“หลัวชิงเซียน?”
บุรุษสวมชุดคลุมขนนกเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นแววตาก็เผยความประหลาดใจพร้อมกับลอบคิดในใจว่า… ถูกต้องแล้ว นี่คือบ้านเกิดของมารดาแม่นางหลัว และองค์หญิงก็สมควรจะใช้แซ่ของมารดา
หลังจากที่ไตร่ตรองเสร็จสิ้น เขาจึงกล่าวว่า “ไปเรียกหลัวชิงเซียนที่เจ้ากล่าวถึง… ไม่สิ ข้าควรจะไปพบนางด้วยตนเอง!”
เวลานี้หลัวชิงเซียนเป็นองค์หญิง มันคงไม่ดีหากเขาจะกระทำการหยาบคายภายใต้ฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา
กล่าวจบ เขาต้องการจะก้าวเข้าไป
“หยุดก่อนท่านผู้มาเยือน!”
ในเวลานี้ หลี่ฝูเฟิงเหยียดมือออกเพื่อหยุดทุกคนเอาไว้ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “หลัวชิงเซียนคือจักรพรรดินีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ท่านผู้มาเยือนยังไม่เปิดเผยตัวตน ข้าจะสามารถปล่อยให้ท่านเข้าไปด้านในได้อย่างไร!”
“ฮึ่ม! อะไรกัน เจ้ากล้าหยุดข้า!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ บุรุษสวมชุดคลุมขนนกตะคอกเสียงเย็นชาและเพียงประโยคเดียว ออร่าข่มเหงก็กดทับทำให้หลี่ฝูงเฟิงกระอักโลหิตคำโตออกมา พร้อมล่าถอยทันที
“เจ้า!”
หลี่ฝูเฟิงตกตะลึง เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มวัยสามสิบจะน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เพียงแค่จิตสังหารยังรุนแรงถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เซียนกระบี่หนิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดเทียบเทียมเขาได้อีกแล้ว
“เร็วเข้า! เปิดค่ายอาคมสังหาร! ปิดกั้นศัตรู!”
หลี่ฝูเฟิงคำรามลั่นและเริ่มเปิดใช้งานการป้องกันของนิกายทันที
แม้มันจะไม่ดีเทียบเท่ากับค่ายอาคมไท่เสวียนในอดีต แต่ก็สามารถป้องกันมหาอำนาจขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ทั้งหมดนี้ได้
“กองขยะพวกนี้คืออะไร!”
เมื่อเห็นค่ายอาคมใหญ่ปรากฏขึ้น บุรุษสวมชุดขนนกเผยรอยยิ้มเย็นชา พลังน่าสะพรึงกลัวปลดปล่อยออกเพื่อทำลายค่ายอาคมในทันที รวมถึงอาวุโสทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในประตูภูเขา ซึ่งทั้งหมดถูกกวาดล้างด้วยลมหายใจเดียว
“เฮ้อ!”
“พลังการต่อสู้ของบุคคลผู้นี้ ไม่ด้อยไปกว่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบครองสามอำนาจปราชญ์เลย!”
“เร็ว! ไปบอกเซียนกระบี่หนิงให้ออกมาจัดการศัตรู!”
“…”
ในเวลานี้ ทุกคนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มตะโกนโห่ร้อง
“ฮ่า ๆ เซียนกระบี่อะไรกัน? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในถิ่นทุรกันดารทางตอนเหนือนี้ มีกำลังคนไม่เพียงพอที่จะให้แม่ทัพผู้นี้ออกแรงด้วยซ้ำ!”
หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของทุกคนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บุรุษสวมชุดคลุมขนนกจึงเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา แววตาเฉียบคมเผยความเหยียดหยามอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้พลันมีเสียงเย็นชาดังขึ้นจากระยะไกล
“หลินชิงอวี่ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งผู้พิทักษ์เทพ แต่กลับมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อทำร้ายผู้คน นับว่าเป็นเกียรติยิ่งแล้ว!”