ตอนที่ 26 พลังสามประการแห่งปราชญ์ เก้าจักรพรรดิปีศาจ! (รีไรท์)
เวลาผันผ่าน ราวกับอาชาขาวห้อตะบึงไป สามปีผันผ่านในชั่วพริบตา
สามปีที่ผ่านมา หลังขาดคำสั่งการจากจักรพรรดิปีศาจ พวกมันก็ราวกับฝูงมังกรไร้ผู้นำ ฝ่ายอสูรถูกวิถีธรรมกดข่มลงในทันที และค่อย ๆ สูญสลายหายไป
ทั่วทั้งใต้หล้าราวกับฟื้นคืนความสงบก่อนหน้ากลับคืนมา
ในวันนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ณ พระราชวังจักรพรรดินี
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ด้วยเสียงกระหึ่มอย่างรุนแรง หนิงฝาน ผู้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องพลันสั่นสะเทือนไปทั้งร่างกาย จากนั้นร่างกายของเขาราวกับถูกแผดเผาโดยเพลิงไร้เปลว เผยร่างกายอันสมบูรณ์แบบออกมา ผิวกระจ่างใสราวกับเนื้อหยกล้ำค่า เลือดเนื้อโปร่งใสดุจอัญมณีเลอค่า ทั่วทั้งร่างมิมีตำหนิใดแม้แต่น้อย ราวกับเป็นร่างอันล้ำค่าจากโบราณกาล
ฮึ่ม!
ถัดจากนั้นไม่นาน รัศมีประกายแสงเจิดจ้าพร่างพราวออกมาจากภายใน ประหนึ่งกลายร่างเป็นรูปลักษณ์ของมังกรศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างมิรู้จบสิ้น พลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นล้อมรอบมัน!
ท้ายที่สุด สิ่งที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าคือการปรากฏกายของคนตัวเล็ก ๆ ที่แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มข้นออกมาอยู่เหนือศีรษะหนิงฝานราว ๆ สามฉื่อ*[1] รูปลักษณ์ราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกับหนิงฝาน และพลังวิญญาณอันไพศาลไหวกระเพื่อมในทุกท่วงอิริยาบถ
[ร่างได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว!]
[พลังวิญญาณได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว!]
[จิตวิญญาณได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว!]
ในตอนนี้ หนิงฝานพลันลืมตาขึ้น ประกายกระบี่อันแหลมคมสองประกายพุ่งออกไป ทะลุทะลวงความว่างเปล่าเบื้องหน้าเข้าโดยบัดดล
หลังจากสามปีแห่งการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และสะสมรวบรวมทรัพยากรมากมายหลากชนิดจากการลงชื่อเข้าใช้ ในวันนี้ หนิงฝานทะลุทะลวงผ่านขอบเขตสามขั้นเพื่อกลายเป็นปราชญ์ยุทธ์ในคราวเดียว รวบรวมร่างศักดิ์สิทธิ์ พลังศักดิ์สิทธิ์ และจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
บัดนี้ ด้วยพลังแห่งปราชญ์เพิ่มพูนเข้าไปในร่างกาย ทั่วทั้งร่างของเขาราวกับครอบครองขุมพลังกว้างไกลไร้ขอบเขต ทุกการเคลื่อนไหวของมือและเท้าราวกับมีพลังมหาศาลที่จะบดขยี้ความว่างเปล่าให้แหลกลาญ!
“ฮึ่ย! ไม่แปลกใจเหตุใดจึงมีคำเอ่ยที่ว่า ผู้คนที่อยู่ภายใต้ปราชญ์ยุทธ์ล้วนเป็นมด! บัดนี้ข้ามีเพียงพลังสามประการแห่งปราชญ์ยังมีพลังที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ หากกลายเป็นปราชญ์ยุทธ์ที่แท้จริงแล้ว ถึงตอนนั้นจะทรงพลังมากมายเพียงใด!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังสามประการแห่งปราชญ์ หนิงฝานอดสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ได้!
ตัวเขาในวันนี้ แม้ยืนนิ่งเฉยให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบโจมตี อีกฝ่ายย่อมไม่อาจทำให้เขาเกิดอันตรายใด ๆ ได้
ความแตกต่างโดยธรรมชาติประเภทนี้ ย่อมมิมีทางชดเชยได้ด้วยวิธีอื่นใดทั้งสิ้น!
“ฮ่า ๆ พลังสามประการแห่งปราชญ์นี้ทำให้ข้ารู้สึกไร้เทียมทาน หาเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์อย่างแท้จริง จึงจะนับได้ว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
หนิงฝานหัวเราะออกมาดังลั่น ในใจรู้สึกรื่นรมย์เป็นอย่างมาก!
ฟิ้ว!
ในตอนนี้เอง แสงสว่างแวบผ่านครรลองสายตาของเขา ร่างงามปรากฏกายออกมา
“สามี สิ่งใดทำให้ท่านสบายอารมณ์เช่นนี้…”
หลัวชิงเซียนเดินออกมาจากเงาแสง ก่อนที่เขาจะทันได้เปิดปากพูด นางพลันหันหน้าหนีไป ใบหน้างามล้ำกลายเป็นสีแดงก่ำ
“บ้า! ยามกลางวันเช่นนี้…หยาบคายยิ่งนัก!”
นางเอ่ยออกมาเสียงอ่อย ๆ ชวนจั๊กจี้หัวใจ
ถึงตอนนี้ เมื่อลมพัดหวีดหวิว ร่างกายส่วนล่างของเขาเย็นขึ้นมา!
ถึงตรงนี้หนิงฝานจึงพึ่งตระหนักได้ว่าเขากำลังเปลือยกายล่อนจ้อนทั้งตัว
“ที่รัก อย่าได้เข้าใจข้าผิด มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด….”
หนิงฝานอธิบายอย่างรู้สึกอับอาย ขณะสวมใส่เสื้อผ้าของตน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านมานี้เป็นปัญหาของข้าแล้ว หากเจ้ารู้สึกโดดเดี่ยวและไม่สามารถอดกลั้นได้ในพระราชวังจักรพรรดินีแห่งนี้ จักรพรรดิผู้นี้จะหาสาวใช้สักนางมาให้เจ้า ดีหรือไม่?” หลัวชิงเซียนเอ่ยปากออกมาอย่างเยือกเย็น
“ภรรยา เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร ข้าไม่ใช่ผู้มักมากในกามเสียหน่อย!”
หนิงฝานใส่เสื้อแล้วก้าวเข้ามาหาหลัวชิงเซียน แล้วเอ่ยด้วยความรักใคร่เสน่หา “เจ้าก็รู้ ข้ามีเพียงภรรยาข้านั่นก็คือเจ้าเพียงผู้เดียวในหัวใจ”
“คนนิสัยเสีย! เช่นนั้นเมื่อครู่นี้เจ้าทำ…ทำอะไร!”
หลัวชิงเซียนพลันอบอุ่นในใจขึ้นมา แต่นางยังคงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งบุกทะลวงในการฝึกฝน ข้าตื่นเต้นดีใจเกินไป ไม่ได้ควบคุมพลังให้ดีจึงเผลอเผาเสื้อผ้าเข้าแล้ว!”
“เจ้าดูสิ ข้าบุกทะลวงขอบเขตยอดยุทธ์แล้ว!”
หนิงฝานส่ายหัวอธิบาย จากนั้นจงใจเปิดเผยกระแสพลังในการฝึกฝนของตนที่อยู่ในขอบเขตยอดยุทธ์
“ที่แท้เป็นเช่นนี้!”
เห็นเช่นนี้แล้ว หลัวชิงเซียนพลันตระหนักได้นางจึงรู้สึกอับอายอยู่เล็กน้อย นางคิดว่าหนิงฝานมิอาจอดกลั้นต่อความโดดเดี่ยวได้ และกำลัง….
“ฮ่า ๆ ภรรยา สามีเจ้าบุกทะลวงเข้าขอบเขตยอดยุทธ์ได้ มีสิ่งใดเป็นรางวัลหรือไม่?”
ในตอนนี้ หนิงฝานยิ้มอย่างมีเลศนัย
หลัวชิงเซียนพลันหัวใจเต้นรัวขึ้นมาในบัดดล ใบหน้านางแดงระเรื่อน้อย ๆ นางเอ่ยออกมา “เจ้าต้องการรางวัลใด?”
“ข้าคิดว่า…”
หนิงฝานกำลังจะเอ่ยออกมา ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นหลัวชิงเซียนคืนความเป็นจักรพรรดินีผู้ห่างเหินแล้ว จักรพรรดินีผู้สง่างามและให้ความรู้สึกกดดัน
“เจ้าบุรุษผู้นี้ เพียงแค่บุกทะลวงขอบเขตยอดยุทธ์ เจ้ากล้าขอรางวัลจากข้าได้อย่างไร ถ้าหากเจ้าบุกทะลวงผ่านขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ เช่นนั้นข้าอาจจะพิจารณาให้”
“จริงหรือเท็จ มีรางวัลให้การบุกทะลวงขั้นปราชญ์ยุทธ์ด้วยหรือ!” ได้ยินเช่นนี้ หนิงฝานเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“จริงสิ! เจ้านี่มันคนลามกเสียจริง!” หลัวชิงเซียนเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
คิดเพียงว่าหนิงฝานเพียงแค่คิดถึงรางวัลประเภทนั้นและไม่ได้ยินชัดถึงคำว่าปราชญ์ยุทธ์ที่นางเอ่ยออกไป
หาได้นึกไม่ว่า หนิงฝานได้ยินมันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ปราชญ์ยุทธ์!
เขาอยู่ห่างอีกเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น!
“ฮ่า ๆ ไม่คิดเลยว่าเส้นทางสู่การไร้เทียมทานและหนทางการครอบครองบัลลังก์จะสามารถสำเร็จในคราวเดียวกัน!”
“ข้ามีความสุขยิ่งนัก!”
ในวันถัดมา ด้วยสัญญาอย่างไม่ได้ตั้งใจของหลัวชิงเซียน หนิงฝานจึงฝึกฝนหนักขึ้นกว่าเดิม
เพียงเพราะต้องการครอบครองจักรพรรดินีอีกครั้งในวันที่เขาไร้ผู้ใดเทียบเทียม!
“บุรุษผู้นี้ กลายเป็นว่าเพียงแค่ต้องกระตุ้นเขาเล็กน้อยเท่านั้น เขาจึงจะฝึกฝนอย่างหนัก”
ในวัดถัดมา เมื่อเห็นหนิงฝานฝึกฝนอย่างหนักทั้งวันราวกับว่าเขากำลังจะทุทะลวงปราชญ์ยุทธ์ หลัวชิงเซียนพบว่ามันช่างน่าขบขันอย่างอดไม่ได้
หลังจากขบขันแล้วสักพัก ความรู้สึกเสียดายเล็ก ๆ ก็พุ่งขึ้นในหัวใจของหลัวชิงเซียนอีกครา
“ปราชญ์ยุทธ์จะเป็นการร้องขอเกินไปหรือไม่ เหตุใดตอนนั้นถึงไม่เอ่ยว่าบรรพชนยุทธ์กันนะ!”
…
ณ ซากปรักหักพังแห่งสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ สระอสูรศักดิ์สิทธิ์
ในวันนี้
ในสระอสูรศักดิ์สิทธิ์ โลหิตเหนียวหนืดข้นพลันเดือดพล่านขึ้นมา ร่างโลหิตบุรุษทั้งหกลืมตาขึ้นโดยฉับพลัน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
จากนั้นตามมาด้วยเสียงคำรามกึกก้องรุนแรงทั้งหก ปรากฏเป็นร่างโลหิตเร่งรุดออกมาจากสระนั้นในทันที กระแสพลังของขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบแผ่โอบล้อมทั่วทั้งร่าง!
“ฮ่า ๆๆ!”
“ผ่านไปถึงสามปีแล้ว พวกเราในท้ายที่สุดก็กลับมาแล้ว!”
ทันทีที่ทั้งหกกำเนิดใหม่ พวกเขามองขึ้นไปยังฟากฟ้าแล้วระเบิดหัวเราะออกมา
ถึงตอนนี้ โลหิตทั่วร่างกายได้ซึมซับเข้าไปในร่างกาย เผยให้เห็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของคนทั้งหก พวกเขาคือเสวี่ยเหลียน เชียงอวี้ ชีซา ว่านโซ่ว ไป่ตู๋ ซือกุย จักรพรรดิปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหก!
บัดนี้
จักรพรรดิปีศาจเวินอี้ จักรพรรดิปีศาจเยาเสีย และจักรพรรดิปีศาจทวนซื่อ จักรพรรดิปีศาจทั้งสามผู้ที่เฝ้ารออยู่ด้านข้างต่างตะลึงงัน และลุกขึ้นโดยพลัน “ยินดีกับท่านพี่ทั้งหลายที่หลอมร่างจากโลหิตแล้วกลับมาได้อีกครั้ง!”
“อืม เวินอี้ เยาเสีย ทวนซื่อ พวกเจ้าผู้คุ้มครองได้รับความลำบากแล้ว!”
จักรพรรดิปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหกพยักหน้าให้
ถึงตรงนี้จักรพรรดิปีศาจเชียงอวี้ท่ามกลางหมู่พวกเขาเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “ทุกท่าน บัดนี้พวกเราทั้งเก้าอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว สำนักใหญ่ทั้งสิบอันใด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอันใด ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราเก้าสำนักมหาอสูรอีกแล้ว ต่อไปพวกเราจะต้องกวาดล้างใต้หล้านี้ให้สิ้นซาก!”
“มิผิด เวลานั้นมาถึงแล้ว ถึงเวลาที่เราจะได้ให้ใต้หล้าตกอยู่ในกำมือของสำนักอสูรเรา!”
“เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว สุดท้ายชัยชนะที่เคยเป็นยุคสมัยของอสูรศักดิ์สิทธิ์เราจะฟื้นคืนมา!”
“นับต่อแต่นี้ ใต้หล้านี้จะต้องสั่นสะท้านอยู่ใต้ฝ่าเท้าเรา!”
จักรพรรดิปีศาจทั้งเก้าล้วนเอ่ยออกมาอย่างเยียบเย็น สุ้มเสียงฟังดูเลือดเย็นเผด็จการ จิตสังหารพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างกาย!
*[1] 尺 ฉื่อ มาตราวัดของจีน 1 ฉื่อ = 10 นิ้วจีน = 22.7 – 23.1 เซนติเมตร